จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ - ตอนที่ 48 ลอบฆ่า
“ยังมีอีกเรื่อง นับจากนี้เป็นต้นไป หลู่เส่าโหย่วสามารถเข้าหอเก็บวิชายุทธ์ได้ตลอดเวลา เด็กคนนี้ฝึกฝนมาถึงขั้นนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพวกเรา ดังนั้นเรื่องของเจ้าหนูนั่นพวกเราก็ไม่ต้องไปยุ่งแล้ว แต่ในช่วงเวลานี้เราต้องดูแลความปลอดภัยของเขาให้ดีจนกระทั่งเขาได้เข้านิกายอวิ๋นหยาง ดูจากความแข็งแกร่งของหลู่เส่าโหย่ว การที่จะเข้านิกายอวิ๋นหยางนั้นก็คงจะไม่มีปัญหา และถึงแม้เขาจะมีความแข็งแกร่งไม่พอ แต่การเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ นิกายอวิ๋นหยางจะต้องรีบแย่งตัวเขาเข้านิกายแน่ เมื่ออยู่ในนิกายอวิ๋นหยาง เส่าโหย่วก็ถือว่าปลอดภัยแล้ว” ชายชราในห้องหินได้กล่าวออกมา
“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” หลู่ตงกล่าว
“แล้วเจ้าสามรู้เรื่องแล้วหรือยัง?” ชายชราในห้องหินได้กล่าวถาม
“รู้แล้ว เมื่อครู่ข้าไปบอกกับเขามาแล้ว ตลอดหลายปีนี้เจ้าสามได้ปิดด่าน และไม่เคยออกมาอีกเลย” หลู่ตงกล่าว
“ข้าทำให้เจ้าเด็กนั่นต้องลำบากแล้ว” ชายชราในห้องหินถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วจากนั้นก็เงียบไป
เมื่อรุ่งเช้าวันต่อมามาถึง หลู่เส่าโหย่วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาของเขาได้ส่องแสงสว่างที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่เป็นเวลานาน แสงสว่างที่ปกคลุมรอบกายของเขาเอาไว้ถูกเก็บกลับไป เขาได้ฟื้นคืนพลังกลับสู่ความสมบูรณ์ อาการบาดเจ็บก็ได้หายไปจนเป็นปกติภายในคืนเดียวด้วยผลของโอสถคืนสภาพกับทักษะวิญญาณหยินหยาง
“โอสถคืนสภาพนี่ค่อนข้างดีเลย” หากไม่มีโอสถคืนสภาพ อาการบาดเจ็บของเขาคงไม่หายเร็วขนาดนี้
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ หลู่เส่าโหย่วก็ออกจากห้องและไปที่ห้องโถงเล็ก หลู่หวู๋ซวง หลู่เสี่ยวไป๋ และลั่วหลานซือต่างก็อยู่ในห้องโถงเล็กกันทั้งหมด
“เส่าโหย่วอาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลู่หวู๋ซวงที่เห็นหลู่เส่าโหย่วก่อนคนอื่นได้ถามออกมา
“หายดีแล้ว” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“เร็วขนาดนี้เชียว” หลู่หวู๋ซวงประหลาดใจขึ้นมา เมื่อวานนางได้เห็นอาการบาดเจ็บของหลู่เส่าโหย่วกับตา ถึงแม้จะไม่ได้หนักมาก แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเบา ความเร็วในการฟื้นตัวเช่นนี้ช่างทำให้ผู้อื่นประหลาดใจนัก
“คุณชาย ที่แท้ท่านก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ เรื่องนี้ช่างดียิ่งนัก” หลู่เสี่ยวไป๋ตื่นเต้นอย่างมาก ต่อจากนี้การที่เขาได้ติดตามหลู่เส่าโหย่ว ตัวเขาก็คงจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่
“เส่าโหย่ว ลุงใหญ่ของเจ้าให้พวกเราย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า เจ้าคิดเห็นเช่นไร” ลั่วหลานซือกล่าว
