จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 297 เหตุใดเจ้าต้องกลัวเขาด้วย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 297 เหตุใดเจ้าต้องกลัวเขาด้วย
“เจ้าถึงกับกล้าสาปแช่งลูกสาวของข้า!” มู่เทียนบาคำรามด้วยความโกรธ
“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น อาการป่วยของคุณหนูว่านคืออาการป่วยทางใจ อาการป่วยทางใจก็ต้องรักษาด้วยยารักษาทางใจ!” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น
“เจ้าต้องแอบทำอะไรลูกสาวของข้าแน่นอน มิเช่นนั้นเจ้าจะรู้ชัดเจนเช่นนี้ได้อย่างไร?” สีหน้าของมู่เทียนบามืดมนอย่างยิ่ง
“ท่านเจ้าหอปัญญาอ่อนหรือ ตอนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศมู่ว่านว่านหาเรื่องต่อหน้าสาธารณชนเอง แต่กลับถูกอินทรีทองจู่โจมจนทำให้ตัวเองหมดสติไป จากนั้นหอเทพเซียนก็ไปร้องเรียนต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทก็เลยจัดการกับอินทรีทองของข้า
ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูว่านถือดาบตัดคออินทรีทองด้วยตัวเอง จากนั้นก็พูดว่าอินทรีทองมาล้างแค้นอะไรทำนองตลอด ขอเพียงเป็นคนที่ตาไม่บอดก็สามารถมองออกกันทั้งนั้น คุณหนูว่านนี่คือจิตเป็นมาร” หยุนถิงอธิบาย
ความเป็นมาของเหตุการณ์ มู่เทียนบาย่อมได้ยินมาแล้ว เวลานี้ถูกหยุนถิงกล่าวเช่นนี้ มู่เทียนบาก็รู้สึกเสียหน้าเช่นกัน ใบหน้าเย็นยะเยือก
“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่ามีวิธีรักษาลูกสาวของข้า คือวิธีอะไร?”
“วิธีย่อมไม่สามารถบอกได้อยู่แล้ว ท่านเจ้าหออยากจะจับเสือมือเปล่า เห็นว่าข้าโง่หรือ” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น
“ฮึ ลูกสาวของข้า ข้าจะช่วยเองไม่ต้องการเจ้าหรอก! หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าแอบลงมือกับว่านว่าน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด พวกเรากลับ!” สีหน้าของมู่เทียนบาดำมืด สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
“จวินซื่อจื่อขออภัยด้วย วันนี้ก้าวล่วงแล้ว” มู่เซียวเซียวกล่าวจบ ก็เดินตามไป
ทุกคนของหอเทพเซียนจากไปแล้ว โม่ฉือชิงรีบร้อนเข้ามาใกล้: “ท่านเจ้าหอผู้นี้นิสัยดื้อรั้นมากเลย เพราะต้นหญ้าอะไรนั้น ถึงกับไม่รักษาให้ลูกสาวของตัวเอง ข้าสงสัยจริงๆว่ามู่ว่านว่านคือลูกแท้ๆของเขาหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร เขาจะกลับมาขอร้องข้าเอง” มุมปากของหยุนถิงเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย
ทางด้านนี้ มู่เทียนบาเดินออกจากจวนซื่อจื่อด้วยความเดือดพล่านจนหายใจไม่ทัน
ความจริงเขาไม่มีวิธีช่วยมู่ว่านว่านเลย มิเช่นนั้นก็คงไม่ที่จวนซื่อจื่อหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะดื้อรั้นหัวแข็งเช่นนี้ น่าชิงชังนัก
“ท่านพ่อ ถ้าอย่างไรเราติดประกาศเถอะ ลองหาหมอในยุทธภพดูดีไหม?” มู่เซียวเซียวเสนอแนะ
