จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 6 อยากสวมเขาให้ข้า เจ้าคู่ควรรึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 6 อยากสวมเขาให้ข้า เจ้าคู่ควรรึ
“เจ้าพูดไม่ผิด แต่เหตุใดเจ้าไม่ชอบที่นี่เล่า?”
“อยุ่ที่นี่ก็เหมือนนกหงส์หยกที่โดนขังในกรง มีอะไรดีกัน ข้าชอบวันเวลาที่ท่านเที่ยวเล่นระหว่างภูเขาและแม่น้ำ ดื่มเหล้าคนเดียวจนเมา ใช้ชีวิตอิสระมากกว่า” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวมองสตรีข้างๆอย่างครุ่นคิด ไม่คิดว่านางจะพูดจาอิสรเสรีไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ วันเวลาอย่างนั้นจวินหย่วนโยวก็เคยคาดหวังเช่นกัน
ถึงใบหน้าหยุนถิงจะอัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่ดวงตาใสกระจ่างสุกสกาวของนางส่องประกายมั่นใจและหมายมาดเชื่อมั่น ทำให้จวินหย่วนโยวมองเหม่อไปเลย
ห้องทรงพระอักษร
กงกงให้พวกเขาสองคนยืนอยู่หน้าประตู ตนเองเข้าไปกราบทูล
“ซื่อจื่อ อีกเดี๋ยวท่านต้องปกป้องข้านะ ข้าขี้ขลาดจะตาย” หนุนถิงมองจวินหย่วนโยวอย่างอ้อนวอนน่าสงสาร
จวินหย่วนโยวมุมปากกระตุก ถึงจะได้คุยกับสตรีตรงหน้าไม่นาน แต่ก็ดูออกว่านางมิใช่คนอ่อนแออะไร สตรีผู้นี้เป็นหมาป่าหุ้มหนังแกะชัดๆ เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“ได้ ข้าจะพยายาม” จวินหย่วนโยวตอบรับ
“ขอบคุณซื่อจื่อ”
“ฮ่องเต้เรียกจวินซื่อจื่อ พระชายาหลีเข้าเฝ้า” เสียงตะโกนแหบดั่งเสียงเป็ดของกงกงดังมา
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวสองคนเดินเข้าไป หยุนถิงเห็นโม่ฉือหานในทันที เขากำลังถลึงตา หน้าดำคร่ำเครียด ดวงตาดำขลับฉายแววมาดร้ายกระหายเลือดและเคียดแค้น ประหนึ่งจะจับเธอห้าม้าแยกร่างก็ไม่ปาน
หยุนถิงมองหลีอ๋องอย่างท้าทาย ดวงตางามเต็มไปด้วยความไม่แยแสและเย้ยหยัน เป็นเพียงแค่แวบเดียวก็เก็บมันซ่อนไว้ และคารวะฮ่องเต้ด้วยสีหน้าน่าสงสาร
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท” จวินหย่วนโยวก็คารวะตาม แต่ไม่ได้คุกเข่า แค่ย่อเข่าเล็กน้อย
ฮ่องเต้รู้ว่าจวินหย่วนโยวไม่แข็งแรง พระราชทานอนุญาตเป็นพิเศษให้เขาไม่ต้องคุกเข่า
“ตามสบาย เจ้าก็คือหยุนถิง?” น้ำเสียงเย็นชาของฮ่องเต้ดังขึ้น
“กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันคือหยุนถิง” หยุนถิงเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายบนบัลลังก์นั่น ออกจะแปลกใจเล็กน้อย
นึกว่าฮ่องเต้จะเป็นตาแก่คนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะอายุน้อยขนาดนี้ ดูแล้วจะน่าจะแก่กว่าหลีอ๋องหลายปี