“ย้ายไปอยู่ลานด้านหน้า เพื่ออะไร?” สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตัวเขานั้นพักอยู่ด้านหลังอย่างไม่ติดขัดอะไร
“เส่าโหย่ว คนในตระกูลได้พูดคุยตกลงกันแล้ว ทางตระกูลให้เจ้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลและย้ายไปอยู่ที่เรือนด้านหน้า” หลู่หวู๋ซวงกล่าว
“ตกลงให้ข้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูล” หลู่เส่าโหย่วหัวเราะเยาะขึ้นมาทันที “เช่นนั้นตัวข้าต้องขอบพระคุณต่อน้ำใจที่มีให้ใช่หรือไม่ จดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูล ข้าไม่ได้ติดค้างอะไรตระกูลหลู่และข้าก็ไม่ได้สนใจตระกูลหลู่ด้วย”
“เส่าโหย่ว แต่ว่า…” หลู่หวู๋ซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นนี้
“พี่หวู๋ซวง ท่านไม่ต้องกล่าวอะไรแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ตระกูลหลู่จะทำเช่นนี้หรือ ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลู่เลยแม้แต่น้อย ข้าขอตัวออกไปข้างนอกก่อน คงจะกลับมาดึกหน่อย” หลังจากที่หลู่เส่าโหย่วกล่าวจบก็ออกไปจากลานบ้านทันที
“เจ้าลูกคนนี้…” ลั่วหลานซือถอนหายใจออกมา
‘คนในตระกูลหลู่คิดว่าผู้อื่นเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ จดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลหลู่ ตัวข้านั้นไม่ได้เป็นคนตระกูลหลู่เสียหน่อย’ ตลอดทางหลู่เส่าโหย่วได้แต่คิดเช่นนี้อยู่ภายในใจ จากนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพราะอย่างไรตัวเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลู่อยู่แล้ว
หลังออกมาจากตระกูลหลู่ หลู่เส่าโหย่วก็ได้เดินทางไปที่เทียนเป่าเหมิน ในตัวเขายังมีโอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ดและเงินสองพันเหรียญทอง รวมกับโอสถเจิ้งหยวนอีกหนึ่งเม็ด และยังมีโอสถเพิ่มลมปราณที่ได้มาเมื่อวานด้วย หลู่เส่าโหย่วต้องการขายมันทั้งหมดเพื่อชดใช้หนี้
“ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุปรากฏตัวขึ้นมา” ภายในห้องโถงเล็กในเทียนเป่าเหมิน กูตู๋ปิงหลันได้กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณหนู ข้าคาดว่าหลู่เส่าโหย่วผู้นี้คงเก็บซ่อนเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และคนในตระกูลหลู่ก็ไม่เคยรู้ตัว ดูเหมือนว่า หลู่เส่าโหย่วคงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่ผู้ฝึกวิญญาณ” หวู่จื่อซือกล่าว
“แต่เบื้องหลังของหลู่เส่าโหย่วจะต้องมีผู้ฝึกวิญญาณเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และตัวเขาเองก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ดูเหมือนเขาจะต้องเข้าร่วมการแย่งชิงรายชื่อของนิกายอวิ๋นหยางแน่” สาวใช้ชุยอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมา
“เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี?” กูตู๋ปิงหลันถามความคิดเห็นจากชุยอวี่
