จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 447 อินทรีเงินปากเก่ง
บทที่ 447 อินทรีเงินปากเก่ง
รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวฉู่ชวิ๋นอย่างรุนแรง เขาจัดการสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิระดับ 9 สองตัวได้ในพริบตาเดียว และเมื่อเขาพูดว่าจะจับพวกของสิงโตทองคำไปย่างกิน สัตว์ป่ากลายพันธุ์เหล่านั้นก็หวาดกลัวแทบจะช็อคตาย
จิ่วโยวทำหน้ามุ่ย เขย่าแขนฉู่ชวิ๋นงอแงเหมือนเด็กน้อย “อย่าทำให้พวกเขากลัวสิ ช่วยพวกเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฉู่ชวิ๋นยกมือขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงของจิ่วโยว ก่อนจะเดินไปรักษาสัตว์ป่ากลายพันธุ์เหล่านั้นอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะนี้ นกอินทรียักษ์บนท้องฟ้าที่บินหนีไปเมื่อสักครู่ได้บินกลับมาอีกครั้ง
มันแค่อยากจะกลับมาดูว่าฉู่ชวิ๋นโดนฆ่าตายหรือยัง? แต่เมื่อมันเห็นผลลัพธ์ที่ปรากฏขึ้นในขณะนี้ ก็ตกใจจนแทบจะร่วงลงมาจากกลาางอากาศแล้ว
“องค์หญิงจิ่วโยว ไม่ต้องกลัวนะขอรับ พวกเรามาช่วยท่านแล้ว จะไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้อีกเด็ดขาด” นกยักษ์บินร่อนลงมาบนพื้นดิน เวลาที่มันขยับปีก เศษฝุ่นผงก็ฟุ้งตลบขึ้นมา
“แกยังไม่หนีไปอีกเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมามองเล็กน้อย
“เหลวไหล เห็นข้าเป็นนกอย่างไรกัน? เจ้านี่มันถามอะไรไม่คิดเลย ข้าคือนกอินทรีผู้รักในความยุติธรรม ความหวาดกลัวคืออะไรข้าไม่เคยรู้จัก” เจ้านกยักษ์เชิดหน้าขึ้น พูดด้วยความหยิ่งทะนงในตนเอง
“เจ้านกหน้าโง่นี่มันเป็นใครกัน?” จิ่วโยวมองหน้าอินทรียักษ์ด้วยความสงสัย
สิงโตทองคำและบรรดาสัตว์ป่ากลายพันธุ์ตัวอื่นๆ จ้องมองนกยักษ์ด้วยความเหยียดหยาม ก่อนหน้านี้พวกมันเห็นกับตา นกยักษ์ตัวนี้บินหนีไปด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดเลยว่ายังมีหน้ากลับมาเอาความดีความชอบให้ตัวเองอีก
นกยักษ์สบตามองจิ่วโยวและโอ้อวดว่า “องค์หญิงจิ่วโยวขอรับ ข้ามาเพื่อช่วยเหลือท่านโดยเฉพาะ บุรุษหนุ่มคนนี้เป็นพี่ชายของข้าเอง ตอนที่เรามาถึงนั้น ถ้าข้าไม่สั่งให้เขาลงมือ เกรงว่าผลลัพธ์คงเลวร้ายรุนแรงกว่านี้หลายเท่านัก”
“เขาเนี่ยนะเป็นพี่ชายของแก?” จิ่วโยวมองหน้าเจ้านกยักษ์ด้วยความเหลือเชื่อ
เหล่าสัตว์ป่ากลายพันธุ์ที่อยู่รอบบริเวณก็มีสีหน้าแปลกพิกลเช่นกัน ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเจ้านกอินทรีเงินเลยสักนิด
“แกบอกว่าที่เขาลงมือเพราะทำตามคำสั่งแกใช่ไหม?” จิ่วโยวคิดดูแล้วก็ตลกไม่น้อย ดูเหมือนว่าเจ้านกหน้าโง่ตัวนี้ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉู่ชวิ๋น
นกยักษ์ชำเลืองมองไปทางฉู่ชวิ๋น เมื่อพบว่าชายหนุ่มกำลังวุ่นวายอยู่กับการช่วยชีวิตสัตว์ป่า มันจึงกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบาว่า “อันที่จริงเขาไม่อยากช่วยท่านหรอกขอรับ แต่ที่เขามาช่วยก็เพราะทำตามคำสั่งของข้าน้อย”
“พูดจริงหรือ?” ดวงตาของจิ่วโยวแวววาวเป็นประกายนึกสนุก “แบบนี้ฉันก็ต้องขอบคุณแกน่ะสิ?”
