จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 449 เรือเหาะวิเศษ
บทที่ 449 เรือเหาะวิเศษ
ต้นไม้แปลงร่างสั่นไหว มันยิงผลของมันใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความรุนแรง ลมปราณสีทองเปล่งประกายเจิดจ้า มวลพลังที่แผ่ออกมาไม่ต่างจากระเบิดขนาดเล็ก
ฉู่ชวิ๋นยกมือซัดพลังลมปราณใส่ผลแปลงร่างที่ลอยเข้ามา
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ปล่อยหมัดหนัก ลมปราณหลากสีม่วงพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา เปลือกไม้บนลำต้นของต้นไม้แปลงร่างปลิวกระจาย เกิดเป็นรอยหมัดของเขาฝังอยู่บนเนื้อไม้แล้ว
“เจ้าคนเถื่อน ข้ายอมแพ้แล้ว” ลมปราณสีทองที่เคยห่อหุ้มต้นแปลงร่างเอาไว้ ในขณะนี้เริ่มหรี่แสงลงแล้ว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปาก ต้นไม้ต้นนี้ถึงกับเรียกเขาว่าคนเถื่อนเชียวหรือนี่
“อยากได้ก็เอาไป” ต้นไม้แปลงร่างรู้แล้วว่าฉู่ชวิ๋นไม่ใช่คนที่มันจะตอแยด้วยได้อีก ลำต้นของมันสั่นไหว ก่อนที่จะทิ้งผลแปลงร่างลงมาบนพื้นหกลูก
“ขออีกหน่อยสิ” ฉู่ชวิ๋นพูดผ่านพลังจิต
“โลภมากเหลือเกินนะ ถ้าผลพวกนี้อยู่ห่างจากตัวข้าเกินหนึ่งกิโลเมตร มันก็จะหมดสรรพคุณในการช่วยแปลงร่างทันที” เจ้าต้นไม้อธิบาย
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากเชื่อ จึงหันมาสอบถามช้างเผือกเพื่อความแน่ใจ
ช้างเผือกตอบว่า “น่าจะเป็นความจริงนะครับ เพราะส่วนใหญ่สัตว์ที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ จะเลือกดำเนินการใต้ต้นแปลงร่างนี้เลย”
ฉู่ชวิ๋นถึงไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว
จากการต่อสู้บนภูเขาจิ้งจอก มีช้างเผือกเหลือรอดกลับลงมาเพียงแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เขาจึงอยากตอบแทนทุกตัวที่ติดตามจิ่วโยวมาตลอด
ฉู่ชวิ๋นมอบผลแปลงร่างให้บรรดาสัตว์ป่ากลายพันธุ์
สิงโตทองคำรับไปกินก่อนเป็นตัวแรก ร่างกายของมันพลันเจิดจ้าด้วยลมปราณสีทองคำสว่างแสบตา จนทุกคนต้องหันหน้าหนี
หลังจากนั้น เมื่อลมปราณสีทองหายวับไปแล้ว ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำในชุดเหลืองผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น มันมีดวงตาใหญ่โตและปากกว้าง ผมสีทองบนศีรษะปลิวไสวตามแรงลม
“ในที่สุดข้าก็ได้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์สักที” สิงโตทองคำพูดด้วยความตื่นเต้น
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย ใบหน้าของสิงโตทองคำมีความน่าเกรงขามไม่ต่างจากตอนที่ยังไม่ได้แปลงร่างเลยสักนิด
