คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 507 หมอกงมีพิรุธ / ตอนที่ 508 วุ่นวายกันยกใหญ่
ตอนที่ 507 หมอกงมีพิรุธ
จอมพลวางเหล่มองเขา ยื่นมือของตัวเองไป “ตรวจดูให้ข้าที แล้วบอกข้าว่าโรคนี้รักษาได้หรือไม่”
หมอจับข้อมือของเขา ทำท่าทางเหมือนจับชีพจร จากนั้นก็กล่าวในทันทีว่า “อาการไม่ค่อยดีนัก ท่านจอมพล ข้าเคยบอกกับท่านไว้ก่อนแล้ว ว่าท่านต้องรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมจากการเดินทางนาน ตั้งแต่เมืองหลวงตลอดทางมาถึงตะวันตกเฉียงเหนือ ท่านอาการกำเริบไปกี่ครั้งแล้ว ข้าแนะนำให้ท่านกลับไปทุกครั้ง แต่ท่านก็ไม่ฟัง ดูจากอาการตอนนี้…”
เขาไม่พูดต่อ แต่เงยหน้าขึ้นมองจอมพลหวัง
สีหน้าของจอมพลหวังยังคงเดิม เขากล่าวเสียงเรียบ “พูดต่อไปสิ”
หมอพยักหน้า ก่อนจะพูดอีกว่า “ดูจากอาการตอนนี้แล้ว มีแต่จะยิ่งกำเริบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ยาก็คุมไม่อยู่แล้วขอรับ”
“หากใช้ยาแล้วคุมไม่อยู่ แล้วหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร” จอมพลหวังถาม
“ข้าน้อยไม่กล้าพูด” หมอคอตก
จอมพลหวังสายตาเย็นชาขึ้นอย่างช้าๆ จ้องเขม็งไปที่ศีรษะสีดำขลับ อยากจะทุบมันให้แตกภายในหนึ่งกำปั้น
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ” เขาถาม
หมอกล่าวว่า “ท่านจอมพล หากท่านนอนลงพักผ่อนได้ สองหูไม่ได้ยินเสียงข้างนอกหน้าต่าง สงบจิตใจ ก็อาจจะยืดเวลาที่อาการจะกำเริบได้ขอรับ”
หมายความว่าเขาอย่าได้ยุ่งเรื่องของจิ้นอ๋อง และไม่ต้องทำอะไรในค่ายทหารแห่งนี้ ขอเพียงเขาไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น ชีวิตนี้ของเขาจะห่างไกลจากอาการหอบหายใจได้อีกสองสามวันหรือ
จอมพลหวังนึกถึงสิ่งที่ไป๋จื่อกำชับก่อนหน้านี้ จึงพูดไปว่า “ไปต้มยาเถอะ ข้าจะนอนพักสักหน่อย” ไป๋จื่อบอกว่าหากหมอผู้นี้มีพิรุธ เช่นนั้นยาของเขาจะต้องมีพิรุธด้วยอย่างแน่นอน
จะมีพิรุธหรือไม่ แค่ดูก็รู้แล้ว
หมอรับคำ แล้วหมุนกายออกจากกระโจมไป
ไป๋จื่อที่ซ่อนอยู่หลังชั้นไม้เดินออกมา นางกล่าวกับจอมพลหวังว่า “หมอผู้นี้ดูแปลกๆ นะขอรับ”
จอมพลหวังเลิกคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ตอนที่ท่านแกล้งว่าอาการกำเริบเมื่อครู่ ท่านต้องไม่เห็นสีหน้าของเขาเป็นแน่ ท่านอาการกำเริบ เขาเป็นหมอรักษาท่าน แต่กลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด เขามองท่านราวกับดูละครอย่างไรอย่างนั้น พอท่านอาการดีขึ้นแล้ว เขาถึงจะเริ่มถามเสียสองสามคำ หมอพรรค์นี้ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยขอรับ”
ก่อนหน้านี้จอมพลหวังไม่เคยรู้สึกว่าหมอผิดปกติตรงไหน และไม่รู้ว่าเขาเชื่องช้ายามทำการรักษาให้ตนเช่นนี้ เมื่อครั้งที่อาการกำเริบ เขาไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร จึงไม่ทันสังเกตว่าคนข้างกายมีสีหน้าอย่างไร วันนี้ถึงได้เห็นชัดแจ้ง
