จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 498 หากนางต้องการจะจัดการเจ้า จำเป็นต้องขุดกับดักหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 498 หากนางต้องการจะจัดการเจ้า จำเป็นต้องขุดกับดักหรือ
“หากหยุนไห่เทียนสนใจในตัวซูชิงโยวจริงๆ เขาสามารถรอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยให้คนช่วยพวกเขาออกมา เหตุใดจะต้องเป็นกลางดึกให้ได้
เคล็ดขัดยอกและเป็นไข้ไม่ถึงตาย โอกาสที่หายากเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นเกรงว่าจะถ่วงเวลาและคิดหาวิธีอยู่ด้วยกันตามลำพัง หรือบางทีอาจเป็นเพราะพี่ใหญ่เจ้าเป็นคนเที่ยงตรงก็เป็นได้” จวินหย่วนโยววิเคราะห์
หยุนถิงตกตะลึงจนพูดไม่ออกแล้ว “คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ข้ายังมีเรื่องสวยงามที่ทำให้คนรู้สึกอิจฉาเช่นนี้อยู่อีก ท่อนไม้อย่างเขาก็ไม่พูดออกมา ข้าจะรู้ได้อย่างไร โชคดีที่ซื่อจื่อบอกกับข้า ท่านกล่าวได้มีเหตุผล ข้าจะถามความคิดเห็นของพี่ใหญ่ในภายหลัง”
“หากพี่ใหญ่เจ้าไม่มีใจ เจ้าพูดกับซูชิงโยวให้ชัดเจนตั้งแต่เนิ่นๆ เรื่องของความรักไม่สามารถบังคับกันได้ ต่อไปนางจะได้ไม่โกรธแค้นเจ้า!” จวินหย่วนโยวเตือนสติ
หยุนถิงปรารถนาดีมาโดยตลอด แต่ความปรารถนาดีไม่แน่ว่าจะได้รับผลตอบที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องของความรักอีก
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณซื่อจื่อมากที่เตือนสติ” หยุนถิงกล่าวขอบคุณ
“เข้านอนเร็วหน่อยเถอะ เรื่องของพรุ่งนี้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
“ตกลง” หยุนถิงพิงอยู่บนไหล่ของจวินหย่วนโยว ถึงได้หลับตาลง
เพียงแต่ว่าอย่างไรนางก็นอนไม่หลับอยู่ดี ฟังเสียงฝนโปรยปรายนอกหน้าต่าง ความคิดของหยุนถิงวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวกอดไหล่ของหยุนถิงเบาๆ ช่วยบีบนวดแขนให้นาง
หยุนถิงสบายใจขึ้นไม่น้อย ถึงได้ผล็อยหลับไปอย่างสะลึมสะลือ
ในตอนที่นางตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้น ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวไปกินข้าวที่บ้านไร่ บังเอิญพบกับฮ่องเต้กับหลิ่วเฟยเข้าพอดี
“คำนับฝ่าบาท!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวแสดงความเคารพ
“ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็กำลังกินข้าวอยู่พอดี พวกเจ้าก็เข้ามากินด้วยกันเถอะ” ฮ่องเต้ตรัส
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเข้ามานั่งลง
“พ่อบ้านชุย ไปหยิบตะเกียบและถ้วยมาสองชุด” หลิ่วเฟยสั่งการ
“ขอรับ!” พ่อบ้านชุยวางถ้วยและตะเกียบด้วยความเคารพนบนอบ
หยุนถิงหยิบตะเกียบขึ้นมาก็กินเลย พ่อบ้านชุยที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็ตกตะลึง ซื่อจื่อเฟยคนนี้จะใจกล้าเกินไปแล้ว ไม่ได้ถ่อมตนต่อฝ่าบาทเลย นี่เป็นความผิดฐานไม่ให้ความเคารพเชียวนะ
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้ พ่อบ้านชุยไม่กล้าพูดออกมาหรอก เขายืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ หวังว่าตัวเองจะไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง
“ฝ่าบาท ผักสีแดงจานนี้ไม่เลวเลย สีสันสดใส ดูแล้วก็มีความอยากอาหารเลย” หยุนถิงกล่าวชม
“หาได้ยากที่จะมีอาหารที่เจ้าชื่นชม เช่นนั้นก็กินมากๆหน่อย”
“ทำได้ดี ข้าย่อมชมเชยเป็นธรรมดา จู่ๆข้าก็นึกถึงอาหารที่อร่อยมากอย่างหนึ่ง รอให้ทำเสร็จแล้วจะนำมาให้ฝ่าบาทลองชิม” หยุนถิงจงใจอุบส่วนสำคัญเอาไว้
นัยน์ตาของฮ่องเต้มีความยินดีแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ฝีมือการทำอาหารของหยุนถิงไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน
“ตกลง ข้าจะรอ!”