เสือใหญ่แปลงร่างเป็นลำดับต่อมา มันมีโฉมหน้าเป็นชาวจีนยุคโบราณ ร่างกายสูงสองเมตรอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อบึกบึน ดวงตากลมโตเหมือนระฆังทองแดง ลักษณะมีสง่าราศีเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น ก็ถึงคิวของช้างเผือก มันกลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปหล่อในชุดขาว ท่าทางมีความรู้และสงบสุขุม
ต่อมาก็เป็นจักรพรรดิหมาป่าทั้งสองตัว พวกมันมีลักษณะคล้ายกับสิงโตทองคำ คือมีดวงตาใหญ่และปากกว้าง ร่างกายแข็งแรงกำยำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากหลุมระเบิด ลักษณะแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น
เจ้านกอินทรีเงินก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เช่นกัน มันกลายเป็นชายหนุ่มในชุดสีเทา ดวงตาเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากประดับรอยยิ้มตลอดเวลา หน้าตาบ่งบอกว่าไม่ใช่คนดี ลักษณะเหมือนหมอดูที่หลอกต้มตุ๋นคนตามข้างถนน
สัตว์ป่ากลายพันธุ์ทุกตัวตื่นเต้นมากที่ได้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
สิงโตทองคำเดินเข้ามาตบไหล่อินทรีเงิน และเกือบจะทำให้ฝ่ายหลังต้องล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นเลยทีเดียว
“ทำไมเจ้าถึงได้ดูอ่อนแอแบบนี้ล่ะ ตกลงว่าเจ้าเป็นนกอินทรีหรือเป็นไก่แจ้กันแน่? แถมหน้าตาก็ยังอัปลักษณ์ดูไม่ได้สักนิด” สิงโตทองคำยิ้มกริ่ม
อินทรีเงินยิ้มกว้าง แอบดูถูกสิงโตทองคําอยู่ในใจ ‘ตัวท่านเองหล่อเหลาเหลือเกินนะ ถ้าเจอหน้ากันตอนกลางคืน ข้าคงคิดว่าท่านเป็นผีแน่ๆ’
“เรียบร้อยแล้วพวกเราก็ไปที่เขาหลู่ซานกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูด
อินทรีเงินเพิ่งจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ไม่กี่นาที ก็ถูกบังคับให้แปลงร่างกลับไปเป็นนกยักษ์อีกครั้งเพื่อทำหน้าที่ยานพาหนะ มันกระพือปีกอย่างไม่พอใจ แอบคิดอยู่ในใจว่า “ทำไมพอแปลงร่างเป็นมนุษย์กันหมดแล้ว ยังหนักอยู่เหมือนเดิมเลยล่ะ? นี่มันกลุ่มของหมูอ้วนจอมขี้เกียจชัดๆ”
ภูเขาหลู่ซานอยู่ห่างออกไปประมาณห้าพันกิโลเมตร เจ้านกยักษ์ไม่สามารถบินไปรวดเดียวถึงได้ ระหว่างทางมันต้องแวะพักอยู่หลายครั้ง
บ่อยครั้งที่เมื่อแวะพักบนพื้นดิน ก็จะได้พบเจอกับกลุ่มจอมยุทธ์มากฝีมือ แต่พวกเขาก็ต่างคนต่างอยู่ จึงไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นให้ปวดหัว
วันนี้ ในขณะที่ลงมาพักผ่อน ทุกคนออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำ
เสือใหญ่เข้าป่าไปล่าหมูป่าและกระต่ายป่าขนาดยักษ์เพื่อมาทำอาหาร
สิงโตทองคำเคยกินแต่เนื้อดิบมาตลอด แต่เมื่ออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของฉู่ชวิ๋น พวกมันก็ต้องหันมากินอาหารปรุงสุกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังได้เรียนรู้วิธีการย่างบาร์บีคิว ถึงแม้จะทำได้ไม่เก่งกาจอย่างฉู่ชวิ๋น แต่อย่างน้อยบาร์บีคิวที่ออกมาก็ยังถือว่ารับประทานได้ไม่เสียของ
