จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 830 เจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 830 เจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของข้า
นางคือหยุนถิง ฝีมือการแพทย์ของนางไร้ผู้เทียมทานในสี่แคว้น ขนาดโรคนกเขาไม่ขันของหลีอ๋องในตอนนั้นหยุนถิงก็ยังเป็นคนรักษาจนหาย เรื่องพวกนี้จิ่วฟ่างเคยได้ยินมาทั้งนั้น
บางทีนางอาจจะช่วยจิ่นฉิงได้ จิ่วฟ่างคิดมาถึงตรงนี้ก็ตื่นเต้นยิ่งนัก
“อาการของจิ่นฉิงถือเป็นกรณีพิเศษ นางถูกผู้อาวุโสอวี๋ใช้ร่างกายเลี้ยงกู่มาหลายปี สูญเสียพลังชีวิตและเลือดเนื้อไปมากนัก ดังนั้นจะรักษาขึ้นมาก็ค่อนข้างยุ่งยาก
ข้าไม่อาจรับประกันกับเจ้าได้ว่าจะรักษานางหายแน่นอน แต่ข้าบอกเจ้าได้เลยว่า ข้าจะรักษาอย่างสุดความสามารถ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปเชิญยายขุยมา!” หยุนถิงตอบ
“ขอบใจมาก ขอเพียงเจ้ายอมช่วยจิ่นฉิง ต่อไปชีวิตนี้ของข้าจะเป็นของเจ้า” จิ่วฟ่างพูดเสียงแหบพร่าอย่างตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่า รอเสร็จเรื่องทางเขตทะเลนิรนามแล้วก็จะพาจิ่นฉิงไปจวนซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียน ขอร้องซื่อจื่อเฟยให้ช่วย ไม่คิดว่าคนผู้นี้มาจะยืนอยู่ตรงหน้าตน แถมยังเป็นถิงหยุนอีก
“ได้ ข้าจะจำคำพูดนี้ไว้ พรุ่งนี้ข้ากับยายขุยจะช่วยกันตรวจนางอย่างละเอียด!” หยุนถิงตอบ
“ขอบคุณมาก!”
“เกรงใจอะไร เจ้าเองก็เคยช่วยข้าไว้” หยุนถิงบอกหน้าตาเฉย
“เจ้าเคยช่วยนาง เมื่อไหร่กัน เหตุใดข้าไม่รู้เรื่อง?” โอจื่อโฝวโพล่งถามออกมาทันที
“ตอนนั้นนางแอบไปที่คุก เกือบโดนฉินเจี่ยจับได้ ตอนนี้ข้าจะเข้าไปเสาะหาจิ่นฉิงพอดี เลยได้เจอนางเข้า และให้นางซ่อนตัวไว้!” จิ่วฟ่างเล่าเรื่องราวออกมาง่ายๆ
โอจื่อโฝวอดเลื่อมใสจิ่วฟ่างขึ้นมาไม่ได้ “พวกเจ้ายังมาเจอกันได้อีก เก่งจริง”
โอจื่อโฝวแอบบ่นในใจ ทำไมตอนแรกตนไม่เจอบ้างล่ะ จะได้ให้นางติดค้างน้ำใจตนไว้หนึ่งครั้ง
“บางทีนี่อาจเป็นบุพเพต่อกัน พวกเจ้าสองคนคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ?” หยุนถิงถามออกมา
โอจื่อโฝวพลันสีหน้ากระดากขึ้นมา พอคิดถึงว่า ก่อนหน้านี้ตนจงใจหาเรื่องกลั่นแกล้งถิงหยุน ตอนนี้เขาเริ่มกระดากที่จะพูดมันออกมาละ
คนบนโต๊ะนี้ล้วนมีฐานะสูงส่งทั้งนั้น แต่พวกเขากลับไม่มีมาดเลยสักนิด ทุกคนล้วนพูดคุยกันด้วยความจริงใจ ล้อเล่นหยอกล้อกัน นี่เป็นสิ่งที่โอจื่อโฝวอิจฉาที่สุด
“ข้า ข้ายังไม่รู้เลย” โอจื่อโฝวบอกอย่างกระอักกระอ่วน
เขากลัวพูดตรงๆออกมาแล้วจะโดนปฏิเสธ
“ข้าผิดต่อจิ่นฉิง ดังนั้นครึ่งชีวิตที่เหลือจะอยู่กับจิ่นฉิงตลอด ค้นหาหนทางรักษาเป็นเพื่อนนาง” จิ่วฟ่างตอบ
หยุนถิงมองดูคนสองคนที่ทำหน้ากระอักกระอ่วนกัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นต่อไปพวกเจ้าก็ติดตามข้าแล้วกัน”