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ องค์หญิงจิ่วโยว เดี๋ยวในอนาคตพวกเราก็เป็นพี่น้องกันแล้ว ข้าน้อยจะขอติดตามท่านขึ้นเหนือล่องใต้ เมื่อมีพี่ชายของข้าน้อยเข้าร่วมกลุ่มด้วย ขุมกำลังของเราก็จะต้องแข็งแกร่งไร้เทียมทานแน่นอน” เจ้านกพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“แต่พี่ชายแกเก่งกาจขนาดนี้ จะยอมเชื่อฟังฉันเหรอ?” จิ่วโยวถาม
นกอินทรีเงินยืดอกขึ้น หันหน้ามองไปทางฉู่ชวิ๋น กระซิบออกมาอีกครั้งว่า “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ พี่ชายข้าน้อยเชื่อฟังข้าน้อยทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องรอคำสั่งจากข้าน้อยก่อนเสมอ”
ฉู่ชวิ๋นได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้ให้ค่ากับคำพูดของนกอินทรีเงินตัวนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“องค์หญิงจิ่วโยว ท่านบาดเจ็บอยู่ ต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเอง” นกยักษ์หันหน้าไปมองรอบกาย ก่อนที่จะเดินเหมือนเป็ด ตรงเข้าไปหากลุ่มจิ้งจอกปีศาจที่นอนบาดเจ็บอยู่เกลื่อนกลาด
“พวกเจ้าลุกขึ้นมาขอโทษองค์หญิงจิ่วโยวเดี๋ยวนี้” พูดจบ นกยักษ์ก็หันไปตวาดใส่หูฉือเอินกับหวงหยินว่า “เจ้าสองคนก็เหมือนกัน ไม่ต้องมาแหกปากโวยวายแถวนี้ จงเชื่อฟังคำสั่งของข้าแต่โดยดี”
ทั้งหูฉือเอินและหวงหยินมีดวงตาลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ พวกมันมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 แต่กลับถูกนกยักษ์ที่มีพลังแค่เพียงขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ขึ้นเสียงใส่เสียแล้ว
“โอ้โห ดูทำมองข้าสิ เจ้าสองตัวบาดเจ็บสาหัสสภาพพิกลพิการ จะมีปัญญาทำอะไรข้าได้อีก!” นกอินทรีเงินร้องตะโกนด้วยความได้ใจ
วูบ!
หูฉือเอินพลันดีดตัวพุ่งเข้าหาเจ้านกยักษ์พร้อมกับแปลงร่างกลางอากาศ จิ้งจอกยักษ์ที่มีขนาดความยาวลำตัวกว่าห้าเมตรปรากฏขึ้นในสายตาทุกคน ขาหน้าทั้งสองข้างของมันหายไปแล้ว ปากของมันอ้ากว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมที่กำลังจะฝังลงไปบนลำคอของเจ้านกยักษ์
ถึงแม้ว่ามันจะถูกฉู่ชวิ๋นตัดขาหน้าทั้งสองข้างทิ้งไปแล้ว พลังการต่อสู้ลดลงกว่าเดิม แต่ถึงอย่างไรมันก็มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ไม่ใช่ผู้ที่นกอินทรีเงิน ซึ่งมีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จะรับมือได้เลย
“คุณพระ!” เจ้านกยักษ์หวาดกลัวจนขนลุกซู่ มันขยับปีกผงะถอยหลัง กรีดร้องออกมาด้วยความพรั่นพรึง “พี่ชาย ช่วยข้าด้วย!”
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมา ซัดพลังลมปราณออกจากฝ่ามืออย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ แต่พลังลมปราณของเขาก็กระแทกเข้าใส่ลำตัวของหูฉือเอินอย่างแม่นยำ
เปรี้ยง!
เลือดสาดกระจาย หูฉือเอินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด รูโบ๋ขนาดเท่าชามข้าวปรากฏขึ้นบนลำตัวตรงจุดที่ถูกพลังลมปราณยิงเข้าใส่ เลือดเป็นสายพุ่งกระฉูดออกมาในขณะที่ตัวจิ้งจอกลอยกระเด็นไปไกล
เจ้านกยักษ์ยืนตกตะลึง แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามโดนพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋นเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส แถมขาหน้าก็ขาดหายไปแล้ว มันก็อดไม่ได้ต้องเดินเข้าไปทำตัวปากเก่งเหมือนเดิมว่า
“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าขาด้วน พี่ชายของข้าอยู่ที่นี่แล้ว แต่เจ้ากลับกล้าก่อปัญหาไม่รู้จบ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเสียเลย เก่งจริงก็ลุกขึ้นมาสู้กับข้าสัก 300 ยกหน่อยเป็นไร?”