หมูป่ายักษ์น้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมถูกนำมาเสียบไม้ย่างเหนือกองไฟ ไขมันจากหมูยักษ์หยดลงไปในกองไฟ ทำให้เกิดเสียงเปลวไฟปะทุดังเปรี๊ยะปร๊ะตลอดเวลา
ส่วนเนื้อกระต่ายป่าถูกนำเสียบไม้ย่างไฟอีกกองหนึ่ง กลิ่นของเนื้อย่างหอมฉุยไปทั่วบริเวณ
“โอ้โห นั่นมันอะไรกันเนี่ย” จิ่วโยวพลันอุทานออกมาเมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้า
สิ่งที่เห็นก็คือเรือขนาดใหญ่มีความยาวหลายร้อยเมตรกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า รอบลำเรือมีแสงเป็นประกายสว่างไสวดูสวยงามตระการตา
“ให้ตายเถอะ เรือเหาะได้ นี่คือเรือเหาะใช่ไหม” จักรพรรดิหมาป่าพูดออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ฉู่ชวิ๋นแปลกใจอยู่ไม่น้อย เรือเหาะชนิดนี้จัดเป็นอาวุธวิเศษแขนงหนึ่ง แต่นี่คือครั้งแรกที่เขาได้พบสิ่งประดิษฐ์โบราณที่บินได้ตั้งแต่กลับมาสู่โลกมนุษย์
สิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้จำเป็นต้องควบคุมด้วยพลังจิต และผู้ที่สามารถขับเรือเหาะนี้ได้ จึงต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในการใช้พลังจิตระดับสูง
ว่ากันตามความเข้าใจของฉู่ชวิ๋นแล้ว น่าจะมีเพียงแค่เผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจเท่านั้น ที่สามารถใช้พลังจิตได้ชำนาญขนาดนี้
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที ถ้าหากผู้ที่ขับเรือเป็นพวกพังพอนปีศาจจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเรือเหาะลำนี้ก็ต้องเป็นของเขาแล้ว มันกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของฉู่ชวิ๋นไปโดยไม่รู้ตัว ที่ต้องยึดครองสิ่งของของศัตรูมาให้ได้
เรือเหาะลอยแล่นด้วยความรวดเร็ว มันมีความเร็วมากกว่าเจ้านกอินทรียักษ์ด้วยซ้ำ
“อินทรีเงิน บินขึ้นไปดูหน่อยสิว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
จิ่วโยวยิ้มกว้าง อดพูดออกมาไม่ได้ “นายจะปล้นเรือเหาะของพวกเขาสินะ?”
สิงโตทองคำและพวกพ้องรีบหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋นเขม็ง
ฉู่ชวิ๋นกระแอมไอ หันมาสบตามองจิ่วโยว แล้วตอบเสียงเข้ม “ปล้นอะไรกัน? ฉันแค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนขับเรือเหาะนี้ก็เท่านั้นเอง เผื่อพวกเขาจะใจดีรับเราขึ้นไปด้วย”
พวกของสิงโตทองคำมีสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
แต่เรือเหาะลำนั้นก็ค่อย ๆ ลอยลงมาจอดบนพื้นดิน ก่อนที่เจ้าอินทรีเงินจะบินขึ้นไปหาเสียอีก
ครืน!
