จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 350 อย่างเจ้าก็คู่ควรให้ข้าปรนนิบัติ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 350 อย่างเจ้าก็คู่ควรให้ข้าปรนนิบัติ
จ้าวซ่างซูเห็นท่าทางน่าสังเวชของเขา รู้สึกได้ใจขึ้นมาทันที ช่างดีจริงๆ วันนี้ฝ่าบาทเอ่ยชื่อให้หยุนเฉิงเซี่ยงคิดหาวิธีตอนประชุมเช้าเลย
หากว่าเขาไม่สามารถคิดออกมาได้ ต้องถูกฝ่าบาทลงโทษอย่างแน่นอน หากถูกปลดออกจากตำแหน่ง เช่นนั้นวันที่ตัวเองจะได้รับตำแหน่งก็จะอยู่ไม่ไกลแล้ว
แต่ว่าหยุนเฉิงเซี่ยงมีลูกสาวที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงอย่างหยุนถิง ยิ่งมีจวินซื่อจื่อเป็นลูกเขย จ้าวซ่างซูย่อมไม่กล้าประมาทอยู่แล้ว
คำพูดฉากหน้าก็ยังต้องพูดอยู่ ดังนั้นจ้าวซ่างซูจึงกล่าวถามอย่างหยั่งเชิง“เหตุใดหยุนเฉิงเซี่ยงถึงได้กล่าวเยี่ยงนี้ ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับท่านมากที่สุดแล้ว อีกอย่างคุณหนูใหญ่หยุนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ท่านสามารถให้นางคิดหาวิธีได้นี่นา?”
หยุนเฉิงเซี่ยงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“อย่าพูดถึงเลย นี่ข้าก็เพิ่งออกมาจากจวนซื่อจื่อ ถิงเอ๋อร์ก็คิดไม่ออกเช่นกัน ขุนนางทั่วทั้งราชสำนักยังคิดไม่ออก นางที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งวันๆอยู่แต่ในจวนซื่อจื่อไปออกไปไหนเลยจะสามารถคิดออกได้อย่างไร”
เมื่อจ้าวซ่างซูได้ยินก็รู้สึกโล่งใจทันที“หยุนเฉิงเซี่ยงท่านก็อย่าร้อนใจไป นี่ยังมีเวลาอีกครึ่งวันไม่ใช่หรือ ลองคิดดูอีกที ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็สามารถคิดออกมาได้แล้ว”
“เฮ้อ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ภาพอักษรที่แขวนอยู่บนกำแพงของท่านดูไม่เลวเลย?” หยุนเฉิงเซี่ยงถาม
จ้าวซ่างซูรีบตอบทันที“นี่คือภาพที่ลูกชายของข้าไปขอให้หลิวจิ่วหลิงปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมในยุคปัจจุบันเขียนให้ เดือนหน้าก็จะเป็นวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของข้าแล้ว เป็นความกตัญญูของเด็กมัน”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ท่านช่างมีลูกชายที่ดีจริงๆ น่าเสียดายที่พวกลูกชายของข้าเอาแต่เล่นซนทั้งวัน ข้าบอกว่าชอบภาพอักษรพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเลย เฮ้อ อิจฉาท่านจริงๆ” ขณะที่หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวไป ยังจงใจเช็ดมุมตาไปด้วย
ความจริงแล้ว ไม่มีน้ำตาเลย
จ้าวซ่างซูเห็นเขาอนาถเช่นนี้ มองดูภาพอักษรนั่นครู่หนึ่ง ตัดสินใจเด็ดขาด“ในเมื่อหยุนเฉิงเซี่ยงชอบ เช่นนั้นภาพอักษรภาพนี้ข้าก็มอบให้ท่านก็แล้วกัน”
“เช่นนี้มิเกรงใจแย่หรือ?” หยุนเฉิงเซี่ยงบ่ายเบี่ยง
“มีอะไรน่าเกรงใจกัน ท่านกับข้าเป็นขุนนางในราชวงศ์เดียวกันมาหลายปี ตอนนั้นท่านยังช่วยเลื่อนตำแหน่งให้ข้า ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้าก็แล้วกัน” จ้าวซ่างซูนำภาพอักษรลงมาทันที
หยุนเฉิงเซี่ยงถึงได้รับเอาไว้อย่างกระดากอาย จากนั้นภายใต้คำปลอบโยนของจ้าวซ่างซู ถึงได้จากไปอย่างเศร้าเสียใจและหดหู่
เห็นว่าหยุนเฉิงเซี่ยงจากไปแล้ว พ่อบ้านก็เอ่ยปากเสียงเบาทันที“นายท่าน นั่นคือภาพอักษรที่คุณชายขอมาให้ท่านด้วยตัวเอง ทำไมท่านถึงได้ให้หยุนเฉิงเซี่ยงไปล่ะ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร ในเวลาปกติหยุนเฉิงเซี่ยงแสดงท่าทางอวดดี หาได้ยากที่จะอนาถเช่นนี้ ถือว่าเป็นการปลอบโยนเขาก็แล้วกัน หากฝ่าบาทลงโทษเขา ไม่แน่ว่าต่อไปตำแหน่งจั่วเฉิงเซี่ยงก็จะเป็นของข้า ถึงเวลานั้นอยากได้ภาพอักษรอะไรก็มีทั้งนั้น” จ้าวซ่างซูกล่าวอย่างได้ใจ
“นายท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก”
และหยุนเฉิงเซี่ยงที่จากไป เมื่อผ่านถนนสายหนึ่งด้วยท่าทีที่โศกเศร้าและโดดเดี่ยวอย่างยิ่งแล้ว ก็กลับมาโอหังอวดดีตามปกติทันที ไม่มีความโศกเศร้าใดๆเลยแม้แต่น้อย
“จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ในเวลาปกติก็คอยจ้องตำแหน่งเฉิงเซี่ยงของข้า คอยกลั่นแกล้งให้เดือดเนื้อร้อนใจอยู่ลับหลังข้า ภาพอักษรภาพหนึ่งถือว่าถูกไปสำหรับเขาแล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวอย่างหยิ่งผยอง ถึงได้จากไป
……………..
