ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 30 บทส่งท้าย แผนการของอโลวีนัส(จบเล่ม1)
- Home
- ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ!
- ตอนที่ 30 บทส่งท้าย แผนการของอโลวีนัส(จบเล่ม1)
จอนโบลเฝ้ามองสองสาวที่กำลังเดินออกไปจากวิหารอย่างเงียบๆ
ดวงตาสีฟ้าของเขาดูเฉยเมยยามมองสองคนนั้น สีหน้าครุ่นคิดอะไรหลายๆ สิ่ง
เหตุใดเทพธิดาถึงได้ให้ความสนใจเด็กคนนั้นนัก? ดูยังไงก็คนธรรมดาๆ ที่ไม่มีพลังเวทเลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าเด็กนั่นจะฉลาดเกินกว่าที่จะเป็นเด็กเจ็ดขวบจริงๆ ก็เถอะ แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นเหตุผลที่เทพธิดาให้ความสนใจขนาดนี้
ยังไงก็ตาม เขาเรียนรู้มาว่า ‘อย่าริอ่านตั้งคำถามกับแผนการของทวยเทพ’
แม้ว่าจะสงสัย แต่มนุษย์ธรรมดาๆ อย่าง ‘เธอ’ ย่อมไม่มีสิทธิ์สอดรู้สอดเห็นกับแผนการของพระองค์ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
จอน โบล หันหลังกลับอย่างเงียบงัน ก่อนจะเดินไปยังบริเวณหนึ่งของสวนที่มีต้นไม้หนาทึบ
เบื้องหน้าของ ‘เธอ’ คือกำแพงกั้นสวนขนาดใหญ่ มีเถาวัลย์สีเขียวปกคลุมและซอกแซกไปตามกำแพงก่อให้เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่
“จงเปิด”
จอน โบล เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งพลางนำมือไปสัมผัสกับกำแพงตรงหน้า
บริเวณฝ่ามือของ ‘เธอ’ เรืองแสงสีฟ้าขึ้นมา วงเวทขนาดเล็กปรากฏอยู่บนฝ่ามือ
ดวงตาสีฟ้าส่องสว่างเล็กน้อยราวกับสัตว์ที่ดวงตาเปล่งแสงในยามค่ำคืน
จอน โบล ใส่พลังเวทของตัวเองลงไปทีละนิด กำแพงและเถาวัลย์เบื้องหน้าค่อยๆ แยกตัวออกจากกันราวกับประตูที่กำลังเปิดอ้าออก
ห้องลับปรากฏขึ้น
ข้างในนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิด จอนโบลมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดลึกล้ำราวกับห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด
เธอก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในนั้น พลางปลดเปลื้องเสื้อคลุมชั้นนอกของนักบวชออกทีละน้อย เผยให้เห็นชุดของแม่ชีสีดำ มันเป็นชุดแม่ชีที่ไม่มีใครบนโลกใช้นอกจากเธอคนเดียว
มือเหี่ยวย่นคว้าจับเส้นผมของตัวเอง ก่อนที่จอน โบลจะค่อยๆ ฉีกมันออกอย่างช้าๆ มีเสียงปริแตกราวกับกระดาษขาดดังขึ้น
‘เธอ’ โยนหนังศีรษะของนักบวชชราลงกับพื้นอย่างไม่แยแส เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงมา มันเป็นเส้นผมสีเขียวธรรมชาติ ดวงตาสีฟ้ากลายเป็นสีเขียวอ่อน จากรูปลักษณ์แก่ชราของชายคนหนึ่งกลายเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์และงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
จอน โบล คว้ามือไปในความว่างเปล่า ก่อนที่จะหยิบเทียนไขออกมา แสงไฟจากเทียนไขทำให้ความมืดโดยรอบหายไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว
ในห้วงจักรวาลอันมืดมิด ความมืดก็ยังคงเหนือกว่าแสงสว่าง
“เทพธิดาแห่งแสงสว่าง ดวงประทีปแห่งจักรวาล จักรพรรดินีผู้นำพาความหวังทั้งมวล”
แม่ชีสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเปี่ยมศรัทธา เธอมองขึ้นไปข้างบนราวกับกำลังจับจ้องทวยเทพอยู่
“ข้า แอคเนส เทวทูตรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ขอรายงาน วันนี้ข้าทำตามพระบัญชาของพระองค์ได้สำเร็จ เด็กคนนั้นได้รับสารจากพระองค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
แอคเนสคือเทวทูตรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเทพธิดา เธอคือตัวตนที่เป็นรองเพียงแค่เทพแท้จริงเท่านั้น นอกจากนี้แอคเนสยังเป็นตัวตนที่ทรงพลังมากเป็นอันดับต้นๆ แม้แต่ในหมู่เทวทูตด้วยกัน เธอก็ทรงพลังที่สุด
แอคเนสสังเกตเห็นว่าความมืดมิดข้างบนกำลังเคลื่อนไหว แต่เพราะมันมืดเกินไป มันทำให้เธอมองไม่เห็นสิ่งใดเลย มีเพียงสัญชาตญาณของเทวทูตที่บอกเธอว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น
“สมกับเป็นเจ้า แอคเนส”
เสียงที่ฟังดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามดังขึ้น มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งกาลอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด แต่น่าแปลก คนที่ได้ยินมีเพียงแม่ชีสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น
“เป็นเกียรติของข้าพเจ้าแล้วที่ได้รับใช้พระองค์ แต่ข้าพเจ้าขอเสียมารยาทถามอะไรสักหน่อยได้หรือไม่?”