บนชุดมังกรสีเหลืองทองปักลายมังกรแหวกว่ายสมุทร ผมสีดำสนิทเกล้าขึ้นมา บนหัวมีมงกุฎ คิ้วโก่งงามตวัดขึ้น ดวงตาเรียวยาวแฝงคมปลาบ ริมฝีปากบางเม้มแน่น ใบหน้านั้นแผ่ซ่านรังสีเยือกเย็นเย่อหยิ่ง แต่กลับน่าเกรงขามข่มคน สิ่งทีแผ่ซ่านเด่นชัดคือรังสีเย่อหยิ่งเหนือฟ้าดิน。
ที่เอวเขามีหยกขาวชิ้นหนึ่งแขวนไว้ ลักษณะเรียบลื่น สลักลวดลายมังกรไว้ สะท้อนฐานะสูงส่งออกมา
นี่คือโม่ฉือแหย ฮ่องเต้ของแคว้นต้าเยียน พี่ชายของหลีอ๋อง
“ข้าได้ยินหลีอ๋องบอกว่า เจ้าเอาตนเองแต่งเป็นอนุให้จวินหย่วนโยว มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่?” ฮ่องเต้ถามอย่างเย็นชา
“กราบทูลฝ่าบาท เป็นเช่นนี้จริงๆ” หยุนถิงตอบ
“ถิงถิงเจ้าอย่ากลัวไป โดนใครรังแกมาก็กราบทูลฮ่องเต้ไป พ่อต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าได้แน่” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยปาก
คนผู้นั้นอยู่ในชุดขุนนางสีดำ ใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้าง รอบกายแผ่ซ่านรังสีมั่นคงแฝงนัย เห็นถึงประกายความขุ่นเคืองและกังวลชัดเจนในแววตา
นี่คือพ่อของร่างเดิม หยุนเฉิน เฉิงเซี่ยง
“หยุนถิงเจ้าช่างบังอาจนัก นี่เจ้ายอมรับเองนะ เสด็จพี่ สตรีคบชู้สู่ชายไร้ยางอายเช่นนี้ หม่อมฉันไม่ต้องการนางอีก ขอเสด็จพี่ยินยอมให้ข้าหย่าร้างนางด้วย” หลีอ๋องตะคอกดัง
“หลีอ๋อง คำนี้ท่านพูดผิดแล้ว ท่านหย่าข้าก่อน แล้วยังให้คนเอาหนังสือหย่าร้างแปะไว้หน้าประตูหอใต้หล้า ทำเอารู้กันทั้งเมือง ทั่วทั้งเมืองเซิ่งจิงรู้กันหมดแล้วว่าท่านหย่าร้างข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมเป็นอิสระ เมื่อวานท่านหย่าร้างข้า วันนี้ตอนเช้าข้าถึงแต่งกับซื่อจื่อ ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลยสักนิด ข้าอยากแต่งกับใครก็จะแต่งกับคนนั้น มันเป็นอิสระของข้า ท่านเอาหน้าตาที่ไหนมารังเกียจข้า ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วย ข้าแต่งกับซื่อจื่อเป็นสิ่งสมเหตุสมผลถูกต้องสมควร และมิได้สวมเขาให้หลีอ๋องด้วย” หยุนถิงย้อน
หลีอ๋องโกรธจนหน้าเขียวปั๊ด สองตาแดงก่ำ ถลึงตาที่ราวกับมีไฟลุกโชนออกมา “จะสวมเขาให้ข้า เจ้าคู่ควรรึ ข้ามองเจ้ามากหน่อยก็รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว”
“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนี้กับหลีอ๋อง มองท่านนานหน่อยข้ารู้สึกอยากอาเจียน โอ๊ะ” หยุนถิงยังแสร้งทำท่าจะอาเจียนจริงๆ
“เจ้า!” หลีอ๋องโกรธกำหมัดแน่น เขากำแน่นจนได้ยินเสียงกรอดๆ
สตรีน่าตายนี่กำลังจงใจถอยให้เขาตามรึ ไม่ว่านางจะทำอะไร ตนก็จะไม่มีทางมองนางอีก
จวินหย่วนโยวเข้ามาขวางหน้าหยุนถิงไว้ “หรือว่าหลีอ๋องจะตบตีคุณหนูหยุนต่อหน้าฮ่องเต้รึ?”