“คุณหนูหยุนเป็นคนที่เก่งรอบด้านที่สุด โดยเฉพาะฝีมือการทำอาหาร ฝ่าบาทมักจะชมฝีมือการทำอาหารของเจ้าให้ข้าบ่อยๆ หากเจ้ามีอาหารอะไรใหม่ๆต้องให้ฝ่าบาทลองชิมดูก่อนนะ!” หลิ่วเฟยกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ฝ่าบาทเกษมล้ำยิ่งฟ้า อาหารอย่างแรกย่อมต้องให้ฝ่าบาทลองชิมก่อนอยู่แล้ว!”
จวินหย่วนโยวไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแค่คีบอาหารให้หยุนถิงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
มองดูท่าทางที่ใส่ใจเช่นนี้ของเขา ฮ่องเต้ยังอดรู้สึกนับถือไม่ได้
นับแต่โบราณผู้ชายมากชู้หลายเมียเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เขาสามารถโปรดปรานหยุนถิงคนเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องที่ไม่เลวจริงๆ
“ขลุ่ยหยกโลหิตเมื่อคืน ข้าได้ยินมาว่าไม่มีใครหาเจอเลย ไม่ทราบว่าคุณหนูหยุนซ่อนขลุ่ยหยกโลหิตนี่ไว้ที่ไหนหรือ?” จู่ๆหลิ่วเฟยก็เอ่ยปากขึ้นมา
หยุนถิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “หาไม่เจอก็ถูกต้องแล้ว เพราะข้าไม่ได้ซ่อนมันเลย!”
คำพูดประโยคเดียวทำให้พ่อบ้านชุยใจสั่นสะท้าน เมื่อคืนนี้ซื่อจื่อเฟยเสนอให้ทุกคนไปตามหาขลุ่ยหยกโลหิต ทำให้ทุกคนในพื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์ต่างรู้กันหมด แต่แล้วนางกลับบอกว่าไม่ได้ซ่อน นี่เป็นความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะ
เป็นเช่นนั้นจริงๆสีหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมลงมาทันที “หยุนถิง เจ้ากล้าหลอกลวงเบื้องสูง?”
“ไม่กล้าแน่นอนอยู่แล้ว หากข้าไม่พูดเช่นนั้น ทุกคนจะให้ความสนใจขนาดนี้ได้อย่างไร ความจริงข้าก็แค่จะให้พวกเขาสัมผัสกับความรู้สึกของการตามล่าสมบัติในป่าตอนกลางคืนเท่านั้น ส่วนขลุ่ยหยกโลหิตข้าย่อมต้องถวายให้กับฝ่าบาทอยู่แล้ว อาวุธที่ดีขนาดนั้นไปตกอยู่ในมือของใครก็ไม่ทรงพลังมากเท่าอยู่ในมือของฝ่าบาท!” หยุนถิงกล่าวพร้อมกับหยิบขลุ่ยออกมาจากแขนเสื้อ และยังมีหนังสือบทเพลงหนึ่งเล่ม
สีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้ถึงได้ผ่อนคลายลง มองดูสีที่แดงราวกับโลหิตทั้งอันนั่น แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นหยกแดงชั้นดี สมบูรณ์แบบไร้ที่ติแน่นอน
และหนังสือบทเพลงเล่มนั้น ข้างบนก็มีสัญลักษณ์วาดอยู่ แต่ฮ่องเต้ดูไม่ออก
“หยุนถิง หนังสือบทเพลงนี่ทำไมถึงแปลกเช่นนี้?”
“ทูลฝ่าบาท หนังสือบทเพลงเล่มนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ ข้าก็ดูไม่ออกเช่นกัน บางทีอาจจะมีเพียงคนที่ถูกกำหนดเอาไว้สำหรับมันเท่านั้นที่สามารถดูมันออก เจ้าสิ่งนี้สำหรับข้าแล้ว ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ก็ถวายมันให้กับฝ่าบาท หวังว่าฝ่าบาทจะหาคนมีความสามารถถอดรหัสหนังสือบทเพลงเล่มนี้ได้ในเร็ววัน!” หยุนถิงกล่าวด้วยความเคารพนบนอบอย่างมาก
ฮ่องเต้ย่อมยินดีอยู่แล้ว ไม่ต้องสนใจว่าจะดูออกหรือไม่ เจ้าสิ่งนี้ตกอยู่ในมือของตัวเองดีกว่าตกอยู่ในมือของคนอื่น
“น้ำใจนี้ของเจ้าหาได้ยากจริงๆ อยากได้รางวัลอะไร พูดมาเถอะ?”
