จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 668 จะโดนพิษมาหนึ่งปีนานเพียงนี้ได้อย่างไร
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 668 จะโดนพิษมาหนึ่งปีนานเพียงนี้ได้อย่างไร
เสวี่ยเชียนโฉวมองเห็นอินทรีทองกลางอากาศ สีหน้าตึงเครียดขึ้นหลายส่วน ในขณะเดียวกันก็เลื่อมใสในตัวหยุนถิงยิ่งนัก
พอเขาออกจากคุกหลวงแคว้นต้าเยียน เรื่องแรกคือให้คนไปสืบเรื่องหยุนถิง ได้รู้มาว่า สตรีเช่นนางสามารถกำหราบสัตว์ดุร้ายอย่างอินทรีทองได้ เสวี่ยเชียนโฉวอดแปลกใจไม่ได้
ตอนนี้มาเห็นหยุนถิงสั่งการอินทรีทองกับตาตนเอง มันทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ
สตรีเช่นนาง มิใช่คนธรรมดาแน่
“พี่หญิงใหญ่ มีคนลอบโจมตีจากทางนั้นรึ?” หยุนหลีถามอย่างสงสัย
หยุนถิงสายตาเย็นเยียบ “คนที่เป่าขลุ่ยอยู่ทางนั้น”
“อย่างนั้นก็เป็นคนควบคุมพี่เขยซื่อจื่อน่ะสิ พวกเรารีบตามไปเร็ว!” หยุนหลีทำท่าจะไล่ตามไป
แต่กลับโดนเสวี่ยเชียนโฉวคว้าแขนไว้ “อย่าวู่วาม องครักษ์เงามังกรไล่ตามไปแล้ว เจ้าผลุนผลันไปอย่างนี้ เกิดถูกจับได้ขึ้นมา พวกเขาใช้เจ้ามาข่มขู่พี่หญิงใหญ่เจ้า จะมิเป็นการซ้ำเติมรึ!”
หยุนหลีสีหน้าเย็นชาลงทันที “ท่านอาพูดอะไรน่ะ ข้าอ่อนแอขนาดนั้นเลยรึ แต่ท่านพูดก็มีเหตุผล ข้าจะซ้ำเติมให้พี่หญิงใหญ่ไม่ได้ ถ้าเกิดพวกมันวรยุทธ์ดีกว่าข้า ข้าอยู่นิ่งๆดีกว่า” จวินหย่วนโยวที่เดิมทุกข์ทรมานยิ่งนัก พลันสองตาแดงก่ำ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป
พอโม่เหลิ่งเหยียนเห็นอย่างนั้น สีหน้าตึงเครียดทันที พุ่งเข้าไปซัดฝ่ามือใส่จวินหย่วนโยวสลบไปทันที
“ซวนอ๋อง ท่าน?” หยุนถิงรีบพยุงจวินหย่วนโยวไว้
“ข้าจะไม่มีทางให้เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด หากจวินหย่วนโยวควบคุมตัวเองไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด พาเขากลับไปก่อนเถอะ” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็น
หยุนถิงเองก็รู้ดีว่า หากเขาพลั้งทำร้ายลูกไป น่ากลัวจวินหย่วนโยวคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่
“ได้!”
“ข้าพยุงจวินซื่อจื่อเอง!” เสวี่ยเชียนโฉวรีบเข้ามาช่วยทันที
หลิงเฟิงรีบให้คนหารถม้ามาทันที จากนั้นพวกหยุนถิงก็พยุงจวินหย่วนโยวขึ้นรถม้ามุ่งตรงไปยังแปรพระราชฐานทันที
พอท่านยายขุยได้ยินว่าพวกเขากลับมาแล้ว ก็รู้สึกผิดสังเกตทันที รีบเร่งออกมา
“ท่านยาย รบกวนท่านช่วยดูให้สามีข้าหน่อย คนเป่าขลุ่ยนั่นปรากฏตัวขึ้นในคืนนี้แล้ว ซื่อจื่อทรมานมาก พวกข้าไร้หนทางเลยได้แต่ตีเขาจนสลบไป” หยุนถิงอธิบายกระชับสั้นได้ใจความ
ท่านยายขุยสีหน้าตึงเครียดขึ้นหลายส่วน “รีบหามเขาเข้าไปเร็ว!”