“จวินหย่วนโยวเจ้าอย่าปรักปรำข้านะ ข้าจะตบนางยังกลัวมือสกปรกเลย!” หลีอ๋องตอบอย่างไม่ยี่หระ
“วันนี้หลีอ๋องไม่แยแส วันหน้าอย่านึกเสียใจภายหลังแล้วกัน” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เหอะ ชาตินี้ข้าไม่มีทางเสียใจแน่ หญิงอัปลักษณ์เท่านั้นเอง นางยังจะพลิกฟ้าดินได้รึ” หลีอ๋องไม่มีทางได้รู้เลยว่า หญิงอัปลักษณ์ไร้ประโยชน์ที่เขาพูดวันนี้จะทำเอาทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนพลิกฟ้าสะท้านดิน ชื่อเสียงลือลั่นไปทั่วทั้งสีแคว้น
“ถิงถิง เจ้าคิดดีแล้วจริงรึว่าจะหย่าร้าง?” หยุนเซี่ยงถามอย่างเป็นกังวล
“ท่านพ่อ ข้าคิดดีแล้วจริงๆ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ลูกไม่อยากถูกทิ้งในห้องหอเพียงลำพังไปทั้งชีวิต หลีอ๋องใช้การไม่ได้แล้ว ข้าไม่อยากเป็นม่ายทั้งเป็น ตอนนี้ลูกเป็นคนของจวินซื่อจื่อแล้ว ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว” ตอนหยุนถิงพูดคำนี้ สีหน้าขวยเขิน ดูกระอักกระอ่วน
หยุนเซี่ยงหันมองจวินหย่วนโยวอย่างตะลึง เขาอ้าปากค้างจนแทบยัดไข่ไก่เข้าไปได้หลายลูก “พวกเจ้าสองคน จริง …แล้วจริงรึ?”
หยุนถิงพยักหน้าด้วยใบหน้าเขินอาย
ฮ่องเต้เหล่หลีอ๋อง แววตามีประกายคมปลายวาบผ่าน หลีอ๋องใช้การไม่ได้แล้วรึ?
“เสด็จพี่ท่านได้ยินแล้วนะ หยุนถิงเป็นของจวินซื่อจื่อ นางมิได้เป็นหญิงพรหมจรรย์แล้ว หม่อมฉันไม่มีทางให้นางเข้าประตูจวนหลีอ๋องแน่” หลีอ๋องแค่นเสียงหนักอย่างเดือดดาล
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันเป็นคนของจวินซื่อจื่อแล้ว ต่อให้อยากจะเป็นพระชายาหลีก็เป็นไปไม่ได้แล้ว หากฮ่องเต้ไม่เชื่อ สามารถให้คนมาตรวจดูร่างกายหม่อมฉันได้ หากหม่อมฉันพูดจริง ขอฮ่องเต้พระราชทานพระกรุณา แบบนี้หม่อมฉันกับท่านพ่อรวมถึงจวินซื่อจื่อจะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทยิ่งนัก” หยุนถิงรีบบอก
“ใครก็ได้ เชิญซูมามาของวังหลัง” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็นบอก
กงกงที่อยู่ด้านนอกรีบ รับคำสั่ง ออกไปเรียกคน ไม่นานซูมามาอายุมากสองคนเข้ามา หยุนถิงตามพวกนางไปตรวจสอบที่ตำหนักข้าง
ผ่านไปสักครู่ ซูมามาออกมา ถวายบังคมฝ่าบาทพลางว่า “กราบทูลฝ่าบาทคุณหนูหยุนมิได้เป็นหญิงพรหมจรรย์แล้วจริงๆ และตามร่างกายยังมีร่องรอยเขียวช้ำม่วง ดูแล้วอาการมิเบาเลย”
คำพูดเดียวทำหัวใจที่หวาดหวั่นของหลีอ๋องผ่อนคลายลง “เสด็จพี่ท่านได้ยินแล้ว หม่อมฉันยังไม่เคยแตะต้องนางเลย หญิงอัปลักษณ์หยุนถิงคบชู้สู่ชายมีสัมพันธ์กับจวินหย่วนโยว ดังนั้นขอเสด็จพี่ยกเลิกสัญญาแต่งงานของหม่อมฉันกับหยุนถิงด้วย”
สีหน้าฮ่องเต้เย็นเยียบ ถลึงตาใส่จวินหย่วนโยวอย่างเดือดดาล “จวินหย่วนโยว เจ้ารู้ไหมว่าทำผิดอะไร?”
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิทราบ ตอนกระหม่อมอยู่กับคุณหนูหยุน นางถูกหลีอ๋องหย่าร้างแล้ว พวกเราสองคนล้วนเป็นอิสระ จะตบแต่งกัน มีสิ่งใดมิได้รึ” จวินหย่วนโยวย้อนถาม