ฉันก็แค่อยากตาย แต่ไหงต้องมาเกิดใหม่ด้วยล่ะ! - ตอนที่ 0 บทนำ บทสนทนากับพระเจ้า
ท่ามกลางสายหมอกสีทองที่ทอดยาวไร้สิ้นสุด
ร่างของใครบางคนนอนอยู่บนสายหมอก
กายอันเลือนลาง แทบมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆ หมอกสีขาวแซมทองปกคลุมใบหน้า แขน และขาบางส่วน
ร่างนั้นสวมเสื้อของพนักงานบริษัทสีดำ กางเกงขายาวสีดำ เนกไทสีแดงขาดวิ่น เสื้อผ้ามีร่องรอยของการโดนยิงจำนวนมาก
เป็นร่องรอยของบาดแผลที่ดูเจ็บปวดและทรมาน
ร่างนั้นนอนครวญคราง มันส่งเสียงร้องแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดเคืองแค้นเหนือพรรณนาดังออกมาเป็นระลอก
“เจ็บ—ช่วย—”
ร่างนั้นพึมพำ ราวกับคนใกล้จะหมดลมหายใจ สีผิวขาวซีดราวกับคนตายและมีสายหมอกสีทองจางๆ คอยปกคลุมเอาไว้ มันดิ้นไปมาราวกับหนอนที่ถูกน้ำร้อนลวก หน้าอกของมันกระเพื่อมดุจดั่งคลื่น
ตุบ ตุบ ตุบ
‘ร่าง’ นั้นพยายามลุกขึ้น มันรู้สึกเจ็บปวดเหนือพรรณนา
“นี่ฉัน—อยู่ที่ไหน”
ร่างนั้นเอ่ยคำที่ชัดเจนออกมาเป็นครั้งแรก เสียงของมันค่อนข้างนุ่ม เป็นเสียงของหญิงสาว หญิงสาวที่กำลังทุกข์ทนทรมาน
ตัวของเธอสั่นระริกพลางทรุดลง เข่าอันเลือนลางกระแทกกับพื้นสายหมอก
“รู้สึกตัวแล้วหรือ”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงที่มอบความรู้สึกน่าเกรงขามให้กับหญิงสาว เสียงพวกนั้นไม่ได้ดังมาจากทิศทางใดเลย ขณะเดียวกัน
ก็เหมือนจะดังมาจากทุกๆ ที่ ดังสะท้อนไปทุกหนทุกแห่ง
ท่ามกลางมิติหมอกทองคำ ท้องนภาขนาดใหญ่ไม่สิ้นสุด เบื้องบนเต็มไปด้วยเมฆสีทองอมเทา มันให้ความรู้สึกน่าหลงใหลและ
น่าขยะแขยงไปพร้อมๆ กัน
‘ลูกตา’ ขนาดมหึมาปรากฎขึ้นบนนั้น
“อะ—อะ”
หญิงสาวที่ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางมิติลึกลับทรุดตัวลงด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ดวงตาขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งส่วนสามของท้องฟ้าจ้องมองมายังเธอ
แม้เธอจะมาโพล่ที่นี่แบบไม่มีเหตุผลก็ตาม ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างแต่สัญชาตญาณบางอย่างของเธอก็บอกกับเธอว่านั่นคืออะไร
ทวยเทพ! ต้องเป็นสิ่งนั้นแน่ๆ
และแล้วระหว่างที่เธอกำลังตกตะลึงผสมกับหวาดผวาอยู่นั้นก็มี ลำแสงสีทองบริสุทธิ์ก็พวยพุ่งลงมาจากท้องฟ้า มันผ่าลงตรงหน้าของหญิงสาว
ลำแสงค่อยๆ แปรสภาพเป็นของเหลวเหนียวหนืด ของเหลวพวกนั้นรวมตัวกัน แปรผัน บิดเบี้ยว และสุดท้าย มันก็กลายเป็นบัลลังก์ทองคำงดงาม
ลำแสงที่เปล่งออกมาจากบัลลังก์สีทองฉายสะท้อนไปกับพื้นที่โดยรอบ ก่อให้เกิดภาพมายาของปราสาทอันใหญ่โตโอ่อ่า
มันมอบความรู้สึกยิ่งใหญ่และทรงอำนาจราวกับว่าเธออยู่ในอาณาจักรของเทพเจ้าไม่มีผิด
ต้องคุกเข่า—รึเปล่านะ?