“จริงรึ?” ความกระดากอายเมื่อครู่ของโอจื่อโฝวแปรเปลี่ยนเป็นยินดีอย่างยิ่ง และถามออกมาอย่างไม่คิดเลย
“แน่นอน ติตตามข้าน่ะได้ แต่มีเรื่องหนึ่งคือ ต้องจงรักภักดีอย่างที่สุด หากใครกล้าทรยศข้า ผลลัพธ์มันไม่ใช่อะไรที่พวกเจ้าจะทนรับได้แน่
หากวันไหนพวกเจ้าอยากจากไป หรืออยากไปมีชีวิตของตนเอง บอกข้าคำหนึ่งก็พอ ข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของพวกเจ้าแน่” หยุนถิงบอกอย่างหนักแน่นเข้มงวด
“ข้าไม่ทรยศแน่นอน” โอจื่อโฝวตอบทันที
พอคิดถึงสติปัญญา ฝีมือของหยุนถิงแล้ว เขาเลื่อมใสอย่างที่สุด
“ตอนนี้ข้าไม่ หากเจ้ารักษาจิ่นฉิงไม่ได้ ข้าจะพานางไปหาหมอที่อื่น” จิ่วฟ่างครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ตกลง!”
หม้อไฟหม้อหนึ่งทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย สบายอารมณ์ พอกินข้าวเสร็จ จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปพักผ่อน
โม่เหลิ่งเหยียนกลับพาพวกหมิงจิ่วซางออกเดินทาง หยุนหลีพอคิดถึงว่าเซียวหรูซื่อทำอย่างนั้นกับท่านแม่พี่หญิงใหญ่ เลยตามไปจัดการเซียวหรูซื่อด้วย
เสวี่ยเชียนโฉวเองย่อมตามติดไม่ลดละอยู่แล้ว ให้นางอยู่กับซวนอ๋อง ถึงเขาจะดูออกว่าซวนอ๋องไม่ได้คิดอะไรกับหยุนหลี แต่เขาไม่วางใจนี่นา
โอจื่อโฝวเองก็อยากรู้ว่าหยุนถิงใช้อะไรมาโจมตีสองเกาะที่การคุ้มกันแข็งแกร่งที่สุดของฮูหยินเจ้าทะเล และตามไปด้วยกัน
จิ่วฟ่างอยู่เป็นเพื่อนจิ่นฉิง ไม่ได้ตามไป ในสายตาเขาไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าจิ่นฉิงอีกแล้ว
ในห้อง หยุนถิงกินอิ่มเอนพิงเตียงเลย
“ท่านพี่ หม้อไฟคืนนี้อร่อยจริงๆ”
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ “อร่อยดี”
ตอนเขาพูดคำนี้ ใบหน้าหล่อเหลาเหล่มองริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นของหยุนถิง
บางทีอาจเพราะกินพริกเข้าไป ดังนั้นริมฝีปากของหยุนถิงในคืนนี้ถึงได้ดูแดงกว่าปกติเล็กน้อย ในสายตาจวินหย่วนโยวตอนนี้มันช่างดูเย้ายวนนัก
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากบางของหยุนถิง
เพราะว่ากินมากเกินไป หยุนถิงเลยเรอออกมาพอดี ทำเอาจวินหย่วนโยวกระดากไม่น้อย
เมียของตนเอง จะทำอย่างไรได้ ได้แต่รักต่อไปเอง
“ท่านพี่ ท่านกินอิ่มแล้วอยากนอนจริงๆนะ นี่พึ่งกินอิ่มเลยนอนไม่หลับ พวกเราไปดูดาวกันเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าทำห้องกระจกไว้ห้องหนึ่งในใจกลางเกาะนี้ จะได้ลองดูเลยเสียเลย” หยุนถิงหัวเราะเสียงเบา
“ได้” จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงลุกขึ้น หยิบผ้าคลุมมาช่วยนางคลุม
ทั้งสองคนเดินกุมมือกันเดินไปยังใจกลางเกาะ ลมทะเลเที่ยงคืนนี้หนาวเล็กน้อย หยุนถิงสะท้านเยือกทันที
จวินหย่วนโยวโอบนางเข้าอ้อมกอด “กอดข้าไว้ จะอุ่นขึ้นหน่อย”