จวนผิงหยวน
หลายวันมานี้หนานเทียนหลินได้รับการทรมานอย่างหนัก ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
ทุกวันไม่ให้กินข้าว ให้ดื่มแค่น้ำหนึ่งถ้วย และยังถูกเฆี่ยนทั้งเช้าและเย็น เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วัน หนานเทียนหลินก็ไม่เหลือความหล่อเหลาเย็นชาก่อนหน้านี้อีก คนทั้งคนเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าเหลืองราวกับเทียนไข มุมปากแห้งแตกจนมีเลือดออก น่าอนาถอย่างยิ่ง
ระหว่างนี้หนานเทียนหลินก็หนีไปสองครั้ง ทำอย่างไรได้ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง แม้แต่ยามเฝ้าหน้าประตูก็ยังสู้ไม่ไหว ถูกบังคับจับกลับมาแล้วก็ถูกซ้อมอย่างหนักอีกครั้ง
หนานเทียนหลินที่อยู่บนพื้นในเวลานี้นอนหายใจรวยริน คนทั้งคนเหมือนตายทั้งเป็น
เขาจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดไม่ได้ มิเช่นนั้นยังจะแก้แค้นหยุนถิงอย่างไร หากแม้นชีวิตดับสิ้นไปแล้วยังจะดัดจริตอะไรอีก
ในที่สุดหนานเทียนหลินก็ยอมอ่อนข้อ บอกว่าต้องการพบฮูหยินผิงหยวน
องครักษ์รีบไปรายงานฮูหยินผิงหยวนทันที ฮูหยินผิงหยวนย่อมยินดีอยู่แล้ว นางไปพบหนานเทียนหลินด้วยตัวเอง
“ถือว่าเจ้าฉลาด ติดตามข้าจะไม่ให้เจ้าเสียเปรียบเด็ดขาด คนมากมายเท่าไหร่อยากได้โอกาสเช่นนี้ก็ยังไม่มี”
นัยน์ตาของหนานเทียนหลินมีความโกรธแค้นแว๊บผ่านไปเล็กน้อย รอให้วรยุทธและกำลังภายในของเขากลับคืนมาก่อน เขาจะตบนังผู้หญิงอ้วนคนนี้ให้ตายในฝ่ามือเดียวให้ได้ ตอนนี้ก็ได้แต่อาศัยใต้ชายคาคนอื่นไปก่อนแล้ว
“ข้าคิดได้แล้ว” หนานเทียนหลินกล่าวเสียงเบา
“ดี เด็กๆพาเขาไปอาบน้ำ หมอฉิงรักษาให้เขา” ฮูหยินผิงหยวนออกคำสั่ง
“ขอรับ”
ในวันนี้ จากนักโทษที่ถูกคนทรมานหนานเทียนหลินกลายเป็นแขกที่ได้รับความเคารพของฮูหยินผิงหยวน สวมชุดเสื้อผ้าสวยงาม กินอาหารรสเลิศ
หลังจากที่เขากินจนอิ่มดื่มจนเพียงพอแล้ว ฮูหยินผิงหยวนก็รอเขาอยู่ที่ห้อง
หนานเทียนหลินรู้สึกอับอายและอัปยศอดสูอย่างยิ่ง แต่เขาทำได้แค่ทำตามเท่านั้น มองดูฮูหยินผิงหยวนที่นอนอยู่บนเตียง หนานเทียนหลินยื่นมือไปปลดชุดกระโปรงของนาง
ฮูหยินผิงหยวนพึงพอใจอย่างยิ่ง มองดูหนานเทียนหลินที่เข้ามาใกล้ นางกอดคอของหนานเทียนหลินเอาไว้
หนานเทียนหลินเก็บซ่อนความรังเกียจในดวงตาเอาไว้ จงใจเข้าใกล้นาง และเป่าลมไปที่ติ่งหูของฮูหยินผิงหยวน
ทั่วทั้งร่างกายของฮูหยินผิงหยวนสั่นสะท้าน เลือดสูบฉีดพลุ่งพล่าน คาดหวังไม่สิ้นสุด
จากนั้นหนานเทียนหลินก็ฉวยโอกาสตอนที่นางไม่ทันสังเกต หยิบผ้าคาดเอวของฮูหยินผิงหยวนพันรอบคอของนางโดยตรง และออกแรงอย่างสุดแรง
“อ๊าก!” ฮูหยินผิงหยวนต้องการจะกรีดร้องแต่กลับร้องไม่ออก จ้องมองไปทางหนานเทียนหลินด้วยความโกรธแค้น ไอ้สารเลวที่สมควรตายนี่ถึงกับอยากจะฆ่านาง
