จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 227 สัญญาณลับของข้ากับซื่อจื่อ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 227 สัญญาณลับของข้ากับซื่อจื่อ
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ หลิงเอ๋อร์กลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร นายท่าน มันมีการเข้าใจผิดอะไรหรือไม่?” นางจ้าวไม่กล้าจะเชื่อเลยว่า หลงเอ๋อร์จะทำร้ายหลีเอ๋อร์ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
“มีคนมากมายเห็นเรื่องนี้ หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามหลีอ๋องที่จวนหลีอ๋องดูได้ งูพิษตัวนั้นเขาเป็นคนฆ่าเองกับมือ” หยุนเฉิงเซี่ยงพูดอย่างเดือดดาล
นางจ้าวเห็นนายท่านยังพูดเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องจริงแน่ ในใจยิ่งไม่อยากจะเชื่อหนักขึ้น นางลุกขึ้นเดินออกไป มุ่งตรงไปเรือนของหยุนหลีเพื่อถามเรื่องที่เกิดขึ้น
พอได้ฟังหยุนหลีพูดเองกับปาก คราวนี้นางจ้าวเชื่อแล้ว นางเดินกลับไปเรือนของหยุนหลิงราวกับวิญญาณออกจากร่าง มองดูนางนอนหลับกระสับกระส่าย พึมพำคำพูดในฝันไม่หยุด
เพราะอะไรกัน เพราะอะไรหลิงเอ๋อร์ที่นางเลี้ยงดูฟูมฟักตั้งแต่เล็กจะกลายเป็นเช่นนี้
นางจ้าวปวดร้าวทั้งหัวและใจ ในเวลาเดียวกันก็เคียดแค้นหยุนถิงมากขึ้น เป็นหยุนถิงที่ทำร้ายจนหลิงเอ๋อร์ของนางกลายเป็นเช่นนี้ ในเมื่อนายท่านลำเอียงเช่นนี้ เช่นนั้นอย่าโทษนางใจคออำมหิตแล้วกัน แววตานางจ้าวฉายแววเคียดแค้นและเด็ดขาดออกมา
….
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกินข้าวเสร็จแล้ว เวลายังเช้าอยู่ หยุนถิงไม่อยากเข้านอนเร็วนัก เลยเสนอให้ออกไปเดินเล่น
พวกเขาไม่ได้นั่งรถม้า แต่เดินออกไป
ทิวทัศน์กลางคืนของเมืองหลวงไม่เลวเลย ถึงจะฟ้ามืดแล้ว แต่บนถนนสองข้างทางล้วนแขวนโคมไฟไว้ ส่องแสงจนสว่างไปทั้งถนน
มีร้านแผงลอยเรียงรายกันอยู่สองข้างทาง ล้วนเป็นของเล่นทำมือทั้งนั้น ไม่เหมือนกับความครึกครื้นผู้คนสัญจรไปมาไม่หยุดในตอนกลางวัน กลางคืนดูจะมีกลิ่นอายของชีวิตมากขึ้น
หยุนถิงมองดูของเล่นพวกนั้นแล้วชอบใจยิ่งนัก เดินเข้าไปดูนั่น จับนี่ ขอแค่เป็นส่งที่นางมองดูหลายครั้ง จวินหย่วนโยวก็จ่ายเงินซื้อมาทั้งหมด
“ทางนั้นมีลอยโคมลอย พวกเราไปดูกัน” หยุนถิงเสนอ
“ได้” จวินหย่วนโยวเดินตามนางไป
ลุงทางนั้นกำลังขายโคมลอย หนุ่มสาวมากมายกำลังซื้อกัน บางคนกำลังลอย ข้างๆยังวางโต๊ะตัวหนึ่งไว้ และกระดาษหลายใบ กาว ใบไผ่ และสามารถทำในที่นี้ได้เลย
“ซื่อจื่อ อีกอย่างนี่ยังไม่ดึกมาก ท่านทำให้ข้าสักอันเถอะ” หยุนถิงเสนอ