“ไม่ได้ เดิมหอเทพเซียนของเราก็เป็นสำนักแพทย์อยู่แล้ว หากติดประกาศมิเท่ากับตบหน้าตัวเองหรอกหรือ หากแม้แต่เราก็จนปัญญา ใครยังจะสามารถช่วยว่านว่านได้” มู่เทียนบาห้ามเอาไว้ สีหน้าเคร่งขรึม
“แต่น้องสาวมีสภาพเช่นนี้แล้ว เกรงว่าคงจะยืนหยัดได้อีกไม่กี่วันแล้ว” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ทางด้านนี้ หยุนถิงมองดูพวกเขาจากไป ก็ไปที่ลานของเริ่นเซวียนเอ๋อร์ ดูเหมือนนางจะไม่ได้พบเริ่นเซวียนเอ๋อร์มาหลายวันแล้ว นังหนูคนนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับไม่มีใครคาดคิด ก็ไม่รู้ว่านางกำลังยุ่งอยู่กับอะไรบ้าง
หยุนถิงเพิ่งมาถึงหน้าประตู ต้องการจะเคาะประตู ก็เห็นรอยเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงขมวดขึ้นมาเล็กน้อย หรือว่าเริ่นเซวียนเอ๋อร์จะได้รับบาดเจ็บ
นางเคาะไปที่ประตู แต่กลับไม่มีคนตอบรับ หยุนถิงผลักประตูเข้าไป เห็นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่อยู่บนเตียง สีหน้าซีดขาว บนหน้าอกยังมีรอยเลือด อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ รีบร้อนวิ่งเข้าไป
“เริ่นเซวียนเอ๋อร์ เริ่นเซวียนเอ๋อร์!” หยุนถิงตะโกนเรียกไปสองสามคำ เห็นนางไม่มีปฏิกิริยา รีบร้อนช่วยรักษานาง และจัดการบาดแผลทันที
ถึงแม้จะถูกพิษ ดีที่นางมียาร้อยพิษ รีบให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์กินเข้าไปหนึ่งเม็ดทันที
เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถึงได้ตื่นขึ้นมา: “หยุนถิง ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
“หากข้าไม่อยู่ที่นี่ เกรงว่าเจ้าคงตายไปนานแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของเจ้า แต่หากเจ้าตายที่จวนซื่อจื่อจะนำความยุ่งยากมาให้ข้ากับซื่อจื่อ” หยุนถิงกล่าวปลอบใจ
“ครั้งนี้ขอบใจมาก แต่ว่าหยุนถิงข้าต้องเตือนเจ้าคำหนึ่ง อย่าเป็นศัตรูกับหอเทพเซียน พวกเขาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็น ต่อไปเจ้าต้องระวังตัวหน่อยแล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เอ่ยปาก
หยุนถิงเลิกคิ้ว: “วันนี้ท่านเจ้าหอพาบรรดาผู้อาวุโสสอบถามข้าที่จวนซื่อจื่อ ถูกข้าตอกกลับไปแล้ว”
“ท่านเจ้าหอ?” สีหน้าของเริ่นเซวียนเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างมาก ดวงตาคู่สวยหลบหลีกเล็กน้อย ดูเหมือนจะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“เจ้าเป็นอะไรไป สีหน้าดูเหมือนจะไม่น่าดูเล็กน้อย?”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร ข้าจะจากไปสักช่วงหนึ่ง ถ้าหากมีคนถามหา เจ้าก็บอกไปว่าไม่รู้ว่าข้าไปไหนแล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ลุกขึ้นและกำลังจะจากไป
เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บของนางหนักเกินไป ยังยืนไม่มั่นคงก็ล้มลงไปอีก หยุนถิงรีบยื่นมือไปประคองนางเอาไว้: “เจ้ากำลังกลัวท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียน เขาเป็นอาจารย์ของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าต้องกลัวเขาด้วย?”