ถึงแม้หนานเทียนหลินจะไม่สามารถใช้วรยุทธ ร่างกายอ่อนแอ แต่อย่างไรเสียเขาก็สูงยาวเข่าดี และตัวใหญ่มาก ถึงฮูหยินผิงหยวนจะอ้วนอย่างไรก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย่อมไม่สามารถผลักเขาออกไปได้อยู่แล้ว
“อย่างเจ้าก็คู่ควรให้ข้าปรนนิบัติ รีบส่งยาถอนพิษออกมาแล้วปล่อยข้าไปซะ มิเช่นนั้นข้าจะรัดคอเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้แลย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นพวกไม่กลัวตายไปแล้ว ตายเร็วตายช้าก็เหมือนกัน แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าเป็นถึงฮูหยินผิงหยวน ยังมีชีวิตดีๆอีกมากให้ได้เสวยสุข เจ้าคงไม่เต็มใจที่จะตายไปเช่นนี้หรอกใช่ไหม” หนานเทียนหลินหลอกล่อ
ฮูหยินผิงหยวนหายใจลำบาก ความรู้สึกหายใจไม่ออกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นางไม่อยากตายหรอกนะ รีบพยักหน้าอย่างแรงทันที“อย่าฆ่าข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“ยาถอนพิษ!”
“ข้าไม่มียาถอนพิษ หยุนถิงไม่ได้ให้ยาถอนพิษกับข้า ให้ข้าแค่ยาพิษเท่านั้น บอกข้าว่าให้เจ้ากินต่อไป ก็จะทำให้วรยุทธและกำลังภายในของเจ้าสูญสิ้นไป” ฮูหยินผิงหยวนอธิบายทันที
ใบหน้าของหนานเทียนหลินเต็มไปด้วยความโกรธแค้น“หยุนถิงที่สมควรตายคนนี้ ข้าไม่มีวันปล่อยนางไปเด็ดขาด ยาพิษล่ะ?”
“อยู่ในตู้ทางนั้น” ฮูหยินผิงหยวนชี้ไปที่ลิ้นชักทางด้านนั้น
หนานเทียนหลินต่อยนางจนหมดสติไป ถึงได้เดินไปทางลิ้นชักแล้วหยิบขวดเครื่องเครือบสีขาวอันนั้นขึ้นมา จัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าและเดินออกไป
ผู้คุมที่อยู่ด้านนอกเห็นเขาออกมา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ฮูหยินบอกให้เขาไปเอาเชือกที่ห้องเก็บฟืน นางบอกอยากจะเล่นอะไรที่น่าตื่นเต้นหน่อย” หนานเทียนหลินแสร้งกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนแอ
เมื่อผู้คุ้มกันได้ยิน ก็รีบปล่อยผ่านไปทันที ฮูหยินรสนิยมจัดจ้านจริงๆ จะใช้แม้กระทั่งเชือกแล้ว
หนานเทียนหลินมุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บฟืน เวลานี้ฟ้ามืดแล้วบริเวณใกล้เคียงห้องเก็บฟืนไม่มีคนคอยเฝ้า หนานเทียนหลินเหยียบกองฟืนที่อยู่ด้านข้างแล้วกระโดดข้ามกำแพงหนีไป
และบรรดาผู้คุ้มกันรอนานมากก็ยังไม่เห็นหนานเทียนหลินกลับไป ถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติ เมื่อไปตามหาที่ห้องเก็บฟืน ก็ไม่มีเงาร่างของหนานเทียนหลินนานแล้ว
พวกเขากลับไปรายงานต่อฮูหยินผิงหยวนทันที แต่กลับพบว่าฮูหยินอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยแถมยังหมดสติ พ่อบ้านรีบไปเชิญหมอทันที