จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 655 พระองค์ทรงไร้เยื่อใยปานนี้เชียวหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 655 พระองค์ทรงไร้เยื่อใยปานนี้เชียวหรือ
“ข้าไปกับเจ้าเอง!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก
“ไม่ต้องหรอก ท่านพี่ท่านอยู่ที่นี่ดูลูกๆ พวกเขามองไม่เห็นพวกเราทั้งคู่ต้องร้อนใจแน่ ให้หลงยีกับหลงซานไปกับข้าก็พอแล้ว” หยุนถิงกล่าว
“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังด้วย จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”
“วางใจเถิด ข้าไปเตรียมพร้อมเสียหน่อย” หยุนถิงหมุนตัวไปที่ห้องด้านข้างแล้ว นำผงยาของหญ้าซูร่าพวกนั้นที่หยิบมาเมื่อครู่นี้ใช้จิตสำนึกเอาเข้าสู่มิติ ทำขึ้นอีกเป็นจำนวนมากแล้ว
หยุนถิงเพิ่มยาหลายอย่างเข้าไปในนั้นด้วย ในเมื่อมู่เซียวเซียวโหดเหี้ยมต่อเด็กทั้งสองถึงเพียงนี้ด้วยการใช้ยาพิษเยี่ยงนี้ เช่นนั้นนางจะไม่ปรานีโดยเด็ดขาด
ยามค่ำคืนอันมืดมิด พอผ่านหลังตีหนึ่งไปหยุนถิงรีบให้หลงยีใช้วิชาตัวเบาพาตนเองไปที่พระราชวัง หลงซาน หลงซื่อ และหลงหวู่ตามติดอยู่ด้านหลัง
องครักษ์เงามังกรและคนอื่นจดจำแผนที่ของพระราชวังแคว้นเทียนจิ่วได้อย่างชัดเจนดี ดังนั้นหลงยีพาหยุนถิงมุ่งตรงไปที่ตำหนักของฮองเฮา
“หลงซานเจ้าไปที่ตำหนักและห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ นำผงยาพวกนี้โรยบนเสื้อผ้าของเขา โดยเฉพาะเน้นที่เสื้อตัวในและกางเกงชั้นใน
หลงซื่อเจ้าไปที่ห้องพระเครื่องต้น เซียวเฟยได้รับความโปรดปรานเยี่ยงนี้นางต้องรับประทานเพียงผู้เดียวแน่ นำยาพวกนี้โรยบนฝา อย่าทำหกใส่ในถ้วยหรือในหม้อ เพียงแค่โรยด้านในฝา
หลงหวู่เจ้าไปหาฮวนกุ้ยเหริน บอกนางว่าผงยาพวกนี้สามารถทำให้ตายทั้งเป็นได้ หนำซ้ำยังไร้สีไร้กลิ่นแม้แต่หมอหลวงก็ตรวจไม่เจอ” หยุนถิงรีบแบ่งผงยาและยาที่ปรุงให้ทุกคน
หลังจากหลงซานและคนอื่นรับไป จึงรีบแบ่งงานกันทำ
“หลงยีเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าเข้าไปเองก็พอ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ซื่อจื่อเฟยระวังด้วยขอรับ หากมีอันตรายท่านแค่ตะโกนเรียก ข้าจะรีบพุ่งเข้าไปทันทีขอรับ” หลงยีพูดอย่างเป็นห่วง
“ได้!”
ภายในตำหนัก ถึงแม้เป็นช่วงกลางดึกแล้ว แต่เดิมทีฮองเฮายังไม่ได้บรรทม ในห้องจุดเทียนสีแดงไว้เล่มหนึ่ง
เห็นแสงเทียนลุกไหม้ขึ้น น้ำตาเทียนหยดย้อยลง ฮองเฮาทอดถอนใจหลายที
“คงทรงได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของคนใหม่ จักทรงได้ยินเสียงร้องไห้ของคนเก่าที่ใดเล่า ฝ่าบาทพระองค์ทรงไร้เยื่อใยปานนี้เชียวหรือ?” เสียงของฮองเฮาสะอึกสะอื้นไปหมด
นางสมรสกับฮ่องเต้เดิมก็คือฮ่องเต้องค์ก่อนจัดการให้ เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินฝ่าบาท ไม่ได้มีความรักอะไรกับฝ่าบาท ก่อนหน้านี้วันที่หนึ่งและสิบห้าของแต่ละเดือนฝ่าบาทยังทรงเสด็จมาหาตนเอง ทว่าตั้งแต่เซียวเฟยเข้าวังมา แม้แต่สามวันนี้ล้วนไม่มาอีกแล้ว
ฮองเฮาจะไม่รู้หรือว่าลับหลังพระสนมคนอื่นถกเถียงถึงตนเองว่าอย่างไร แต่ในเมื่อนางเป็นฮองเฮาสามารถมีวิธีอะไรได้ ในใจของฝ่าบาทไม่มีนาง นางจะทำเช่นไรได้
เริ่มแรกฮองเฮาก็ไม่ได้คิดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแต่ละปีในวังจะมีคนใหม่เข้าวังมา ฝ่าบาททรงโปรดปรานอยู่สักพักหนึ่งก็ทรงเบื่อแล้ว แต่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว เซียวเฟยผู้นี้มีฝีมือดีตามคาด
ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใช้ข้ออ้างหาเรื่องเซียวเฟย เพียงแค่ลงโทษนางให้คุกเข่าสองชั่วยาม ฮ่องเต้ก็รีบรับสั่งให้เซียวเฟยไม่ต้องมาแสดงความเคารพต่อตนเอง
ฮองเฮาตกตะลึง แต่นางกลับได้เพียงอดกลั้นไว้
แต่นางต้องอดกลั้นไปถึงเมื่อไร หรือว่าต้องยอมสละตำแหน่งฮองเฮาของตนเองให้นางหรือ?
