คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 659 เหตุผล / ตอนที่ 660 จะว่าแปลกก็แปลก
ตอนที่ 659 เหตุผล
“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ!” พระองค์จูงมือโอรสเข้าไปในห้องทรงอักษร ก่อนจะพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าครั้งแล้วครั้งเล่า “สูงขึ้นมากเลยนะ ข้าจำได้ว่าตอนที่เจ้าจากเมืองหลวงไปเมื่อสิบสามปีก่อน เจ้ายังสูงเพียงเท่านี้เอง” พระองค์วางมือไว้แถวปลายจมูก จากนั้นก็ยกมือขึ้นสูงเหนือศีรษะขึ้นไป “ตอนนี้เจ้าสูงถึงเพียงนี้แล้ว”
สิบปีแล้ว พระองค์ไม่ได้พบโอรสองค์นี้มาสิบปีแล้ว เขาทั้งสูงขึ้น ผอม และผิวเข้มดีทีเดียว
“เสด็จพ่อชราลงมากนัก” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา สายตาหยุดอยู่ที่ผมสีขาวตรงจอนสองข้าง
ฮ่องเต้ยิ้มพลางโบกมือ “จะไม่ชราได้อย่างไร ข้าเอาแต่กลุ้มใจเรื่องราชกิจมากมายอยู่ทั้งวัน ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
ขันทีเฒ่าที่กำลังเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ รีบเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ผมขาวบนศีรษะและริ้วรอยบนใบหน้าของฝ่าบาทมีมาสามปีแล้วขอรับ บัดนี้ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ฝ่าบาทต้องสดใสขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นแน่”
ไข้ใจเกิดจากการคิดถึงคนรัก คิดถึงครอบครัว โรคนี้นอกจากคนที่คิดถึงกลับมาอยู่ข้างกายแล้ว ก็ไม่มียาใดรักษาหายได้
หลังจากรู้เรื่องคุณงามความดีของพวกฟู่เจิงแล้ว พระองค์ก็มอบบำเหน็จรางวัลให้พวกเขาเป็นจวนหนึ่งหลัง ทองหนึ่งพันตำลึง และเลื่อนตำแหน่งขุนนางให้ด้วย
“เสด็จพ่อ พรุ่งนี้ลูกจะออกจากเมืองหลวง” หูเฟิงเอ่ยกับฮ่องเต้
ฮ่องเต้พลันชะงักค้าง รีบถามทันที “ใกล้จะปีใหม่แล้ว เจ้ายังจะไปที่ใดอีก”
“เสด็จพ่อ สามปีมานี้กระหม่อมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ มีพ่อผู้มีเมตตาคนหนึ่งรับเลี้ยงข้าไว้ รักษาบาดแผลให้กระหม่อมจนหายดดี ปฏิบัติกับกระหม่อมราวกับกระหม่อมเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขา ตอนนี้เขากำลังประสบเภทภัย ไม่รู้อยู่ที่ใดในตอนนี้ กระหม่อมต้องรีบตามหาตัวเขาให้พบโดยเร็วที่สุด รับเขามาใช้ชีวิตสุขสบายที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็พลันรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงความปลอดภัยของคนผู้นั้นด้วย “หากเป็นเช่นนั้นก็ย่อมต้องไปตามหาเขา และต้องตามหาให้พบด้วย”
จากนั้นพระองค์ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ รีบตรัสว่า “เยี่ยนเอ๋อร์ อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง เขาเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ในเมื่อเจ้าจะไปพรุ่งนี้แล้ว มิสู้วันนี้ไปพบอาจารย์ของเจ้าสักครั้ง พวกเจ้าศิษย์อาจารย์ไม่ได้พบหน้ากันมาสิบปีแล้วเช่นกัน”
หูเฟิงเคารพนับถือตงฟางมู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากเข้าใจความลำบากยามที่เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักเมื่ออยู่ในสนามรบ เขายิ่งยกย่องตงฟางมู่ยิ่งกว่าเก่า ครั้นรู้ว่าเขาอยู่เมืองหลวงเช่นกัน เขาก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก “พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์”
ฮ่องเต้ตรัสอีกว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ในอดีตพ่อไม่เคยบอกเจ้า เมื่อก่อนมีเหตุผลมากมายนัก จึงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเจ้าเลย วันนี้ถึงเวลาจะต้องบอกเจ้าแล้วล่ะ”
“เสด็จพ่อสีหน้าคร่ำเคร่งเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” หูเฟิงถาม
ฮ่องเต้ถอนใจเสียงหนึ่ง “ตอนที่เจ้ายังเด็ก พ่อกับตงฟางมู่ลอบจัดการหมั้นหมายให้เจ้า กับบุตรีของตงฟางหว่านเอ๋อร์ ตอนนั้นพวกข้าตกลงกันไว้ว่า หากเด็กเกิดออกมาเป็นชายก็ช่างเถอะ ทว่าหากเป็นหญิงก็ให้นางแต่งเป็นชายาของเจ้าเสีย”