หมอกสีทองทำให้ร่างกายรู้สึกเบา ราวกับว่าร่างกายนี้ไม่ใช่กายเนื้อ ขณะเดียวกันบัลลังก์ทองคำตรงหน้าก็ปรากฏร่างของใครบางคน
คนๆ นั้นคือหญิงสาว หญิงสาวที่ผิวกายผุดผ่องอย่างไม่น่าเชื่อ
เธอมีดวงตาสีทองอำพัน สวมชุดคลุมของนักบวชสีทอง เนื้อผ้าเลียบลื่นเป็นมันเงา มงกุฎทรงสูงวางไว้บนหัว ในมือซ้ายถือแอปเปิ้ล
สีม่วงอมแดงในมือ
‘พระองค์’ กึ่งนั่งกึ่งนอนบนบัลลังก์ด้วยท่าทีสบายๆ และกำลังแกว่งขาไปมาอย่างร่าเริงเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูยิ้มแย้ม
ยิ้มแย้มราวกับว่าเจอบางสิ่งที่ตามหามานาน
เธอคนนี้—จะต้องเป็นเทพเจ้าไม่ผิดแน่
หญิงสาวมีความรู้สึกว่าต้องคุกเข่า หรือไม่ก็ทำความเคารพอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าตัวตนตรงหน้าคือตัวตนระดับสูงเป็นแน่แท้
แต่อีกใจหนึ่งเธอกลับไม่อยากทำอย่างแปลกประหลาด
จะว่าไป หญิงสาวพึ่งจะมารู้ตัวว่าตัวเองปราศจากความทรงจำอย่างสิ้นเชิง
อย่างแรกเลย เธอเป็นใคร ทำไมถึงมาโผล่ที่มิติแปลกๆแบบนี้ได้ หมอกที่ปกคลุมร่างพวกนี้มันอะไร ทำไมผิวของเธอถึงดูเหมือนคนตาย
และที่สำคัญ เธอจำได้ว่าตัวเองปราศจากสามัญสำนึกดังเดิม!เธอจำเผ่าพันธุ์ที่ตัวเองเคยเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ!
เธอจะกินอาหารได้ยังไง จะนอนไปทำไม เธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเด็กทารก
แต่มีบางสิ่งที่เธอรู้แน่ชัด นั่นคือความบ้าคลั่งบางอย่างที่อยู่ในจิตใจของเธอ เธอมองไปยังทวยเทพที่นั่งบัลลังก์เบื้องหน้า ทั้งคู่ไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองกันและกัน
“—ดูเหมือนว่า”
ทวยเทพที่กำลังกัดกินแอปเปิ้ลเริ่มปริปากเป็นครั้งแรก สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจมหาศาลที่แผ่ออกมาจากทุกๆ คำพูด
“เจ้าจะหลงลืมทุกๆ สิ่งไปเลยสินะ”
หญิงสาวบนบัลลังก์ทองคำโยนแอปเปิ้ลออกไป แอปเปิ้ลผลนั้นจมหายลับไปกับสายหมอกสีทอง
มีเสียง ‘ซ่า’ แผ่วเบาดังออกมาจากสายหมอก
“ข้ามีชื่อว่าอโลวีนัส”
โดยไม่ให้โอกาสเปิดปากถาม อโลวีนัสได้เอ่ยนามของตัวเองออกมา
“เทพธิดาอโลวีนัส”
และนางก็แสยะยิ้ม
“จำได้แล้วหรือยัง? มนุษย์เอ๋ย”
และแล้ว ความทรงจำ—ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ซัดสาดเข้าใส่หญิงสาว ภาพความทรงจำเหล่านั้นเป็นดั่งคลื่นน้ำที่ถาโถมเข้ามาหาเธอโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแต่แม้แต่น้อย
ภาพของเสียงหัวเราะวิปลาส ภาพของหญิงสาวผมยาวสีดำ ดวงตาสีดำ กำลังพูดคุยกับชายคนหนึ่ง และเวลาต่อมาชายคนนั้นก็เอามีดไล่แทงคนอื่นจนมีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย บาดเจ็บห้าราย