“ได้” จวินหย่วนโยวตรงเข้ามานั่งลงทันที
คนที่มาลอยโคมลอยและขายโคมไฟ พากันมองมาอย่างอิจฉายิ่งนัก
ใครเลยจะคิดว่า จวินซื่อจื่อที่สูงส่งผู้นั้นจะมาสถานที่เช่นนี้ และยังทำโคมลอยให้คุณหนูหยุนด้วยตัวเอง ช่างโปรดปรานนางผู้เดียวจริงๆ
เพราะกลัวหยุนถิงจะเบื่อ จวินหย่วนโยวเลยไปซื้อเกาลัดคั่วน้ำตาลห่อใหญ่และเมล็ดแตงโมถุงใหญ่จากร้านค้าข้างๆ จากนั้นกลับมานั่ง
จวินหย่วนโยวไม่ได้รีบทำโคมลอยทันที แต่นั่งแกะเปลือกเกาลัดคั่วน้ำตาล วางไว้ในถุงสะอาดใบหนึ่ง จนแกะไปได้ราวๆครึ่งถุง ถึงยื่นให้หยุนถิง
“ขอบคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงรับมากินอย่างดีใจ
“ไม่ต้องเกรงใจข้า” จวินหย่วนโยวหยิบไม้ไผ่มาเริ่มทำ
ทำเอาทุกคนอิจฉากันยิ่งนัก โดยเฉพาะเหล่าสตรีเบิกตากว้างไปตามๆกัน “สวรรค์ ซื่อจื่อแกะเกาลัดให้คุณหนูหยุนด้วยตัวเอง ช่างเอาใจใส่ยิ่ง”
“นั่นสิ หากสามีข้าสามารถอ่อนโยนเอาใจใส่ได้เท่าซื่อจื่อ ข้าจุดธูปขอบคุณแล้ว”
“เอาล่ะ การได้เห็นซื่อจื่อรักใคร่ปรองดองกันกับคุณหนูหยุนเช่นนี้ ก็เป็นเกียรติของเราเช่นกัน บุรุษที่อ่อนโยนรักใคร่ภรรยาอย่างซื่อจื่อน่ะหายากนัก”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหนูหยุนดีพอ ถึงทำให้ซื่อจื่อรักใคร่โปรดปรานเช่นนี้”
พอได้ยินคำวิจารณ์ของทุกคน หยุนถิงยิ้มบางอย่างพอใจมาก
โม่ฉือหานที่เดินเข้ามาจากไม่ไกลนักเห็นภาพนี้พอดี สีหน้าเย็นชาเย็นเยียบถึงขีดสุด หลังจากกลับมา เขาเอาแต่ไม่สบอารมณ์ว่าคำพูดนั้นของโม่เหลิ่งเหยียนหมายความว่าอะไรกันแน่ ต้องทำอย่างไรกันแน่ถึงให้หยุนถิงขายยาให้เขาได้
โม่ฉือหานที่งุ่นง่านหลับไม่ลง เดินมาอย่างไร้จุดหมาย ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงพอดี
มองดูทั้งสองคนนั่งอยู่บนโต๊ะเรียบง่ายท่ามกลางผู้คนนั่น จวินหย่วนโยวที่มีนิสัยมาตลอดกลับลดตัวลงมาทำโคมลอยให้หยุนถิงด้วยตัวเอง ส่วนหยุนถิงก็นั่งข้างกายเขา กินไปดูไป พวกเขาพูดจาหยอกล้อกัน
ภาพนี้เสียดแทงหัวใจของโม่ฉือหานอย่างหนัก
ความสุขเรียบง่ายสงบเยี่ยงนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้พบเจอมาตลอด
ในอดีต โม่ฉือหานคิดว่าความรักที่แท้จริงต้องดุเดือดเลือดพล่าน รักแทบเป็นแทบตาย สัญญารักสาบานสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แต่เขาถือกำเนิดในราชวงศ์ ในฐานะหลีอ๋องนั้นมิอาจมีความรักได้ตลอดกาล
ดังนั้นในสายตาเขาแล้ว สตรีก็เป็นแค่สตรีในเรือนหลังไว้เชิดหน้าชูตาเท่านั้น และก็เป็นของเล่นให้บุรุษได้ระบาย