บรรดาพวกของสิงโตทองคำกลอกตามองบน เจ้านกหน้าโง่ตัวนี้ปากดีเกินไปแล้วจริง ๆ
“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้นี้ข้าตกใจกลัวแทบแย่” นกยักษ์แสดงท่าทีฉุนเฉียวเพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย มันรีบตรงเข้าไปหากลุ่มของจิ้งจอกปีศาจตัวอื่น ๆ ทันที
ฟู่!
กรงเล็บตะปบลงไปหนึ่งครั้ง ร่างของจิ้งจอกปีศาจชั้นต่ำตัวหนึ่งก็ขาดสองท่อน เลือดสาดกระจาย
โผละ!
จิ้งจอกชั้นต่ำอีกตัวหนึ่งถูกกรงเล็บของอินทรียักษ์เหยียบลงไปที่หัว แล้ววินาทีต่อมามันก็เสียชีวิต
“ตายซะเถอะ”
หวงหยินโกรธแค้นสุดขีด มันยังเหลือมืออยู่อีกข้าง จึงรวบรวมพลังลมปราณมาจากทั่วร่างกาย และซัดพลังใส่เจ้านกยักษ์ทันที
นกยักษ์รู้สึกได้ถึงมวลพลังที่พุ่งเข้ามา พลัน ก็ต้องร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง “พี่ชาย ช่วยข้าด้วย!”
พวกของสิงโตทองคำพูดอะไรไม่ออกแล้ว เจ้านกยักษ์ตัวนี้มีความหน้าด้านหน้าทนในระดับเหนือธรรมดาจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นซัดพลังออกจากฝ่ามืออีกครั้ง หวงหยินโดนพลังกระแทกใส่จนร่างลอยกระเด็นไปไกล
ในขณะนี้ เจ้านกยักษ์เป็นสัตว์เพียงตัวเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนสิงโตทองคำและสัตว์ป่ากลายพันธุ์ชนิดอื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ชายหนุ่มก็ต้องเสียเวลามาคอยช่วยเหลือนกอินทรีเงินเป็นระยะ
ถึงกระนั้น เจ้านกยักษ์ก็ยังไม่รู้ตัว เมื่อเห็นหวงหยินลอยกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ มันก็คำรามออกมาอีกครั้งว่า
“เจ้ามันรนหาที่ตายเองแท้ ๆ ก่อนที่พี่ชายข้าจะลงมืออีก ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบฆ่าตัวตายเสียก่อน อย่างน้อยก็ยังได้มีศพในสภาพสมบูรณ์ให้กลบฝัง”
“หุบปากสักทีได้ไหม” จิ่วโยวพูดด้วยความเดือดดาล ฉู่ชวิ๋นกำลังรักษาพวกของสิงโตทองคำ แต่ต้องถูกเจ้านกหน้าโง่ตัวนี้ขัดจังหวะมาแล้วสองครั้งสองครา ซึ่งทำให้เด็กหญิงรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาแล้ว “ถ้าเจ้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะจับเจ้าย่างไฟเดี๋ยวนี้แหละ”
นกยักษ์ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ทำไมนิสัยองค์หญิงถึงโหดร้ายขนาดนี้?
เมื่อไม่มีเจ้านกยักษ์คอยขัดจังหวะ ฉู่ชวิ๋นก็สามารถรักษาบรรดาสัตว์ป่ากลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” หวงหยินกระอักเลือดออกมาจากปาก สภาพบาดเจ็บยับเยินจนดูไม่ได้ สองตาของมันจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่กำลังลุกขึ้นยืน
พวกสิงโตทองคำก็สงสัยเช่นกัน ว่าชายหนุ่มปริศนาคนนี้เป็นใครกันแน่?
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ามามองหวงหยิน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จะตายอยู่แล้ว ยังสนใจอะไรอีก?”
“ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าจะต้องชดใช้สำหรับสิ่งที่ทำไปในวันนี้ เหล่าลิ่วของพวกข้าฟื้นตื่นขึ้นมาจากการจำศีล เขามีพลังยุทธ์ขั้นเซียน จงรู้เอาไว้เถอะว่าจุดจบของเจ้ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า ข้าขอแนะนำให้รีบสั่งเสียคนที่เจ้ารักไว้ก่อนดีกว่านะ”
“พลังยุทธ์ขั้นเซียนอย่างนั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “เก่งจริงก็ให้มันมาหาฉันเลยก็แล้วกัน”
“เผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจของข้า มีผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนมากกว่าหนึ่งคน”
“แต่พวกมันก็จำศีลกันอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
หวงหยินระเบิดเสียงหัวเราะ “เหล่าลิ่วของข้าเดินทางไปเจรจากับเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ แล้ว ถึงอย่างไรขุมกำลังของเรา ก็จะมีผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนมากกว่าหนึ่งคนอยู่ดี”
“เก่งจริงก็ให้พวกมันมาเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าเย็นชา
“หากเจ้าไม่ได้กลัว ก็จงบอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาซะ” หวงหยินกล่าวเสียงเข้ม
“ว่ากันว่าพังพอนกับจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์ที่สุด แต่พวกแกไม่เห็นจะฉลาดอย่างที่คิดเลยนะ” จิ่วโยวโพล่งขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “เขามาเพื่อช่วยเหลือฉัน แค่นี้แกยังไม่รู้อีกหรือว่าเขาเป็นใคร?”
เมื่อหวงหยินกับหูฉือเอินได้ยินคำพูดของจิ่วโยว พวกมันก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนไป
“เจ้า…หรือว่าเจ้าคือจอมมารฉู่ชวิ๋น?” หวงหยินอุทานออกมาเสียงสั่นเครือ
“ถือว่ายังไม่ได้โง่เกินไปนัก” จิ่วโยวหัวเราะเยาะ แต่ก็เท่ากับเป็นการเปิดเผยตัวตนของฉู่ชวิ๋นออกมาแล้ว
“เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย” หูฉือเอินพูดด้วยความตกตะลึง
ยามเมื่อเอ่ยชื่อคนผู้นี้ แม้แต่ต้นไม้ก็ยังเหี่ยวเฉา นามของจอมมารฉู่ชวิ๋น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความตาย
สิงโตทองคำ เสือใหญ่ ช้างเผือก และสัตว์ป่ากลายพันธุ์ตัวอื่นๆ ที่ยังรอดชีวิตพากันตกตะลึง ทุกสายตาจับจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ
“คุณพระช่วย!” เจ้านกยักษ์ร้องอุทาน หวาดกลัวจนทรุดนั่งลงกับพื้นดิน คอตกไม่กล้าสบตามองผู้ใด
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองหน้าจิ่วโยวอย่างไม่พอใจ เขายังไม่อยากเปิดเผยตัวตนในตอนนี้สักหน่อย
จิ่วโยวแลบลิ้นใส่เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแง่งอน “นายไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้พวกมันอวดดีขนาดไหน พวกมันบอกว่าถ้านายตายแล้วจริง ๆ ก็จะยกกองทัพไปถล่มตระกูลฉู่ให้หมดสิ้นเลยนะ!”
เมื่อหันไปมองเห็นพวกของหูฉือเอิน หวงหยิน และเหล่าจิ้งจอกปีศาจแสดงความหวาดกลัวออกมาสุดขีด จิ่วโยวก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก
ฉู่ชวิ๋นได้ยินก็โกรธมาก พลังลมปราณแผ่ออกมาจากร่างกาย เขาใช้พลังจิตวิญญาณแทนการโคจรพลังแล้วฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์ก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ครืน!
ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก เกิดแผ่นดินไหว พื้นดินปรากฏรอยแตกร้าว จิ้งจอกปีศาจสิบกว่าตัวที่เหลืออยู่ ถูกฝ่ามือยักษ์ร่วงทับบี้แบนตกตายไปหมดสิ้น
หูฉือเอินกับหวงหยินมีสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้
“จอมมารฉู่ชวิ๋น เหล่าลิ่วจะต้องมาแก้แค้นอย่างแน่นอน” หวงหยินคำรามด้วยความอาฆาต
ฉู่ชวิ๋นสับมือเหมือนกับตวัดดาบ ประกายดาบพลันพุ่งลงมาจากกลางอากาศ
ฟู่!
เลือดพุ่งกระฉูด หัวของหูฉือเอินลอยกระเด็นสูงขึ้นไปสิบกว่าเมตร หวงหยินได้แต่นั่งมองด้วยความตกตะลึง
หัวหน้าจิ้งจอกยักษ์ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ฉู่ชวิ๋นเมื่อปรากฏตัวขึ้น ก็เป็นฝ่ายลงมีอยู่แต่เพียงข้างเดียว หูฉือเอินเสียชีวิตไปอย่างไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก
วูบ!