ภาพของการต่อสู้ที่ริมหน้าผา หญิงสาวผมสีดำคนเดิมถูกคน
ในชุดตำรวจสืบสวนรุมยิงจนร่วงหล่นลงไปในหุบเหวเบื้องล่าง
และภาพสุดท้าย คือตัวเธอที่กำลังประจันหน้ากับเทพเจ้า
ใช่แล้ว เธอจำได้เสียที
เธอคือฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรที่เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย
เธอเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ต่อกรกับตำรวจและเหล่าผู้พิทักษ์กฎหมายมานานนับสิบปี และสุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ และถูกตำรวจฆ่าตายในที่สุด
และเมื่อเธอตาย เธอก็มาโผล่ที่นี่ ที่มิติหมอกทองคำแห่งนี้
นี่ต้องเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ที่เธอเคยอ่านตามนิยายแฟนตาซีต่างโลกทั่วไปแน่ ๆ นั่นคือการไปพบเทพธิดาแล้วไปต่างโลก
หญิงสาวกำหมัดแน่น ความโกรธพรั่งพรูขึ้นมาจากข้างในอก จิตใจพลันขุ่นมัว จากที่เคยบริสุทธิ์เพราะไร้ความทรงจำ กลายเป็นจิตใจที่เต็มไปด้วยความชิงชังเพราะความทรงจำที่ได้รับมาแทน
ฆาตกรต่อเนื่องกลับมาจดจำตัวตนดั้งเดิมได้อีกครั้ง
“หึหึ จำได้แล้วสินะ”
เทพธิดาเอ่ยด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ฆาตกรสาวกำหมัดแน่น ปราศจากความหวาดกลัวหรือความยำเกรงอีกต่อไป ณเวลานี้ความเคารพทั้งหมดของเธอเป็นศูนย์
“อ่า แกคือเทพธิดาหรืออะไรแบบนั้นสินะ”
เธอเอ่ย ตอนแรกที่เธอเกรงกลัวและเคารพเป็นเพราะเธอยังจำอะไรไม่ได้ แต่พอความทรงจำกลับมา นิสัยบางอย่างก็ติดกลับมาด้วย
มันคือความรู้สึกชิงชังศาสนาและเทพเจ้าตามตำนานทุกตนบนโลกยังไงล่ะ
เธอมองว่าพวกนั้นคือตัวตนที่เอาแต่เฝ้ามองและไม่ยอมช่วยเหลือมนุษย์ เอาแต่อ้างคำอ้างโง่ๆ อย่างนี่คือบททดสอบหรืออะไรแบบนั้นเวลามีใครสักคนทุกข์ทรมาน
ชีวิตของผู้คนไม่ใช่บททดสอบที่แกจะเอามาละเลงเล่นได้นะโว้ยยย
“โอ้แหม” เทพธิดาเอ่ยด้วยรอยยิ้มแพรวพราว “พอข้าคืนความทรงจำให้เจ้า เจ้าก็เหิมเกริมขึ้นมาทันทีเชียวนะ”
เทพธิดาเปลี่ยนท่านั่ง นางเปลี่ยนมานั่งหลังตรง ดวงตาจับจ้องมายังหญิงสาวพลางไขว้ขา ต้นขาขาวเผยออกมาให้เห็น หญิงสาวเผลอเหลือบไปเห็นหน้าอกของอีกฝ่าย
อืม ค่อนข้างใหญ่ แต่ก็สมกับเป็นพระเจ้าดี ร่างกายทุกๆ ส่วนมีสัดส่วนโค้งเว้าที่เหมาะสม ไขมันตรงต้นขาไม่มากเกินหรือน้อยเกิน ขนาดของหน้าอกเทพธิดามีสัดส่วนพอดีกับร่างกายสุดเซ็กซี่นั่น
เทียบกับร่างกายของเธอแล้วมันคนละเรื่องเลย โลกเก่าของเธอ เธอมีร่างกายที่เหมือนมนุษย์เงินเดือน หลังแข็ง หน้าอกปานกลาง ไม่ได้เพอร์เฟคขนาดนี้
เป็นร่างกายที่น่าอิจฉาซะจริง
เทพธิดาไม่แยแสเรื่องที่เธอจ้องหน้าอก เธอยังพูดต่อไป