“เปล่านะ เจ้าอย่าคาดเดาไปเรื่อย ข้าไม่ได้กลัว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ
ท่าทางที่ตอบโดยไม่คิดเช่นนี้ของนาง ทำให้หยุนถิงยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ข้าก็จะไม่ถาม ก่อนที่เจ้าจะหายดี ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ ข้างนอกน่าจะปลอดภัยไม่เท่าจวนซื่อจื่อ อยู่อย่างสบายใจเถอะ” หยุนถิงกล่าวจบ ก็ทิ้งขวดยาเอาไว้ให้นางอีกหนึ่งขวด ถึงได้จากไป
“รอเดี๋ยวก่อน หยุนถิงเจ้าต้องระวังท่านเจ้าหอเอาไว้ ถ้าหากเป็นไปได้ อย่าให้คนของเจ้าเข้าร่วมกับหอเทพเซียน!” ด้านหลัง เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าวเตือน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงกล่าวเช่นนี้ แต่ต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
“ได้ ข้าจะจำเอาไว้”
หยุนถิงเดินออกไปหาจวินหย่วนโยวโดยตรง: “ซื่อจื่อ รบกวนท่านส่งคนไปที่หอหลักของหอเทพเซียน วันนี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์เตือนสติข้าว่าหอเทพเซียนไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น ดังนั้นข้าสงสัยว่าหอเทพเซียนน่าจะมีความลับที่มิอาจแพร่งพรายได้”
“ได้ ข้าจะให้คนไปเดี๋ยวนี้” จวินหย่วนโยวเรียกคนสนิทมาสองสามคน และให้พวกเขาไปสืบทันที
………….
ทางด้านนี้ ตระกูลซ่างกวน
ตั้งแต่เสียหน้าที่พระราชวังครั้งที่แล้ว ซ่างกวนหรูก็ไม่ได้ออกจากลานของตัวเองนานมากแล้ว
นางร้องไห้น้ำตานองหน้าทุกวัน พ่ายแพ้และเศร้าเสียใจ ไม่กินไม่ดื่ม เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น คนนั้นคนก็เหมือนกับซากศพที่เดินได้ ไหนเลยจะยังมีเกียรติและรุ่งโรจน์ในเวลาปกติ
นางได้ยินสาวใช้เล่าเรื่องที่หอเทพเซียนมาคัดเลือกศิษย์ที่แคว้นต้าเยียน ซ่างกวนหรูรู้สึกว่าโอกาสมาแล้ว รีบให้สาวใช้ไปขอร้องท่านพ่อ
ซ่างกวนเจิ้นก็มาจริงๆ: “เจ้าอยากเข้าร่วมกับหอเทพเซียน?”
ซ่างกวนหรูคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที: “ท่านพ่อ ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย ข้าอยากเข้าร่วมกับหอเทพเซียน ข้าไม่อยากหดหู่หมดอาลัยตายอยากเช่นนี้ไปตลอดชีวิต ในเมื่อหยุนถิงใช้พิษเป็น เหตุใดข้าถึงทำไม่ได้ ตระกูลซ่างกวนยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จทางด้านยาและพิษเลย หากข้าสามารถทำได้จริงๆ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลซ่างกวนในวันหน้า”
ซ่างกวนเจิ้นคิดแล้วก็รู้สึกว่ามันถูก หยุนถิงอาศัยทักษะทางการแพทย์ถึงได้ทำให้ฝ่าบาทเปลี่ยนแปลงมุมมองไม่ใช่หรือ ตอนนี้ช่างกานหรูสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือเข้าวังอีกแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะคิดหาหนทางเอง จำเอาไว้ เมื่อเข้าร่วมหอเทพเซียนแล้วอย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเหมือนในอดีตอีก” ซ่างกวนเจิ้นกล่าวกำชับ
“เจ้าค่ะ ลูกจะจำเอาไว้ ขอบคุณท่านพ่อที่ช่วยให้สมปรารถนา” นัยน์ตาของซ่างกวนหรูมีความร้ายกาจและความเฉือนคมเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
ครั้งนี้ นางจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ช้าเร็วสักวันหนึ่ง นางจะเหยียบหยุนถิงเอาไว้ใต้เท้าอย่างแรงให้ได้
หลังจากที่ซ่างกวนเจิ้นจากไปแล้ว ก็ให้พ่อบ้านส่งเทียบเชิญไปให้ท่านเจ้าหอแห่งหอเทพเซียน
ท่านเจ้าหอได้รับเทียบเชิญ ย่อมยินดีที่จะพบอยู่แล้ว เขากับซ่างกวนเจิ้นเป็นคนรู้จักเก่า ถือว่ามีมิตรภาพต่อกันอยู่เล็กน้อย เส้นสายของตระกูลซ่างกวนในต้าเยียน บางทีอาจจะสามารถช่วยเขาหาวิธีรักษามู่ว่านว่านได้
คืนนั้น ซ่างกวนหรูกับมู่เทียนบาก็นัดพบกันที่หอชุ่ยหยุน