เมื่อเรือเหาะลงมาจอด พื้นดินก็สั่นสะเทือน ฝุ่นผงฟุ้งตลบในอากาศ
เสือใหญ่รีบโคจรสร้างพลังลมหมุนขึ้นมาสองสาย พัดพาเศษฝุ่นกระจายหายไป สิ่งเดียวที่มันกลัวก็คือฝุ่นพวกนี้จะทำให้อาหารสกปรก ด้วยว่ามันเป็นคนที่ทะนุถนอมอาหารอย่างที่สุด
ขณะนี้ คนกลุ่มหนึ่งได้เดินลงมาจากเรือเหาะลำใหญ่ พวกมันหันมาชำเลืองมองกลุ่มของฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่จะพากันเดินหายไปทางริมน้ำ
“พวกมันไม่เห็นเราอยู่ในสายตาเลย” ช้างเผือกกระซิบออกมา
สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่เดินลงมาจากเรือเหาะ ไม่ได้มีฝีมือแข็งแกร่งอะไร มีพลังแค่เพียงขั้นจักรพรรดิระดับแรกเริ่มเท่านั้นเอง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมาเล็กน้อย ที่แท้ก็เป็นพวกพังพอนปีศาจจริงๆ ด้วย ชายหนุ่มได้กลิ่นสาบลอยออกมาจากตัวของพวกมันอย่างชัดเจน
กลุ่มมนุษย์พังพอนเล่นน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะที่กำลังจะเดินกลับขึ้นเรือเหาะ คนหนึ่งในกลุ่มก็นำตะกร้าใส่อาหารออกมาถือ ก่อนจะเดินตรงมาที่กองไฟของพวกฉู่ชวิ๋น และหยิบเนื้อหมูป่าย่างไปจากกองไฟหน้าตาเฉย
อย่าว่าแต่พวกของสิงโตทองคำจะตกตะลึงเลย แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่อยากเชื่อสายตาแล้ว นี่มันอะไรกัน? ขโมยอาหารกันดื้อๆ อย่างนี้เลยหรือ? ทำไมพวกมันถึงทำได้เหมือนเป็นเรื่องปกติขนาดนี้นะ
เมื่อได้เนื้อหมูป่าย่างไปแล้ว ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังเรือเหาะ คนผู้นั้นได้หันมามองและพบว่าพวกของฉู่ชวิ๋นยังคงยืนนิ่งเฉยไม่ลงมือทำอะไร เจ้ามนุษย์พังพอนก็อดยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันไม่ได้ แล้วมันก็เดินกลับขึ้นไปบนเรือเหาะในที่สุด
แต่เรื่องราวยังไม่จบ มนุษย์พังพอนคนนั้นนำพรรคพวกเดินกลับมา หยิบเนื้อกระต่ายป่าไปใส่ตะกร้าของตนเองเหมือนไม่เห็นพวกของฉู่ชวิ๋นอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ ไม่ว่าเป็นเนื้อกระต่ายป่าหรือขาหมูป่าที่เสียบไม้ย่างไฟอยู่ก่อนหน้านี้ ต่างก็ถูกมนุษย์พังพอนแย่งชิงไปหมดแล้ว
ฉู่ชวิ๋นพลันระเบิดเสียงหัวเราะจนตัวโยน มนุษย์พังพอนกลุ่มนี้น่าสนใจมาก พวกมันเห็นเขาไม่มีตัวตนใช่ไหม?
เสือใหญ่มีแววตาอำมหิต พร้อมที่จะลงมือนานแล้ว ไฟโทสะลุกโชนในหัวใจ ตัวมันเองหวงแหนอาหารมาแต่ไหนแต่ไร คนกลุ่มนี้กล้าเข้ามาแย่งอาหารของมันไปอย่างหน้าด้านๆ จะปล่อยให้ลอยนวลไปไม่ได้เด็ดขาด
“เฮ้ย พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”
เสือใหญ่ก้าวปราดเข้าไปโบกสะบัดมือซัดพลังลมปราณ กระแทกใส่มนุษย์พังพอนคนหนึ่งลอยกระเด็นไปไกล
เสือใหญ่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 จิ้งจอกปีศาจขั้นจักรพรรดิระดับแรกเริ่มมันยังจัดการได้อย่างง่ายดายมาแล้ว ในขณะที่ลงมือ เสือใหญ่ก็ไม่ลืมที่จะแย่งชิงเนื้อกระต่ายป่ากลับคืนมาด้วย
สิงโตทองคำก็ลงมือเช่นกัน มันกระโดดเข้าไปหามนุษย์พังพอนคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เมื่อแย่งอาหารกลับคืนมาจากมือของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว มันก็ตวัดขาเตะเข้ากลางลำตัวของมนุษย์พังพอนผู้นั้นอย่างแรง
เมื่อกลุ่มของมนุษย์พังพอนพบว่าพวกของสิงโตทองคำมีความแข็งแกร่งไม่ใช่เล่น สีหน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว
หนึ่งในกลุ่มมนุษย์พังพอนตะโกนออกมาว่า “พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก รู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร?”