เสวี่ยเชียนโฉวกับรั่วจิ่งรีบทำตามทันที ซวนอ๋องมองท่านยายขุย ในเมื่อหยุนถิงให้นางมาช่วยรักษาจวินหย่วนโยว แสดงว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ เขาเลยไม่ได้พูดอะไร
เยว่เอ๋อร์และซูหลินอุ้มเด็กสองคนออกไป และดูแลพวกเขา ไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง
โม่เหลิ่งเหยียนเห็นสีหน้าตึงเครียดของหยุนถิง เอ่ยถามขึ้น “จวินหย่วนโยวเป็นอะไรกันแน่?”
“เขาโดนหนอนกู่ผีเสื้อโลหิต โดนมาตั้งแต่ในท้องแม่แล้ว ท่านยายขุยเป็นคนเก่าแก่ของท่านแม่ข้า ตอนนั้นท่านแม่ข้ามิได้ตายเพราะคลอดลูก แต่ตายเพราะโดนหนอนกู่ผีเสื้อโลหิต นางศึกษาค้นคว้าพิษกู่มาหลายปี หากมิใช่นางข้าเองก็มิรู้เลย” หยุนถิงเล่าเรื่องที่เจอท่านยายขุยออกมา
ทำเอาโม่เหลิ่งเหยียนตกใจยิ่งนัก เขากำหมัดแน่นโดยพลัน “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นพวกเจ้าเลยสงสัยว่าผู้ที่เป่าขลุ่ยนั่นเป็นคนของผิงหนานอ๋อง?”
“ใช่”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะคุ้มครองเจ้าให้ปลอดภัย!” โม่เหลิ่งเหยียนพูดอย่างหนักแน่นเข้มงวด
“หยุนถิงซาบซึ้งมาก “ขอบคุณมาก!”
“ไม่ต้องเกรงใจข้า”
ไม่นาน ท่านยายขุยเดินออกมาจากด้านใน
“ท่านยาย สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงถามอย่างเป็นกังวล
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่สลบไปชั่วคราว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ข้าเคยช่วยเขาระงับหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตมาก่อน คืนนี้ถึงจะมีผู้เป่าขลุ่ยนั่น แต่ก็ไม่ได้ปลุกหนอนกู่ผีเสื้อโลหิตขึ้นมาทั้งหมด” ท่านยายขุยตอบ
“ขอบคุณท่านยาย!”
“ไม่ต้องเกรงใจ เพียงแต่ผู้เป่าขลุ่ยนั่นจับมาได้หรือไม่ ข้าอยากเจอสักหน่อย”
หยุนถิงส่ายหัว “ข้าให้คนไล่ตามไปแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวเลย”
“ไม่ต้องรีบร้อน เจ้าเข้าไปดูเขาเถอะ” ท่านยายขุยมองโม่เหลิ่งเหยียน แต่ไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวจากไป
หยุนถิงรีบพุ่งเข้าไปทันที มองดูจวินหย่วนโยวที่นอนอยู่บนเตียง ปวดใจยิ่งนัก
วินาทีนี้หยุนถิงสาบานในใจว่าจะต้องลากคอเจ้าคนเป่าขลุ่ยให้เจอ ช่วยจวินหย่วนโยวถอนพิษกู่นี่ให้ได้
ด้านนอกแปรพระราชฐาน ขันทีคนหนึ่งรีบพุ่งเข้ามาอย่างลนลาน “องค์หญิงสาม แย่แล้ว เกิดเรื่องกับฝ่าบาทแล้ว รบกวนท่านช่วยเข้าวังกับข้าเร็วเถิด”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่กำลังจะเข้าเรือน พอเห็นหลิ่วกงกงที่รับใช้ข้างกายเสด็จพ่อมา ก็ตกใจยิ่งนัก “เกิดเรื่องกับเสด็จพ่อรึ?”