“ได้”
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาถึงห้องกระจก มีทหารหลายคนเฝ้ายามหน้าประตูอยู่ ระหว่างทางที่มา ทุกห้องรอบด้านเต็มไปด้วยองครักษ์ เห็นได้ชัดว่าโม่เหลิ่งเหยียนคุ้มกันแน่นหนารอบคอบมาก
“พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ คืนนี้ข้ากับซื่อจื่อเฟยจะอยู่ที่นี่” จวินหย่วนโยวพูดเสียงเรียบ
“ขอรับ!” พอองครักษ์เห็นจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟย ก็รู้ดีว่าทั้งสองคนขึ้นชื่อความหวานเลี่ยนต่อกัน องครักษ์กระจายกันออกไปอย่างรู้งาน
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกุมมือกันเดินเข้าไปในห้องกระจก ในนั้นยังเป็นสภาพที่นางสร้างขึ้นมา โต๊ะเก้าอี้ ดอกไม้ใบหญ้า ยังมีอุปกรณ์ชงชาข้างๆยังมีเตียงใหญ่มากเตียงหนึ่ง
หยุนถิงดีใจมาก เอาผ้าปูเตียงออกมาจากในมิติมาปูเตียงทันที จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนนั้นดูดาว
“ว้าว ท่านพี่ ดาวที่นี่ทั้งใหญ่และสุกสกาวนัก สวยมากเลย!”
ไม่เหมือนกับเมืองในยุคปัจจุบันที่ทุกที่มีแต่ตึกสูงใหญ่ ผู้คนใช้ชีวิตกันในจังหวะรวดเร็วมาก เรื่องวุ่นวายอย่างงานและชีวิตครอบครัวทำให้ทุกคนลืมเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้า
บนเกาะนี้ทุกที่ไม่มีสิ่งขวางกั้น สามารถมองเห็นได้โดยรอบ
ท้องฟ้าดำมืดประหนึ่งผ้าดำที่ถูกย้อมด้วยสีดำเข้าไปอีก บนนั้นมีดาวสุกสกาว สว่างไสวอย่างนั้น เด่นสะดุดตาอย่างนั้น งดงามยิ่งนัก
“หากเจ้าชอบดู ต่อไปพวกเราก็มาดูดาวที่นี่กันทุกคืนละกัน” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่
เขาเองหันไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นกัน ดวงดาวสุกสกาวดวงนั้นประหนึ่งเด็กขี้เล่นก็ไม่ปานกำลังกระพริบตา ทำให้เขานึกถึงลูกทั้งสอง
“ไว้ต่อไปมีโอกาส พาเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนมาดูดาวด้วยกัน ดาวของที่นี่งามกว่าของจวนซื่อจื่อจริงๆ!” จวินหย่วนโยวถอนหายใจบอก
“ใช่ไง ข้าเองก็คิดถึงลูกๆเหมือนกัน รีบจัดการเรื่องทางนี้ให้แล้วเสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับไปหาแก้วตาดวงใจของข้า” หยุนถิงเองก็คิดถึงเหมือนกัน
จวินหย่วนโยวยื่นมือโอบหยุนถิงเข้าอ้อมกอด ให้นางเอนพิงไหล่ตน “เจ้าเองก็เป็นแก้วตาดวงใจของข้านะ”
“ไอ้โหย ตอนนี้ท่านพี่ปากหวานขนาดนี้ พูดเก่งแล้วนะ” หยุนถิงหัวเราะเบาๆ
“ถิงเอ๋อร์ ดวงตาเจ้างดงามนัก ในนี้มีได้แค่เพียงข้าเท่านั้น!” จวินหย่วนโยวพูดต่อไป
หยุนถิงโดนเขาทำไปไม่เป็นเลย หมอนี่ฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า “ข้าชอบท่านมากแค่ไหนน่ะเหรอ เหมือนขนมล่าเถียวที่เคยกินตอนเด็กเลย ไม่เคยได้ดูวันหมดอายุเลย”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว “ขนมล่าเถียวคืออะไร?”