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงดึกปานนี้ยังไม่บรรทมอีก น่าจะเป็นเพราะเซียวเฟยกระมัง” เสียงที่เย็นเยือกลอยมา หยุนถิงกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
ฮองเฮามองเห็คนที่ปรากฏตัวกะทันหัน สวมชุดตัวทั้งตัว บนหน้าคลุมผ้าสีดำไว้ มองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นเยือกและแหลมคม ราวกับสามารถมองทะลุใจคนได้
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน เหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่ เข้ามา——” ฮองเฮาตกใจกลัวอย่างยิ่ง กำลังอยากตะโกนเรียกคน
“หม่อมฉันกับฮองเฮาเหนียงเหนียงมีศัตรูร่วมกัน หม่อมเป็นเพียงผู้เดียวที่ช่วยพระองค์กำจัดเซียวเฟยได้เพคะ ถ้าเหนียงเหนียงไม่ต้องการ ทรงเรียกคนเข้ามาได้ทันทีเพคะ!” หยุนถิงขัดจังหวะนาง
ฮองเฮาถึงหยุดปากไว้ ทำหน้าหวาดระแวง มองทางหยุนถิงอย่างระวัง “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร?”
หยุนถิงหัวเราะนิ่งๆ “เหนียงเหนียงไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรเพคะ เพียงแค่ตั้งแต่เซียวเฟยเข้าวังมา ฝ่าบาทก็ไม่เสด็จมาหาเหนียงเหนียงหนึ่งปีแล้วกระมัง ฮองเฮาคงเป็นเพียงในนาม
ตอนนี้เซียวเฟยได้รับความเอ็นดู ถ้านางปรารถนาตำแหน่งฮองเฮา ตั้งครรภ์ทายาทของฝ่าบาท ขอเพียงเป่าหูฝ่าบาททีละนิด เกรงว่าตำแหน่งฮองเฮาของเหนียงเหนียงคงรักษาไว้ไม่ได้
ถ้าเหนียงเหนียงล้มแล้ว คนที่เซียวเฟยจะจัดการคนต่อไปต้องเป็นครอบครัวของพระองค์แน่นอน ยังมีคนที่ติดตามเหนียงเหนียงเหล่านั้น หรือว่าเหนียงเหนียงอยากเห็นป็นเยี่ยงนั้นจริงหรือเพคะ?”
สีหน้าฮองเฮาตึงเครียด นางย่อมรู้ความเกี่ยวพันร้ายแรงในนั้นเป็นธรรมดา “เจ้าอยากทำอะไรกันแน่?”
“หม่อมฉันเพียงอยากกำจัดเซียวเฟย เพราะนางทำร้ายคนสำคัญที่สุดของหม่อมฉัน ชื่อเดิมของเซียวเฟยคือมู่เซียวเซียว เป็นคุณหนูใหญ่ของหอเทพเซียน สามปีก่อนหอเทพเซียนโดนเป่ยหมิงฉี่ฆ่ายกตระกูล จุดไฟเผาหอเทพเซียนแล้ว แต่มู่เซียวเซียวกลับหนีออกมาแล้ว
คิดว่าเหนียงเหนียงคงสงสัย เหตุใดเซียวเฟยได้รับความเอ็นดูมาหนึ่งปีแล้วไม่ถูกฝ่าบาททอดทิ้งกระมัง นั่นเป็นเพราะเซียวเฟยวางยาต่อฝ่าบาทแล้ว ถึงทำให้ฝ่าบาทหลงใหลรักใคร่นางปานนี้
ส่วนทางหม่อมฉันนี้มียาที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษพอดี ยานี้ไร้สีไร้กลิ่นต่อให้หมอหลวงก็ตรวจไม่พบ แม้แต่เซียวเฟยแห่งหอเทพเซียนก็ตรวจไม่พบเช่นกัน ฉะนั้นเหนียงเหนียงใช้มันอย่างวางใจได้เพคะ
สามารถให้คนนำผงยาไปโรยบนเสื้อผ้าจงใจเข้าใกล้นาง หรือว่าวางไว้บนดอกไม้ที่ปกตินางชื่นชอบที่สุด หรือว่าพวกว่าวอะไรทำนองนั้น ขอเพียงเป็นสิ่งที่นางสัมผัสในทุกวันก็พอ
ไม่เกินหนึ่งเดือน ฝ่าบาทต้องทรงทอดทิ้งนางเป็นแน่ ขอเพียงนางล้มแล้ว ด้วยลูกไม้ของเหนียงเหนียงยังกังวลว่าจะไม่ได้รับความรักเอ็นดูจากฝ่าบาทมาครองใหม่อีกหนเชียวหรือเพคะ?” หยุนถิงหยิบยาห่อหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะ หมุนตัวแล้วกระโดดออกหน้าต่างไปแล้ว
หลงยีที่รออยู่ด้านนอกพอเห็นซื่อจื่อเฟยกลับมา ถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง “ซื่อจื่อเฟยขอรับ ฮองเฮาเหนียงเหนียงมิได้ทำอะไรต่อท่านกระมัง?”