“ยังไงก็ตาม ชื่อเก่าของเจ้าคือวาคาดะ ซายูริ”
ยัยนั่นเอ่ย
“สัญชาติญี่ปุ่น เกิดที่จังหวัดฮอกไกโด ย้ายไปทำงานที่ มหานคร โตเกียว ตอนอายุสิบแปดปี ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหญ่หลายครั้ง แต่ความจริงแล้วก่อคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญมาตั้งแต่ประถมและตบตาตำรวจมาได้ตลอด แต่สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างน่าสมเพชเพราะลูกน้องโง่เขลาหนึ่งคน”
เมื่อถึงตรงนี้เทพธิดาอโลวีนัสเหยียดยิ้ม
“เจ้าตายเพราะความผิดพลาดของตัวเจ้าและลูกน้องของเจ้า ทำให้เจ้าต้องมาพบกับข้าที่นี่ และจากที่เจ้าเดาๆ ได้ ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่ยังต่างโลก ”
“แม้ว่าการส่งฆาตกรชั่วช้าไปยังโลกของข้ามันจะเป็นการสร้างความฉิบหายให้ผู้คนก็ตาม แต่ภาพยนตร์น่ะต้องมีตัวร้ายถึงจะสนุก ใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อถึงตรงนี้อโลวีนัสเสกไวน์แดงคุณภาพดีขึ้นมาก่อนจะจิบเบาๆ พร้อมกับยื่นมันมาทางวาคาดะ ซายูริ
“สักหน่อยไหม? ดวงวิญญาณบาปอย่างเจ้าน่าจะต้องการไวน์อุ่นๆ สักแก้วนะ”
วาคาดะปฏิเสธ เธอปัดมันออกจากมือของอีกฝ่ายจนแก้วไวน์กระเด็นไปไกล มันจมหายไปกับมิติหมอกทองคำ
เกิดเสียงซ่าประหลาดขึ้นอีกครั้ง
“ขอปฏิเสธ”
เธอกล่าวอย่างฉะฉาน
“โฮ่” เทพธิดาทำสีหน้าสนใจ “เจ้าไม่ต้องการไวน์แดงงั้นรึ?”
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่ใช่” เธอตอบ “ฉันไม่ต้องการไปเกิดใหม่”
ถ้อยคำที่ไม่คาดฝันทำให้เทพธิดาอโลวีนัสเผลอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ทำไม? ข้านึกว่าเจ้าอยากจะไปเกิดใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่หรืออะไรแบบนั้นเสียอีก เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะฆ่าคนต่อไปหรือว่าจะใช้ชีวิตสงบๆ แน่นอนว่าสำหรับต่างโลกที่เจ้ารู้จักย่อมเต็มไปด้วยมอนเตอร์ โจร และพวกรสนิยมวิปริต เจ้าไม่สามารถใช้ชีวิตสงบสุขได้ตลอดกาลหรอก หึหึหึหึ”
วาคาดะเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ
“ฟังนะนังเทพเจ้า”
เธอเอ่ยราวกับไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร มนุษย์ เทพ พระเจ้า ปีศาจ ทุกๆ สิ่งมันก็เหมือนกันหมดในสายตาของเธอ
“ฉันไม่สนใจว่าชีวิตที่สองจะมีอะไรรออยู่ ไม่สนใจเรื่องการใช้ชีวิตให้สงบสุข ไม่สนเรื่องการผจญภัย เวทมนตร์ หรืออะไรแบบนั้น”
“ของพวกนั้นมีแค่เด็กเท่านั้นที่ปรารถนาจะได้มันมา แบบพวกนีทจูนิเบียวอยากมีฮาเร็มหรืออะไรแบบนั้น”
“แต่ฉันไม่ใช่นีทกระจอกๆ แบบนั้น ฉันคือสุดยอดฆาตกรต่อเนื่อง!”