หูเฟิงคิดอยู่นานมาก แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าสกุลตงฟางมีบุตรีคนหนึ่งด้วย เขารู้เพียงว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์แต่งให้กับคนสักคนหนึ่ง ทว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านางคลอดลูกแล้ว
“ตงฟางหว่านเอ๋อร์คลอดบุตรี แต่ใครจะรู้เล่าว่าเด็กออกมาได้ยังไม่ครบเดือนก็ตาย ต่อมาตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็ป่วยไข้อยู่ตลอด ไม่ได้ตั้งท้องอีก จึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้า” ฮ่องเต้ตรัส
หูเฟิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเด็กหญิงคนนั้นตายไปแล้ว เรื่องหมั้นหมายย่อมเป็นโมฆะ เสด็จพ่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาหมายความว่าอย่างไร
“เสด็จพ่อ กระหม่อมคงไม่มีวาสนากับเด็กหญิงนางนั้น ไม่ทราบว่าที่เสด็จพ่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะเหตุอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” หูเฟิงถาม
แต่ไหนแต่ไรฮ่องเต้ไม่ชอบพูดจามากความ พระองค์ตรัสเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน
……….
ตอนที่ 660 จะว่าแปลกก็แปลก
ฮ่องเต้ถอนใจเสียงหนึ่ง ตรัสว่า “เรื่องมันยาวนัก เอาเป็นว่าตอนนี้เผยชิงหานนำตัวบุตรีกลับมาแล้ว เขาบอกว่าเป็นเด็กหญิงในปีนั้น ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก เขามาขอเข้าเฝ้าสองครั้งแล้ว แต่ข้ายังไม่อยากพบเขา เดิมทีคิดว่าปรึกษาอาจารย์ของเจ้าก่อนค่อยว่ากล่าว บัดนี้เจ้าก็กลับมาแล้วเช่นกัน อีกเดี๋ยวก็พูดเรื่องนี้กับอาจารย์ของเจ้าเสีย ฟังความเห็นของเขา จากนั้นค่อยตัดสินใจ”
หูเฟิงไม่เคยรู้ว่าตนเองมีคู่หมั้นคนหนึ่งที่เพิ่งเกิดมาก็ตายไปเสียแล้ว ตอนนี้กลับมีเด็กสาวคนหนึ่งรอดชีวิตมาได้อย่างน่าประหลาดหรือ
ครั้นเห็นหูเฟิงมุ่นคิ้วไม่พูดจา ฮ่องเต้ก็เร่งถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป ไม่พอใจเรื่องการหมั้นหมายหรือ”
“เสด็จพ่อ กระหม่อมมีคนที่ชอบพออยู่ในใจแล้ว ไม่อาจแต่งผู้อื่นเป็นชายาได้อีก เรื่องนี้ได้โปรดเสด็จพ่อถอนพระราชโองการเถิดพ่ะย่ะค่ะ” หูเฟิงกล่าว
ฮ่องเต้หลุดหัวเราะโดยพลัน “เจ้ามีคนที่ชอบพออยู่แล้ว? ไหนบอกพ่อมาเร็ว นางเป็นบุตรีบ้านใด”
หูเฟิงยิ้มจาง “กระหม่อมรู้จักนางตอนที่อยู่ในหมู่บ้านพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้นางหายตัวไปพร้อมกับพ่อบุญธรรม กระหม่อมจึงคิดจะไปตามหานางด้วยเช่นกัน”
เด็กสาวจากในป่าเขา? ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ยากนักที่เยี่ยนเอ๋อร์จะมีสตรีที่ตนเองชอบพอ พระองค์ยิ่งไม่มีทางราดน้ำเย็นใส่แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตเยี่ยนเอ๋อร์จะต้องเป็นฮ่องเต้ ย่อมไม่มีทางมีสตรีเคียงข้างเพียงแค่คนเดียว เรื่องนี้จึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไร
ฮ่องเต้พยักหน้า “ตกลง เจ้าชอบก็พอแล้ว บอกเรื่องนี้กับอาจารย์ของเจ้าด้วย ให้เขาเตรียมใจสักหน่อย ข้าเชื่อว่าอาจารย์ของเจ้าจะต้องเข้าใจเจ้าแน่”
“กระหม่อมเข้าใจแล้ว ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!” เขาประสานมือพร้อมโค้งกาย แล้วถอยออกจากห้องทรงอักษรไปอย่างช้าๆ
หลังจากหูเฟิงออกจากวังไป เขาก็ตรงไปยังคฤหาสน์ตงฟาง เมื่อยามเฝ้าประตูได้ยินว่าเป็นจิ้นอ๋อง ก็รีบเข้าไปรายงานทันที ไม่นานนักก็ออกมาต้อนรับเขาอีกครั้ง
เดิมทีตงฟางมู่กำลังจะเข้าวัง ฉู่เยี่ยนมาได้พอดิบพอดีเช่นนี้ เขาจึงประหยัดเวลาได้ทีเดียว
ยามเฝ้าประตูนำทางหูเฟิงและอีกสามคนเข้าไปในโถงใหญ่ ตงฟางมู่กำลังเดินไปมาอยู่ในนั้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นหูเฟิงเข้ามา เขาก็พลันก้าวขึ้นมาต้อนรับ
หูเฟิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “อาจารย์ ศิษย์กลับมาแล้ว!”