“ไม่ต้องห่วง นางไม่ได้เรียกคนเข้าไปจับข้า อธิบายว่าหวั่นไหวแล้ว อย่าประเมินความอิจฉาและความไม่ยินยอมของผู้หญิงคนหนึ่งต่ำไป” หยุนถิงตอบ
“ซื่อจื่อเฟยฉลาดหลักแหลม เช่นนั้นพวกเรากลับไปตอนนี้?”
“กลับไปเยี่ยงนี้ช่างอึดอัดเกินไป นางกล้าทำร้ายลูกชายลูกสาวข้า ข้าจะไม่ปล่อยนางไปเด็ดขาด! ไป ไปตำหนักของเซียวเฟย!” หยุนถิงกัดฟันพูด
“ขอรับ!”
มาถึงตำหนักของเซียวเฟย หยุนถิงรีบหยิบผงห่อใหญ่ห่อหนึ่งออกจากมิติ ให้หลงยีโรยที่หน้าต่าง ประตู ยังมีด้านในห้องของตำหนัก
หลงซานกับหลงซื่อ และหลงหวู่กลับมาแล้ว สองสามคนนี้ช่วยกัน ทำทุกอย่างเสร็จอย่างว่องไวมาก หยุนถิงทิ้งไม้ขีดไฟแท่งหนึ่งเข้าไป ชั่วพริบตาเดียวตรงห้องมีไฟกองโตลุกไหม้ขึ้น เผาไหม้อย่างเร่าร้อน
เปลวไฟสะท้อนใบหน้าของหยุนถิงจนแดงแล้ว ใบหน้าที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ใบนั้นเวลานี้เต็มไปด้วยความเย็นชาและความเคียดแค้น อันตรายถึงที่สุด
“ดับไฟเร็ว รีบเข้ามาดับไฟเร็ว!” เสียงกรีดร้องในห้องลอยมา
มุมปากหยุนถิงเผยการเยาะเย้ยขึ้น “นี่เพิ่งจะเริ่มต้น พวกเราค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป กลับ!”
“ขอรับ!”
ภายในห้อง ฮ่องเต้เพิ่งเสร็จกิจอันเร่าร้อนกับเซียวเฟย เพิ่งลงมาจากบนตัวนาง เหนื่อยจนไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว หลับตาก็นอนหลับแล้ว
ทันใดนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องข้างหูลอยมา ฮ่องเต้ลืมตาขึ้นก็มองเห็นรอบด้านไฟลุกโชน แม้แต่ผ้าห่มที่พวกเขาคลุมตัวไว้ก็ติดไฟแล้ว ตกใจแทบแย่
“เข้าที รีบเข้ามาช่วยข้าที เข้ามาเร็ว!” ฮ่องเต้ตกใจกลัวร้องตะโกน รีบทิ้งผ้าห่มลงพื้นไป
“ฝ่าบาท รีบเสด็จไปจากที่นี่เร็วเพค่ะ ฝ่าบาท!” มู่เซียวเซียวตะโกนเสียงดัง นางก็ไม่สนใจสวมเสื้อผ้าแล้ว ถือโอกาสคว้าเสื้อผ้ามาคลุมไว้ รีบดึงฮ่องเต้แล้วไป
เพียงแค่ไฟลุกหนักเหลือเกิน หน้าต่างล้วนถูกไฟกองโตเผาไหม้ ควันหนาปกคลุม ฮ่องเต้กับมู่เซียวเซียวสำลักจนไออย่างรุนแรง
ฮ่องเต้เพิ่งสูญสิ้นเรี่ยวแรงช่วงค่ำคืนมา พอเดินเร็วๆ จึงสะดุดกะทันหัน ทั้งตัวก็หกล้มลงพื้น