“ทูลองค์หญิงสาม คืนนี้ฝ่าบาทกินอาหารค่ำเสร็จแล้วก็บอกว่าไม่สบาย เรียกหมอหลวงไปตรวจก็หาสาเหตุไม่เจอ จากนั้นจู่ๆฝ่าบาทก็พลันชักกระตุก ทรมานยิ่งนัก
ข้าน้อยเรียกหมอหลวงทั้งสำนักหมอหลวงไปหมดแล้ว แต่เหล่าหมอหลวงก็ตรวจหาสาเหตุไม่เจอ ดังนั้นข้าน้อยเลยได้แต่มาหาองค์หญิงสามกลางดึก ได้ยินว่าท่านมาที่แปรพระราชฐาน ข้าน้อยก็รีบมาเลย” หลิ่วกงกงตอบทันที
“ทำไมเป็นเช่นนี้ ข้าจะตามเจ้าเข้าวังเดี๋ยวนี้” เริ่นเซวียนเอ๋อร์บอกกับหยุนหลีคำหนึ่งก็จากไปทันที
พระราชวัง
ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วทรมานยิ่งนัก รู้สึกราวกับโดนหนอนนับหมื่นนับพันตัวกัดกินอยู่ ทรมานยากจะทนไหว เขาเกาตนเองจนมีแต่รอยเลือดนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังคันคะเยอยิ่งนัก
พอเริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้ามาก็เห็นเสด็จพ่อที่หลบอยู่ในมุมห้อง ผมเผ้าสยาย เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย แขนและมือมีรอยเลือดนับไม่ถ้วน ไหนเลยจะยังเหลือมาดทรงอำนาจอยู่สูงส่งเหนือใครอย่างปกติ สภาพดูน่าอนาถนัก อาดูรนัก
“เสด็จพ่อ ท่านเป็นกระไรรึ เสด็จพ่อ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบพุ่งเข้าไปทันที เพียงแต่นางยังไม่ทันได้แตะตัวฮ่องเต้ ก็โดนฮ่องเต้ผลักกระเด็น “หลีกไป อย่าแตะต้องข้า ข้าทรมานนัก ทรมานไปทั้งตัวเลยนะ?”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์โดนผลักล้มลงพื้น ไม่สนใจความเจ็บปวด รีบปีนขึ้นมาจี้จุดของฮ่องเต้ จากนั้นคว้าแขนเขามาจับชีพจร
“องค์หญิงสาม ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” หลิ่วกงกงตกใจบ่นรัวๆ
“ไม่ทำอย่างนี้จะจับชีพจรให้เสด็จพ่อได้อย่างไรกัน หรือว่าเจ้าจับเขาอยู่?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ย้อนถาม
หลิ่วกงกงชะงักกึก ตกใจคุกเข่าลงพื้นทันที “องค์หญิงสามละเว้นข้าน้อยเถิด ข้าน้อยไหนเลยจะกล้าจับกดฝ่าบาท!”
“เลิกพล่าม อย่าหนวกหูข้า!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์แค่นเสียงเย็น ไม่สนใจเขาอีก หมุนตัวกลับม่จับชีพจรให้ฮ่องเต้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เริ่นเซวียนเอ๋อร์สีหน้าตึงเครียด “ระยะนี้อาหารการกินความเป็นอยู่ของเสด็จพ่อต่างกับปกติยังไง?”
“กราบทูลองค์หญิงสาม อาหารการกินความเป็นอยู่ของฝ่าบาทเหมือนเมื่อก่อนเลย ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม” หลิ่วกงกงตอบตามจริง
“เช่นนี้ระยะนี้เขาโปรดนางสนมคนไหน หรือ ให้นางสนมคนไหนรับใช้มากหน่อย?”
“เซียวเฟย นับแต่ฝ่าบาทรับเซียวเฟยเข้าวังมา ก็โปรดปรานนางเพียงผู้เดียวมาตลอด นางสนมคนอื่นอย่างมากก็แค่แวะไปเยี่ยมเยียน แต่ค้างคืนที่ตำหนักเซียวเฟยตลอดเลย องค์หญิงสามอยู่ด้านนอกตลอด เลยมิรู้ ฝ่าบาทเป็นอะไรรึ?” หลิ่วกงกงถามอย่างเป็นห่วง
“เสด็จพ่อโดนวางยาพิษแล้ว และยังโดนมาเป็นปีแล้วด้วย พิษนี้ร้ายนัก และยังมีฤทธิ์ติดด้วย หากผ่านไประยะหนึ่งไม่ได้ยาถอนพิษ ก็จะเจ็บปวดไปทั้งร่าง อยู่ไม่สู้ตาย!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กัดฟันกรอด พูดอย่างเคียดแค้น
กล้ามีคนวางยาพิษร้ายขนาดนี้กับเสด็จพ่อ ชั่วร้ายนัก
หลิ่วกงกงตกใจเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทถูกพิษได้อย่างไร แถมยังเป็นปี นั่นมิใช่วันที่เซียวเฟยเข้าวังมารึ?”
“เซียวเฟย?”
“ใช่ เซียวเฟยเข้าวังมาปีกว่าแล้ว” หลิ่วกงกงตอบ
เริ่นเซวียนเอ๋อร์สายตาแดงก่ำ เดือดดาลยิ่งนัก “ตอนนี้ข้าจะไปพบเซียวเฟยผู้นี้สักหน่อย!”