“ดี ดียิ่งนัก! กลับมาได้เสียทีนะ!” ตงฟางมู่ประคองเขาลุกเขา บุรุษที่หล่อเหล่าและผึ่งผายเบื้องหน้าผู้นี้ แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเด็กหนุ่มในความทรงจำของเขา
“เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นมากเลย เป็นหนุ่มแล้วนี่!”
ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์และอาจารย์ที่ยาวนานถึงสิบปี และจากเป็นจากตายกันอีกสิบปี เมื่อได้พบกันในที่สุดเช่นนี้ ความยินดีก็ทำให้ทั้งคนสองคนต่างร้องไห้ออกมา
หูเฟิงตาแดงก่ำ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ บนโลกใบนี้นั้น นอกจากหูจ่างหลินและไป๋จื่อ นอกจากเสด็จพ่อที่รอคอยให้เขากลับมา คนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด เห็นเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัว เกรงว่าจะมีแต่ชายชราตรงหน้าผู้นี้นี่แหละ
“อาจารย์ ท่านชราลงไปมาก ศิษย์ทำให้ท่านต้องเป็นกังวลแล้ว”
ตงฟางมู่โบกมือ “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เจ้ากลับมาได้อีกครั้งเช่นนี้ อาจารย์ดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เหมือนได้มีชีวิตยืนยาวอีกร้อยปีเชียวละ”
เขาให้ชายหนุ่มนั่งลง ทว่าก็ไม่อยากปล่อยมือ จึงนั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายด้วย “ระหว่างทางราบรื่นดีหรือไม่”
หูเฟิงพยักหน้า “นับว่าราบรื่นดีขอรับ เพียงแต่ต้องอ้อมเนินม้าวิ่งเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
ตงฟางมู่ฉลาดเฉลียว หูเฟิงเป็นศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ เขาไม่เพียงสอนวรยุทธ์ให้ชายหนุ่มเท่านั้น ยังสอนการรบให้เขาอีกด้วย เมื่อหูเฟิงพูดออกมาเช่นนี้ เขาจึงเข้าใจความนัยได้ในทันที
“ขอเพียงปลอดภัยก็เพียงพอแล้วละ คนที่เกิดมาเป็นราชนิกูล ย่อมยากจะหลีกเลี่ยงเรื่องพรรค์นี้ได้ ต่อไปเจ้าระแวดระวังให้มากขึ้นก็พอแล้ว”
“ศิษย์เข้าใจขอรับ” เขาพยักหน้าพลางอมยิ้ม จากนั้นก็ถามว่า “อาจารย์ เสด็จพ่อใหศิษย์ปรึกษากับท่านเรื่องบุตรีสกุลเผย ไม่ทราบว่าอาจารย์คิดเห็นต่อเรื่องนี้เช่นไรขอรับ”
ตงฟางมู่ตีต้นขาของชายหนุ่มเสียงดัง “ไอ้หยา ข้าเองก็จะพูดเรื่องนี้กับเจ้าเช่นกัน เมื่อครู่เกือบจะลืมเรื่องสำคัญนี้ไปเสียสนิทเชียว ข้าขอบอกเจ้าเลยนะ เรื่องนี้จะว่าบังเอิญก็บังเอิญ จะว่าแปลกก็แปลกนัก”