“เป็นใครข้าก็ไม่สนหรอก แต่มาแย่งชิงอาหารของเราไปแบบนี้ ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นพันชิ้น” เสือใหญ่กระโจนเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความดุร้าย มนุษย์พังพอนคนนั้นล้มลง แล้วเสือใหญ่ก็จับขาของฝ่ายตรงข้ามฉีกกระชากขาดออกมาเลือดสาดกระจาย
ถึงแม้ว่าเสือใหญ่จะเปลี่ยนร่างมาเป็นมนุษย์แล้ว แต่มันก็ยังลงมือด้วยความโหดเหี้ยมเหมือนสัตว์ป่า หมายความว่าสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่ายังคงไม่หายไปไหน การฆ่าคนไม่นับเป็นเรื่องราวสำคัญของพวกมัน
“ร้ายกาจ!” จิ่วโยวเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย สัตว์ป่ากลายพันธุ์เหล่านี้มีฝีมือค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว โดยเฉพาะสิงโตทองคำกับเสือใหญ่ที่ลงมือด้วยความเด็ดขาด ฉู่ชวิ๋นเกลียดชังคนเชื่องช้าเป็นที่สุด เมื่อชีวิตเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย มีแต่ต้องลงมือด้วยความรวดเร็วเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
การแสดงฝีมือของสิงโตทองคำและเสือใหญ่ทำให้เขารู้สึกพอใจมาก
กลุ่มมนุษย์พังพอนที่เหลืออยู่หวาดกลัวสุดขีด โยนอาหารในมือทิ้งไป แล้วหันหลังกลับวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
เสือใหญ่โกรธจัด เจ้าตัวต่ำช้าพวกนี้กล้าดีอย่างไรโยนอาหารลงพื้นดิน
โฮก!
เสือใหญ่เงยหน้าคำรามกึกก้องท้องฟ้า ก่อนที่จะกระโจนตามติดมนุษย์พังพอนที่วิ่งหลบหนีไป
มนุษย์พังพอนผู้เคราะห์ร้ายเหยียบเท้าขึ้นบนเรือเหาะได้เพียงแค่ก้าวเดียว ขาอีกข้างหนึ่งของมันก็โดนเสือใหญ่จับเอาไว้และกระชากกลับลงมา
ฟึบ!
ลมปราณสีทองระเบิดเจิดจ้า เมื่อร่างของมนุษย์พังพอนร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน มันก็ถูกเสือใหญ่กระทืบเท้าใส่จนลำตัวขาดครึ่งท่อน
หลังจากมนุษย์พังพอนเสียชีวิตแล้ว ร่างของพวกมันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม กลายเป็นพังพอนขนาดใหญ่ที่มีความยาวลำตัวประมาณ 3 ถึง 4 เมตร
“ที่แท้ก็พวกพังพอนปีศาจนี่เอง มิน่าเล่าถึงได้ชอบขโมยของนัก” เสือใหญ่ตวัดขาเตะศพที่อยู่บนพื้นกระเด็นไปด้วยความรังเกียจ
สิงโตทองคำเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ และพูดว่า “พี่เสือ เมื่อก่อนท่านก็เคยกินคนด้วยใช่ไหม”
เสือใหญ่ตัวสั่นเทาไปทันที รีบแอบชำเลืองมองไปทางฉู่ชวิ๋น และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้หันมองมาทางตนเอง
“ไอ้เจ้านี่ จะทำให้ข้าโดนฆ่าตายหรือไง เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่านายท่านมีกฎห้ามสัตว์ป่าล่ามนุษย์? อีกอย่าง ตอนนั้นข้ายังไม่ได้กลายพันธุ์มีสติปัญญาแบบนี้ พบเจออะไรที่เป็นอาหารได้ ข้าก็กินทั้งนั้นแหละ”
สิงโตทองคำไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้ว ตัวมันเองก็รู้ดีถึงกฎเหล็กของฉู่ชวิ๋นในอดีต ห้ามสัตว์ป่าเข้ามาเดินเพ่นพ่านในเมืองเด็ดขาด มีสัตว์ป่าจำนวนมากในเมืองกูเจียงที่ต้องโดนฆ่าตาย จนถึงตอนนี้ บรรดาสัตว์ป่าก็ไม่เคยกล้าเข้ามายุ่มย่ามในเขตเมืองมนุษย์อีกเลย
มีมนุษย์พังพอนเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถหนีกลับขึ้นไปบนเรือเหาะได้สำเร็จ มันหันขวับกลับไปถลึงตาจ้องมองสิงโตทองคำกับเสือใหญ่ด้วยความเคียดแค้น
“พวกเจ้าฆ่าคนของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจ ต่อให้มีเทพเจ้าบินลงมาช่วย อย่าหวังเลยว่าจะรอดชีวิตไปได้อีก”
“ว่าไงนะ?” เสือใหญ่ขยับตัวพุ่งออกมาข้างหน้าด้วยความดุร้าย
มนุษย์พังพอนตัวนั้นยืนมองด้วยความเยือกเย็น ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ซ้ำบนใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้ม
เปรี้ยง!
ตอนที่เสือใหญ่กำลังจะโดดข้ามพ้นกราบเรือเหาะเข้ามานั้นเอง ทันใดนั้น เรือเหาะก็ระเบิดลมปราณสีทองออกไป เสือใหญ่ถูกกระแทกลอยกระเด็นกลับไปเสียงดังโครม เพียงแค่ฟังเสียงก็รับรู้ได้แล้วว่าต้องเจ็บไม่ใช่น้อย
“พี่เสือ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” สิงโตทองคำหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน ขณะยืนมองเสือใหญ่โซเซลุกขึ้นยืนอย่างหมดท่า
“เมื่อกี้นี้มันอะไรกันเนี่ย?” เสือใหญ่สะบัดหน้าแรงๆ เพื่อไล่ความมึนงง
ตอนนั้นเอง ประตูห้องเคบินบนเรือก็เปิดออก ชายชราคนหนึ่งเดินออกมา เมื่อพบว่าบริวารของตนเองตายไปหลายตัว ดวงตาก็ลุกโชนด้วยความโกรธแค้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เหล่าจิว เราโดนพวกมันรังแกขอรับ” มนุษย์พังพอนเพียงหนึ่งเดียวที่หนีรอดกลับขึ้นเรือ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นเศร้าหมองทันที
*เหล่าจิว คือ ผู้อาวุโสลำดับที่ 9
สิงโตทองคำยืนอึ้ง พังพอนพวกนี้เจ้าเล่ห์อย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย สามารถเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษเสียอีก
“ช่างบังอาจนัก ใครกันที่กล้ามารังแกคนของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจ?” แววตาของชายชราเป็นประกายเย็นชา
ก่อนหน้านี้ ฉู่ชวิ๋นสังหารผู้อาวุโสระดับ 10 และระดับที่ 8 ของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจในหุบเขาอเวจีไปเรียบร้อยแล้ว ชายชราคนนี้ก็คือผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีนามว่าหวงอวี๋ ความจริงหวงอวี๋สมควรตื่นจากการจำศีลมานานแล้ว แต่ด้วยความล่าช้าบางอย่าง ทำให้มันต้องกลายเป็นพวกที่ตื่นจากการจำศีลช้ากว่าใครเพื่อน