เธอเดินไปมาพลางพูดไปด้วย
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรให้ไปเกิดใหม่ รู้รึเปล่าว่าฉันฆ่าคนทำไม”
เทพธิดาพยักหน้าเบาๆ
“อ่า เพราะเจ้าอยากเห็นผู้อื่นเจ็บปวด”
“—และจมลงสู่ก้นบึ้ง”
วาคาดะเสริม
“—และใช่ เมื่อฉันไม่ได้ฆ่าคนนานๆ ฉันจะหงุดหงิด ความหงุดหงิดมันทำให้ฉันทรมาน ฉันไม่ใช่พวกวิตถารมาโซคิสม์ที่อยากจะทรมานตัวเองแบบนั้น”
แต่เป็นพวกวิตถารซาดิสที่อยากจะทรมานคนอื่นแทน เธอเสริมในใจอย่างเงียบงัน
“เนื่องจากการมีชีวิตอยู่มันทุกข์ทรมานแบบนั้น ต้องออกไปฆ่าคนเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับตัวเองทุกๆ วัน พอไม่ได้ฆ่าก็แทบคลั่ง การใช้ชีวิตแบบนั้นมันนรกชัดๆ”
เธอเอ่ยอีกครั้ง
“ฉันเลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปเกิดใหม่ และขอตายอย่างสงบสุขแทน แกน่าจะมีเวทมนตร์หรือพลังพิเศษอะไรสักอย่างที่ช่วยลบตัวตนของฉันไปได้ตลอดกาลใช่ไหมล่ะ”
เธอจ้องไปยังใบหน้าของเทพธิดา เห็นยัยนั่นทำสีหน้าเจือความสงสารแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น
แต่แค่แป๊ปเดียวก่อนที่วินาทีต่อมายัยนั่นจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮะฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮาา”
เทพธิดาอโลวีนัสแผดเสียงดัง มิติสีทองสั่นสะเทือนจนราวกับมันจะพังทลายได้ทุกเมื่อ
มิติที่มีพลังของเทพเจ้า—กลับสั่นสะเทือนได้ง่ายๆ ด้วยการหัวเราะเพียงครั้งเดียว
ทรงพลัง—ขนาดไหนกัน?
“ตายอย่างสงบสุข? เจ้าน่ะรึ?” เทพธิดาเช็ดน้ำที่หางตา “อย่าทำให้ขำไปหน่อยเลย”
จากนั้นยัยนั่นก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมากะทันหัน
“ฆาตกรชั่วช้าอย่างเจ้าสมควรตายเยี่ยงหมาข้างถนน”
บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้น เทพธิดาอโลวีนัสมองหญิงสาวด้วยแววตาดูถูกดูแคลน
“ข้าไม่เสียเวลาฟังเจ้าหรอกมนุษย์ ไม่ว่ายังไงก็ตามการส่งเจ้าไปต่างโลกก็เป็นจุดประสงค์ของข้าตั้งแต่ต้น และเจ้า ก็ไม่อาจขัดเจตจำนงค์ของพระเจ้าได้”
หมัดของหญิงสาวกำแน่นเมื่อได้ยินแบบนั้น
แบบนี้มัน…บังคับกันงั้นเหรอ?