“ข้าอยากได้พื้นที่รกร้างในเขตชานเมืองตอนเหนือนั่น” หยุนถิงตอบ
“พื้นที่รกร้าง พื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยก้อนหินและหลุมลึก รกร้างอย่างมาก ไม่สามารถเพาะปลูกได้เลย เจ้าจะเอามันไปทำไม” ฮ่องเต้งุนงง
“ตอนนี้ข้ายังคิดวิธีพัฒนาไม่ออก แต่ว่าพื้นที่รกร้างที่กว้างใหญ่ขนาดนั้นปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้มันก็เสียเปล่าไปจริงๆ ขอฝ่าบาทโปรดประทานให้ข้าด้วยเถิด!”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็อนุญาตแล้วกัน!” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
พ่อบ้านชุยที่อยู่ด้านข้างยังพลอยนึกเสียดายไปด้วย ซื่อจื่อเฟยคนนี้โง่หรือเปล่า หาได้ยากที่ฝ่าบาทจะประทานรางวัลให้ ไม่เอาแก้วแหวนเงินทอง ไม่เอาเขตเมืองที่นาอุดมสมบูรณ์ แต่กลับเลือกพื้นที่รกร้อง เกรงว่าคงจะเป็นคนโง่กระมัง
“หวังว่าเจ้าจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้ข้า!” ฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆก็มีเสียงที่ไม่ปรองดองดังมา
“เสด็จพี่ หยุนถิงจะลอบสังหารท่าน ท่านต้องระวังตัวให้มาก อย่าได้ถูกนางล่อลวง!” องค์หญิงห้าเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา ภายใต้การประคองขององครักษ์สองนาย
สีหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมลงมาทันที “อย่าได้พูดจาเหลวไหล ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยว่า เมื่อคืนหายไปไหนมา ทำไมถึงไม่กลับมาทั้งคืน?”
“เสด็จพี่ ที่ข้าพูดคือเรื่องจริงนะ หยุนถิงให้หลงเอ้อไปขุดกับดัก ก็เพื่อจะลอบสังหารท่าน เมื่อคืนข้าตกลงไปในกับดักหมดสติไปก็เพราะตามนางไปนี่แหละ ดังนั้นจนถึงตอนนี้ถึงจะกลับมาได้!” องค์หญิงห้าอธิบายทันที
นัยน์ตาสีดำที่เฉียบคมของฮ่องเต้ เหลือบมองไปทางองครักษ์สองนายนั่น “พวกเจ้าสองคนพบองค์หญิงห้าที่ไหน?”
“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยติดตามแม่ทัพหยุนไปลาดตระเวน พบองค์หญิงห้าใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในป่า ตอนนั้นองค์หญิงห้าหมดสติอยู่ ข้างกายของนางไม่ได้มีกับดักอะไร ข้าน้อยและคนอื่นๆยังรู้สึกแปลกใจ แม่ทัพหยุนก็ให้ข้าน้อยส่งตัวองค์หญิงห้ากลับมา!” ทหารนายหนึ่งตอบด้วยความเคารพนบนอบ
อากาศรอบๆตัวฮ่องเต้เย็นลงมาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
“องค์หญิงห้า บางทีนี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน หากคุณหนูหยุนต้องการจะสั่งสอนใคร นางสามารถลงมือโดยตรง จำเป็นต้องขุดกับดักหรือ” หลิ่วเฟยเบะปาก
ความหมายนอกเหนือคำพูด ก็คือองค์หญิงห้าใส่ร้ายหยุนถิง
“หลิ่วเฟยเดิมทีเจ้าก็เป็นพวกเดียวกับหยุนถิง เจ้าก็ต้องพูดแทนนางอยู่แล้ว เสด็จพี่สามารถให้คนไปตรวจสอบดูได้ หากสิ่งที่ข้าพูดไม่เป็นความจริง ยินดียอมรับการลงโทษ!” องค์หญิงห้ากล่าวอย่างเหตุผลถูกต้องคำพูดจริงจัง
หลิ่วเฟยสีหน้าไม่พอใจ “องค์หญิงห้า โปรดระวังวาจาของเจ้าด้วย ข้าก็แค่พูดเพื่อความเป็นธรรมเท่านั้น แม้แต่ฟู่อี้เฉินกับองค์ชายสี่คุณหนูหยุนก็ยังสั่งสอนเลย หากนางต้องการจะจัดการเจ้าจริงๆ จำเป็นต้องขุดกับดักด้วยหรือ”