แอคเนสก้มหน้าด้วยความยินดีที่เทพธิดาเอ่ยชม แต่เธอก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่สงสัยเหมือนกัน
“ว่ามา เจ้าสงสัยอะไร”
อโลวีนัสตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสงบ ราวกับว่าเธอรู้ถึงข้อสงสัยของแอคเนสตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่สุดท้าย ‘พระองค์’ ก็เลือกที่จะให้แอคเนสถามคำถามออกมา
“ขอบพระคุณพระเจ้าข้า ข้าสงสัยว่าเหตุใดพระองค์ถึงให้ความสนใจเด็กคนนั้นมากขนาดนั้น เด็กที่ไม่มีพลังอะไรเลย มีเพียงมันสมองที่ชาญฉลาดนิดๆ หน่อยๆ และประสบการณ์ในฐานะของฆาตกรต่อเนื่องก็เท่านั้นเอง”
ใช่แล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เหมาะสมกับแผนการของพระองค์มากกว่านี้ เช่นชายที่ชื่อฟุมิ มัตสึโมโตะอะไรนั่น ได้ยินว่าหมอนั่นฉลาดกว่าเด็กคนนั้นมากนัก
ถ้าพระองค์อยากได้คนฉลาด ชายคนนั้นไม่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าหรือ?
“เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ”
อโลวีนัสตอบ เสียงของพระองค์ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจจนตัวของเทวทูตสาวสั่นเทา
“ข้าไม่ชอบผู้ชาย”
“?”
รู้สึกได้เลยว่าพระองค์กำลังยิ้มอย่างขี้เล่นอยู่ ไม่ ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง
แอคเนสพยายามปรับอารมณ์ของตนก่อนจะถามไปอีกครั้ง
“สมกับเป็นพระองค์”
สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเทพแท้จริง! ดูเหมือนว่าพระองค์จะอ่านใจของเธอได้ นั่นทำให้พระองค์ตอบอะไรแบบนั้นออกมา
จากที่เธอตีความ เทพธิดากำลังจะบอกว่าชายคนนั้น ฟุมิ มัตสึโมโตะคือตัวตนที่ไม่น่าสนใจสำหรับท่าน ไม่มีเหตุผลอะไรให้พาคนที่ไม่สมควรมาอยู่ในแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้ว
สมกับเป็นเทพธิดา! พระปรีชาของพระองค์ยิ่งใหญ่ ต่างกับคนที่คิดอะไรตื้นๆ อย่างเธอมากนัก
บางทีพระองค์อาจจะเล็งเห็นแล้วว่าเด็กสาวคนนั้นคือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแผนการของพระองค์ หาใช่คนอื่นไม่
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบหน้าเด็กคนนั้น แอคเนส”
อโลวีนัสพูดต่อ ทำทีราวกับว่าไม่ได้ยินความคิดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“แต่จงรู้ไว้ว่าเด็กนั่นคือกุญแจสำคัญสำหรับแผนการของข้า ห้ามเจ้าทำอะไรบ้าๆ ตามอำเภอใจของตัวเองเด็ดขาด”
แอคเนสก้มศีรษะลงและค้อมตัว แทบจะลงไปจูบพื้นดินแล้วด้วยซ้ำ
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านช่วยบอกกับข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ได้หรือไม่ว่าแผนการของพระองค์คือสิ่งใด”
เธอจะได้หาทางช่วยเหลือ มันเป็นหน้าที่ของข้ารับใช้อยู่แล้ว!
“นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า”
น้ำเสียงของอโลวีนัสเย็นเฉียบ นั่นทำให้แอคเนสตัวสั่นพลางรีบหมอบกราบไปกับพื้นสีดำสนิท
“ข ข้าพเจ้าสมควรตาย! ข้าไม่ควรสอดส่องความลับของพระองค์เลย!”
เหมือนว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะของอโลวีนัส แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่แผ่วเบาจนแอคเนสไม่ใส่ใจและคิดว่าตัวเองแค่หูฝาดไป
“แต่ในฐานะที่เจ้าคือเทวทูตรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่สุดของข้า ข้าจะบอกให้สักข้อสองข้อ”
แอคเนสเงี่ยหูพลางตั้งใจฟัง มาแล้ว ท่านเทพธิดาตั้งใจจะเปิดเผยแล้วงั้นหรือ?
“ข้าแค่อยากนำของที่เป็นของข้าตั้งแต่ต้นกลับมาเท่านั้น ใช่แล้ว เป้าหมายของข้าคือของที่ว่า”
“มันเป็นสมบัติที่ข้ามองว่ามีค่า ของที่ถูกพรากไปจากข้าด้วยฝีมือของพวกมันทั้งหมด”
สมบัติ? สมบัติที่แม้แต่เทพธิดายังให้ความสนใจ มันคืออะไรกันล่ะ?
“ท่านตั้งใจจะใช้เด็กคนนั้นในการค้นหาสมบัติให้กับท่าน?”
อโลวีนัสหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้มันดังขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
“ถูกต้อง เด็กนั่นจะเป็นหมากที่ใช้งานได้ดีทีเดียว ความหยิ่งผยอง ความฉลาด ความชั่วร้ายของเด็กนั่น ทั้งหมดคือคุณสมบัติของหมากชั้นเลิศ”
ใช่แล้ว หมากที่เดินไปจนสุดกระดานและคิดว่าตัวเองเป็นจุดสูงสุดของโลก โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น
“และตอนนี้ หมากตัวนั้นก็กำลังเริ่มออกเดิน”
สุดท้าย แม้ว่าเจ้าจะมองว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และมีประสบการณ์มากขนาดไหน
เจ้าก็เป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น
“ทุกๆ อย่างที่เป็นของข้าจะกลับคืนมาอีกครั้ง”