ไอ้พระเจ้าเฮงซวย
วาคาดะรู้ตัวแล้วว่าไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็จะส่งเธอไปต่างโลกให้ได้ การพูดต่อไปคงไม่มีประโยชน์อีกแล้วล่ะ
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็เม้มปากด้วยความหงุดหงิด เธอคิดแผนการบางอย่างในใจขึ้นมา แผนการที่จะเอาคืนพระเจ้าจอมเย่อหยิ่งตนนี้
“สรุปก็คือแกจะส่งฉันไปต่างโลกให้ได้เลยสินะ…”
เธอเอ่ย สีหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจของเธอนั้นเดือดพล่าน
เธอแค่ปรารถนาความตายเท่านั้นเอง เธอไม่ได้อยากไปเกิดใหม่เลยสักนิด แต่นังเทพเจ้าบ้านี่กลับบังคับเกิดใหม่ตามใจชอบซะอย่างนั้น
ไม่ชอบใจสุดๆ ไปเลย
“หึ ก็ได้ จะส่งไปต่างโลกก็ได้นะ แต่ฉันมีคำท้ามาให้แกหนึ่งข้อ”
“หืม?”
เทพธิดาทำหน้าสนใจ คำท้าอะไรกันหนอที่วาคาดะ ซายูริจะมอบให้
“ว่ามา”
“มาพนันกันว่าตอนไปต่างโลกฉันจะตายเยี่ยงหมาข้างถนนอย่างที่แกว่า หรือว่าฉันจะ—”
เธอเอานิ้วทำท่าปาดคอตัวเอง
“—หาทางขึ้นมาและฆ่าแกได้สำเร็จกันแน่”
เธอตัดสินใจใช้การพนัน ถ้าเธอสามารถฆ่าเทพธิดาได้เธอก็จะชนะพนันครั้งนี้ ถ้าเธอตาย เธอก็แค่ได้ตายสมใจ
“ก็เอาสิ”
เทพธิดาเหยียดยิ้ม กำลังคิดว่ายังไงมนุษย์ธรรมดาก็เอาชนะทวยเทพไม่ได้ เธอทำสายตาดูถูกเล็กน้อยขณะที่มองไปยังร่างวิญญาณของวาคาดะ ซายูริ
มนุษย์ตนนี้พยายามจะดูหมิ่นเธอด้วยการท้าทายแบบนั้น คงจะแอบหวังลึกๆ ว่าจะทำให้เธอโกรธและพลั้งมือฆ่าอีกฝ่ายสินะ
ไม่หลงกลตื้นๆ แบบนั้นหรอก ยังไงซะ เพื่อ ‘แผนการ’ แล้ว เธอจำเป็นต้องส่งมนุษย์ตนนี้ไปเกิดใหม่ให้ได้
“ถ้าเจ้าตาย ข้าจะส่งวิญญาณเจ้าไปทรมานในนรกชั่วนิรันดร์”
เทพธิดาพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเลยทีเดียว รอยยิ้มของพระองค์ดูเหี้ยมเกรียมขึ้นและ—ชั่วร้ายขึ้นนิดหน่อย
“มันจะเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยนึกถึงมาก่อนแน่นอน สว่านไฟฟ้าจำนวนมากจะปั่นกะโหลกของเจ้า กรรไกรจะ—”
เทพธิดาหยุดพูด
“อ่า ขอโทษที อนาเฮมไม่ชอบให้พูดเรื่องวิธีการทรมานของเจ้านั่นนี่นะ แต่ถึงอย่างไรเสียเทพเจ้าแห่งความตายตนนั้นก็คงไม่รู้หรอกมั้งว่าข้าแอบพูดเรื่องนี้ หึหึหึ”
หืม มีเทพองค์อื่นด้วยหรือ วาคาดะถามในใจ
“อ่า แต่ข้าพึ่งตระหนักได้ถึงปัญหาอย่างหนึ่งนะวาคาดะ”
เทพธิดาเหยียดยิ้มอีกครั้ง
“ถ้าส่งเจ้าไปข้าก็ต้องส่งมอบพลังเวทจำนวนมหาศาล พลังโกงๆ ทักษะที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงพลังกายที่แข็งแกร่งดุจสัตว์ประหลาด”