“หวู่จื่อซือ เจ้าไปจัดการเรื่องรายชื่อของนิกายอวิ๋นหยางมา ให้คุณหนูได้ไปเดินเล่นที่นิกายอวิ๋นหยางเสียหน่อย” ชุยอวี่กล่าว
“ขอรับ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย”
“คุณหนู หวู่จื่อซือ หลู่เส่าโหย่วผู้นั้นมาแล้ว” ชายร่างใหญ่กล่าวออกมาจากด้านนอกประตู
“รีบให้นายน้อยหลู่เข้ามา” กูตู๋ปิงหลันกับชุยอวี่สบตากันแล้วกล่าวออกมา
หลู่เส่าโหย่วได้มาถึงเทียนเป่าเหมินอย่างช้าๆ วันนี้เป็นวันที่สองของวันขึ้นปีใหม่ ธุรกิจของเทียนเป่าเหมินก็ยังคงดีเหมือนเดิม ที่โต๊ะรับรองมีคนไม่น้อยกำลังเลือกซื้อสินค้าอยู่
“นายน้อยหลู่ ท่านได้รับคำเชิญจากคุณหนูของเรา” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งได้พาหลู่เส่าโหย่วไปที่ห้องโถงเล็กที่หรูหราบนชั้นสองอีกครั้ง
“คุณหนูกูตู๋ หวู่จื่อซือ” หลู่เส่าโหย่วเข้ามาก็เห็นคุณหนูกูตู๋กับหวู่จื่อซือและยังมีชุยอวี่ที่อยู่ด้านข้างทันที
“นายน้อยหลู่มาเช้ายิ่งนัก เชิญนั่ง และก็ต้องขอแสดงความยินดีกับนายน้อยหลู่ด้วย” กูตู๋ปิงหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แสดงความยินดีกับข้าเรื่องอะไรกัน ข้ายังติดหนี้พวกท่านอยู่เลย” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยรอยยิ้มและนั่งลง
หวู่จื่อซือเอ่ยตอบ “ตอนนี้ผู้คนทั้งเมืองชิงอวิ๋นต่างรู้กันแล้วว่านายน้อยหลู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ เรื่องเช่นนี้ไม่ควรแสดงความยินดีอย่างนั้นหรือ”
“ฮ่าฮ่า ข้าเพียงโชคดีเท่านั้น” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ ดูเหมือนเทียนเป่าเหมินจะทราบข่าวมาเป็นอย่างดี จากนั้นหลู่เส่าโหย่วก็หยิบโอสถเสริมพลัง,โอสถเจิ้งหยวน,โอสถเพิ่มลมปราณ และบัตรหยกออกมา “ข้าจะใช้ทั้งหมดนี้มาชำระหนี้ที่ค้างไว้ส่วนหนึ่ง และรบกวนหวู่จื่อซือนำสมุนไพรมาหนึ่งร้อยชุดสำหรับสมุนไพรที่ข้าเคยมาซื้อครั้งแรก แล้วก็สมุนไพรอีกสิบชุดที่ซื้อครั้งก่อน”
“ไม่มีปัญหา” หวู่จื่อซือกล่าว จากนั้นก็มองไปที่โอสถเจิ้งหยวนที่หลู่เส่าโหย่วนำออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง เขาหยิบโอสถขึ้นมาแล้วพิจารณาอย่างละเอียด จากนั้นก็กล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “นายน้อยหลู่ นี่คือโอสถเจิ้งหยวนอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว มันคือโอสถเจิ้งหยวน” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“โอสถในมือของนายน้อยหลู่ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น โอสถเจิ้งหยวนแม้ว่าจะเป็นโอสถขั้นสอง แต่ระดับของโอสถนั้นเข้าใกล้โอสถขั้นสาม และผลการเพิ่มพลังลมปราณของมันก็ดีกว่าโอสถเพิ่มพลังลมปราณไม่น้อย อีกทั้งยังมีผลช่วยเพิ่มพลังวิญญาณด้วย โอสถเพิ่มลมปราณนั้นปกติมีราคาประมาณสองร้อยเหรียญทอง แต่โอสถเจิ้งหยวนกลับมีราคาถึงสามร้อยห้าสิบเหรียญทอง นอกจากนี้ ในร้านค้าทั่วไปนั้นก็ยากที่จะมีโอสถเจิ้งหยวนขาย” หวู่จื่อซือกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หลู่เส่าโหย่วเองก็คิดไม่ถึงว่าโอสถเจิ้งหยวนที่เขาหลอมออกมานั้นจะมีราคาสูงกว่าโอสถขั้นสองทั่วไปเกือบเท่าตัว