วัตถุบางอย่างพุ่งขึ้นไปปกคลุมเต็มท้องฟ้า เมื่อมองดูให้ดีก็จะพบว่านั่นคือเส้นไหมวิญญาณหลายพันเส้น ที่รวมตัวกันกลายเป็นเหมือนงูยักษ์บินได้ตัวหนึ่ง
เสียงกรีดร้องดังกังวานไปทั่วหุบเขาทันที
จิ้งจอกปีศาจที่ฉวยโอกาสก่อนหน้านี้หลบหนีไป ถูกฉู่ชวิ๋นปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจตำแหน่งของพวกมัน หลังจากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเส้นไหมวิญญาณที่จะไล่สังหางจิ้งจอกปีศาจเหล่านั้นไม่ให้เหลือรอดเลยสักตัวเดียว
ณ จุดนี้ จิ้งจอกปีศาจที่ยึดครองภูเขาลูกนี้ ถูกสังหารตายหมดสิ้น ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต
พวกของสิงโตทองคำจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ป่า ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครไม่เคยไม่ได้ยินชื่อของจอมมารฉู่ชวิ๋นมาก่อน
มีคนกล่าวเอาไว้เสมอว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นถูกยกย่องมากเกินความจริง ตัวจริงของเขาไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนั้น แต่เมื่อได้มาเห็นฝีมือของชายหนุ่มด้วยตาของตนเอง สัตว์ป่ากลายพันธุ์เหล่านี้ก็รู้แล้วว่าข่าวลือเกี่ยวกับจอมมารฉู่ชวิ๋นนั้นไม่เป็นความจริงเลย ตัวจริงเขาโหดร้ายกว่ามาก
ฉู่ชวิ๋นกำชับพวกมันไม่ให้แพร่งพรายเรื่องตัวตนของเขาให้ใครรู้
สัตว์ป่ากลายพันธุ์กลุ่มนี้รีบพยักหน้ารับคำอย่างร้อนรน จะมีใครกล้าไม่เชื่อฟังจอมมารฉู่ชวิ๋นบ้าง? ถ้าเกิดมีสัตว์ป่าตัวไหนสักตัวส่ายหัวขึ้นมา ตัวมันก็คงลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตรในวินาทีต่อมาเป็นแน่แท้
“มานี่สิ” ฉู่ชวิ๋นหันมาพูดกับเจ้านกยักษ์
เจ้านกยักษ์เดินก้มหน้าเข้ามาอย่างระมัดระวัง ร่างกายสั่นระริกตั้งแต่หัวจรดเท้า ใครจะไปคิดเลยว่าคนที่มันพบเจอระหว่างทาง แท้ที่จริงแล้วก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋น โชคดีอะไรขนาดนี้ ถ้ามันซื้อลอตเตอรี่ก็คงถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่มันพูดกับองค์หญิงจิ่วโยวเอาไว้ก่อนหน้านี้ เจ้านกยักษ์ก็อยากจะตบหน้าตัวเองให้สลบไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
จิ่วโยวจ้องมองนกยักษ์ด้วยความขบขัน พูดว่า “ทำไมเดี๋ยวนี้เชื่อฟังพี่ชายแล้วล่ะ? พี่ชายต้องรอรับคำสั่งจากแกอย่างเดียวไม่ใช่หรือไง?”
อินทรีเงินพูดอะไรไม่ออก มันหวาดกลัวแทบเป็นลมแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาว่า “องค์หญิงจิ่วโยว อย่าพูดสิขอรับ ข้าน้อยเพียงแค่คุยโวไปเท่านั้นเอง ไม่ได้เจตนาพูดจาให้ท่านยึดถือเป็นเรื่องราวจริงจังแต่อย่างใด”
“รีบมาเร็วๆ” ฉู่ชวิ๋นขึ้นเสียงเข้ม
เจ้านกยักษ์รีบกระโดดเข้ามาหาตามคำสั่งโดยเร็ว
ฉู่ชวิ๋นนำจิ่วโยวและบรรดาสัตว์ป่าที่บาดเจ็บปีนขึ้นไปบนหลังของนกอินทรีเงิน
“พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นว่า
เจ้านกยักษ์มีสิงโตทองคำ เสือใหญ่ และสัตว์ป่ากลายพันธุ์อีกหลายชนิดบรรทุกอยู่บนแผ่นหลัง น้ำหนักไม่ต่างจากบรรทุกวัวหลายพันตัว มันต้องกระพือปีกอยู่หลายครั้ง กว่าที่จะสามารถบินขึ้นท้องฟ้าได้ในที่สุด