แต่ในตอนนี้ พอเห็นสายตาอ่อนโยนเอาใจใส่ขนาดนั้นของจวินหย่วนโยว ทั้งๆที่จวินหย่วนโยวแค่พูดคำเดียว ตาแก่ที่ขายโคมลอยก็พร้อมจะประเคนถวายเขาทั้งหมดแล้ว แต่เขากลับไม่ได้ใช้ฐานะซื่อจื่อกดดัน ยิ่งไม่ได้ใช้เงินซื้อ แต่กลับลงมือทำด้วยตัวเอง ความจริงใจและรักใคร่เช่นนี้ ตัวโม่ฉือหานเองยังรู้เลยว่าสู้ไม่ได้
หยุนถิงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากในถุง ป้อนเข้าปากจวินหย่วนโยวให้เขากิน ทั้งสองสบตาพลางยิ้มให้กัน ช่างดูอบอุ่นนัก
โม่ฉือหานแค่รู้สึกราวกับว่ามีมีดแหลมแทงเข้าที่หน้าอกอย่างจัง เจ็บปวดแทบตาย ทั้งๆที่เมื่อก่อนนางรักใคร่ตนขนาดนั้น สนใจตนขนาดนั้น หากมิใช่เพราะตนทำเกินไป บางทีผู้ที่อยู่ข้างกายนางตอนนี้คงเป็นตนแล้ว
สายตาโม่ฉือหานมีแววหม่นหมองลง เขาไม่ได้เดินเข้าไป แต่หมุนตัวกลับเดินจากไปแทน
หยุนถิงเหมือนรับรู้ได้ถึงสายตา เธอหันไปมองตาม และเห็นแผ่นหลังของโม่ฉือหาน
แผ่นหลังนั้นเธอมองแวบเดียวก็จำได้ มันมาจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เพียงแต่แผ่นหลังของโม่ฉือหานในคืนนี้ไม่ได้เย่อหยิ่งบ้าอำนาจกร่างเหมือนปกติ แต่กลับมีแววเหงาหงอย โดดเดี่ยวและบาดเจ็บอยู่หลายส่วน——
โม่ฉือหานนี่คงไม่ใช่โดนผีสิงหรอกนะ ปกติเขามักจะมองตนอย่างเย่อหยิ่งจองหองไม่ใช่หรือไง วันนี้กลับไปเงียบๆ ไม่เหมือนตัวเขาเลยนะ
“มองอะไรรึ?” จวินหย่วนโยวถาม
“ไม่มีอะไร ซื่อจื่อ ข้าเขียนอักษรให้ท่านละกัน” หยุนถิงหยิบพู่กันด้านข้างมาเขียนลงไปที่กระดาษส่วนล่าง
“ตกลง”
ทั้งสองแบ่งงานกันร่วมกันทำโคมลอย เพียงแต่พอจวินหย่วนโยวจะจุดไฟ กลับถูกหยุนถิงห้ามไว้
“ซื่อจื่อ ให้ข้าเถอะ นี่เป็นอันที่ท่านทำเองกับมือ ข้าจะเก็บไว้ ต่อไปหากข้าเจออันตรายหรือเจอเหตุการณ์ที่ไม่อาจพูดชัดเจนได้ ข้าจะลอยโคมลอยนี้ พอท่านเห็นก็จะได้เข้าใจว่า ข้ายังคงรักท่านอยู่ ใจยังมีท่านอยู่ เพียงแต่มีความจำเป็น” หยุนถิงเสนอ
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลงทันที “อย่าพูดเหลวไหล มีข้าอยู่ เจ้าไม่มีทางเป็นอะไรแน่”
“ข้ารู้ ข้าพูดไว้ก่อน คิดซะว่าเป็นสัญญาณลับของเราละกัน” หยุนถิงยิ้มแหะๆ
“เช่นนั้นข้าจะทำสัญญาณลับให้เจ้าอีกหลายอันเลย” จวินหย่วนโยวดึงนางเข้าอ้อมกอด ก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากนาง
“ได้เลย” หยุนถิงบอก
ทั้งสองคนเดินเล่นกลางถนน ทำโคมลอยผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างอิจฉากันยิ่งนัก เพียงแค่คืนเดียว คนทั่วทั้งเมืองหลวงก็รู้ว่า จวินซื่อจื่อเป็นเพื่อนคุณหนูหยุนมาทำโคมลอย ทำคนรอบข้างอิจฉาไปตามๆกัน