“นายน้อยหลู่โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเตรียมสมุนไพรให้ท่านเดี๋ยวนี้” หลังหวู่จื่อซือกล่าวจบก็ออกไปจากห้องโถงเพื่อเตรียมสมุนไพรให้หลู่เส่าโหย่ว
“นายน้อยหลู่ ดูเหมือนครั้งนี้ท่านจะเข้าร่วมการประลองในเมืองชิงอวิ๋นของนิกายอวิ๋นหยาง” กูตู๋ปิงหลันกล่าว
“คุณหนูกูตู๋รู้เยอะจริงๆ ใช่แล้ว ว่ากันว่านิกายอวิ๋นหยางเป็นหนึ่งในสามนิกายสี่สำนัก ข้าอยากจะไปดูสักหน่อย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“เรียกข้าคุณหนูกูตู๋นั้นดูห่างเหินเกินไป ในภายภาคหน้านายน้อยหลู่เรียกข้าว่าปิงหลันโดยตรงก็พอ”
“แม่นางปิงหลัน” หลู่เส่าโหย่วก็ไม่ได้เกรงใจ แต่เขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย การเรียกคนอื่นว่าแม่นาง หากอยู่ในชาติก่อนของเขา ถ้าใช้เรียกผู้หญิงแล้วโชคไม่ดีอาจจะโดนตบเอาก็ได้ แต่เมื่ออยู่ที่นี่กลับไม่เหมือนกัน ตัวเขาเมื่อได้เข้าเมืองตาหลิ่วก็คงต้องหลิ่วตาตาม
“เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าก็เรียกนายน้อยหลู่ว่าเส่าโหย่วแล้วกัน จะได้ดูสนิทสนมกันมากขึ้น นายน้อยหลู่คิดเห็นเช่นไร?” กูตู๋ปิงหลันยิ้มบาง
“เชิญตามสะดวก” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ แน่นอนว่าเขาไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว
“นายน้อยหลู่ สมุนไพรของท่านเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว” หวู่จื่อซือถือถุงห่อใหญ่มาสองห่อ ด้านในห่อนั้นเป็นสมุนไพรทั้งหมด
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ครั้งหน้าค่อยมาชำระหนี้อีก” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบก็ถือห่อสมุนไพรออกไปจากเทียนเป่าเหมิน
เมื่อครู่ที่เขาให้โอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ด เงินสองพันเหรียญทอง โอสถเจิ้งหยวน โอสถเพิ่มพลังลมปราณแก่เทียนเป่าเหมิน และยังมีโอสถเสริมลมปราณอีกสิบกว่าเม็ดที่ให้ไปครั้งก่อน หนี้ของเขาในตอนนี้จึงถือว่าไม่เยอะแล้ว หลังหักเงินค่าสมุนไพรไป อย่างมากสุดก็ยังติดหนี้อีกแค่สี่พันเหรียญทอง หากรวมกับโอสถที่เขาหลอมในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้
เมื่อถึงพื้นที่ที่ไม่มีผู้คน หลู่เส่าโหย่วก็เก็บสมุนไพรในมือเข้าไปในแหวนมิติอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตรงไปที่หุบเขาด้านหลัง เสี่ยวหลงนั้นได้มาอยู่ที่หุบเขาด้านหลังมาเป็นเวลานานแล้ว
เมื่อตรงไปทางหุบเขาด้านหลัง ก็เหมือนหลู่เส่าโหย่วจะสัมผัสได้ว่าเสี่ยวหลงอยู่ที่ใด ในป่าไม้บนหุบเขานี้ หลู่เส่าโหย่วที่กำลังมองไปข้างหน้า ทันใดนั้น อากาศรอบตัวของเขาก็ได้มีความผันผวนปรากฏขึ้นอย่างไร้ร่องรอย