“แบบนั้นมันไม่เอาเปรียบข้าไปหน่อยรึ เจ้าจะตายเยี่ยงเดรัจฉานได้อย่างไรกันถ้าเจ้ามีพลังโกงๆ ขนาดนั้น”
เธอจำได้ว่ามนุษย์มักจะแต่งนิยายแนวเกิดใหม่ต่างโลกโดยที่ตัวละครหลักจะได้รับพลังโกงๆ ติดตัวไปทุกครั้ง มันเหมือนเป็นข้อบังคับของนวนิยายแนวนั้นไปแล้วที่ตัวเอกจะต้องทรงพลังและแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ
จำได้ว่ามันเรียกว่าสกิลโกงสินะ
“ง่ายมาก” วาคาดะเอ่ย “ก็แค่ไม่ให้สกิลกับฉันแค่นั้นเอง”
“อะไรนะ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่อโลวีนัสทำสีหน้าประหลาดใจ ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่คิดไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะเสนอเช่นนี้
“ฉันบอกว่าแกไม่ต้องให้อะไรฉันทั้งนั้น ทั้งพลังเวท ทำให้มันเป็นศูนย์ซะ พลังกายแค่คนปกติ สกิลไม่ต้องมี ฉันจะไปเกิดใหม่ในฐานะคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่แลกกับการที่แกห้ามส่งฉันไปเกิดยังที่ที่อันตรายเกินไป อันตรายระดับที่ว่าระมัดระวังตัวเต็มที่ยังสามารถตายได้โดยไม่รู้ตัว แบบนั้นมันไม่ยุติธรรม”
“เท่านี้พวกเราก็เสมอกันแล้ว จริงไหมล่ะ? แกไม่ให้สกิลเพื่อให้ฉันตายเยี่ยงสุนัข ฉันได้ไปเกิดใหม่ยังที่ที่ไม่อันตรายเพื่อหาโอกาสตั้งตัวและวางแผนมากำจัดแก”
“ลองคิดดูสิ เป็นข้อเสนอที่ดีเลยไม่ใช่รึไง ความจริงฉันออกจะเสียเปรียบหน่อยๆ ด้วยซ้ำนะเนี่ย”
หญิงสาวพยายามโน้มน้าว เทพธิดาทำท่าครุ่นคิด
ไม่คิดจะรับพลังโกงๆ งั้นหรือ
นี่มัน…น่าสนใจ
“อืม ก็ถูกของเจ้า” เธอเอ่ย “ตกลงตามนั้น ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่โดยไร้พลัง แลกกับการที่เจ้าไม่ต้องเผชิญอันตรายถึงตายในช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆ ข้าไม่รู้นะ หึหึ”
เปาะ เทพธิดาดีดนิ้วแผ่วเบา ตอนนี้พวกเธอคุยกันมานานพอแล้ว ได้เวลาจากลากันแล้ว
หวังว่ามนุษย์ผู้นี้จะทำให้ข้าสนุกได้นะ
แสงสีทองเริ่มห่อหุ้มตัวของหญิงสาว หมอกสีทองอ่อนๆ รวมตัวกันและปกคลุมร่างของวาคาดะ ซายูริ
“ไว้เจอกันอีกครั้ง—วาคาดะ ซายูริ” เทพธิดาอำลา “หวังว่าข้าจะได้เห็นเจ้าลงนรกไปซะ”
“เช่นกัน เทพธิดา”
วาคาดะโค้งตัวลงพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันจะกระชากแกให้ร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์แห่งนี้ซะ และจะทำลายโลกทั้งใบด้วยมือของฉันเอง”
“โชคร้ายล่ะ”
“ไปตายซะเช่นกัน”
และแล้ว หญิงสาวก็หายวับไปโดยสมบูรณ์…