“อีกเดี๋ยวเขาจะนำยามาให้ ข้าจะอยู่ที่นี่ ท่านคอยมองแววตาและการกระทำของเขา รั้งตัวเขาไว้ ทำให้เขาพูดถึงตัวการที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อดูว่าเรื่องที่เขาทำร้ายท่านเกี่ยวข้องกับคนที่ทำร้ายจิ้นอ๋องหรือไม่” ไป๋จื่อกล่าว
จอมพลหวังพยักหน้า “ข้าออกรบในสมรภูมิมานานปี ไม่ได้กลับเมืองหลวงเป็นเวลานาน ไม่ค่อยได้ผูกมิตรกับพวกขุนนางใหญ่ในราชสำนักสักเท่าไร ทั้งยังไม่เคยสนทนากับองค์ชายคนใด หากบอกว่ามีคนเกลียดแค้นข้า อยากจะฆ่าข้าให้จงได้ นอกจากแม่ทัพแคว้นศัตรูที่พ่ายแพ้ข้าไปเหล่านั้น ข้าก็นึกไม่ออกแล้วว่ายังมีใครอีก”
“จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านไม่เคยสนทนากับองค์ชายคนใด แต่หลังจากนั้นท่านกลายเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาของจิ้นอ๋อง แม้กระทั่งมีความสัมพันธ์กันเฉกเช่นศิษย์อาจารย์ สถานการณ์จึงย่อมมีความแตกต่างไปจากเดิม” ไป๋จื่อกล่าว
“ทว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่วางยาพิษข้าให้ตายไปเลย ไยต้องใช้ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า ทำให้ข้าทรมานทุกวัน ไว้ชีวิตคนแก่อย่างข้าไว้เช่นนี้ แท้จริงแล้วต้องการทำอะไรกันแน่” จอมพลหวังไม่เข้าใจ
ไป๋จื่อส่ายหน้า “เรื่องนี้ต้องถามคนที่วางยาพิษท่านแล้วขอรับ”
หนึ่งชั่วยามให้หลัง หมอนำยาเข้ามาให้ จอมพลหวังกำลังแกล้งหลับอยู่บนเตียงไม้ เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว เขาถึงจะลุกขึ้นมองอีกฝ่าย
หมอวางยาไว้บนโต๊ะ แล้วก้าวขึ้นมาประคองจอมพลหวังลงจากเตียง “ท่านควรจะพักผ่อนให้ดี อีกเดี๋ยวกินยาแล้วก็นอนพักนะขอรับ”
……….
ตอนที่ 508 วุ่นวายกันยกใหญ่
ยาในถ้วยโชยกลิ่นขมปร่าออกมา สีดำสนิทไปทั้งถ้วย
เดิมคิดว่าเป็นยาดีช่วยชีวิต ใครจะไปรู้ว่าเป็นยาพิษถึงชีวิตคน
เขามองยาพลางเหม่อลอย จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ไป๋จื่อ เจ้ามานี่”
ไป๋จื่อที่ยืนอยู่ข้างหลังองครักษ์คนสนิทเดินออกมา นางตัวเล็กจ้อย เมื่อครู่มีองครักษ์สองคนยืนบังไว้ ครั้นหมอเข้ามาจึงไม่ทันสังเกตว่าในกระโจมมีคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
นางเดินเข้าไปหาจอมพลหวัง โดยมีองครักษ์สองคนนั้นตามหลังนางมาด้วย
หมอมีสีหน้าฉงน “ท่านนี้คือ?”
“เขาเป็นศิษย์ของหมอเฉิน ไป๋จื่อ” จอมพลหวังกล่าว
สีหน้าของหมอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ศิษย์ของหมอเฉิน? หมายความว่าเขาก็เป็นหมอไม่ใช่หรือไร
“เขามาทำอะไรหรือขอรับ” น้ำเสียงของหมอแข็งขึ้นสามส่วนในทันที ราวกับว่าเขาต่างหากถึงจะเป็นเจ้าของกระโจมหลังนี้
จอมพลหวังหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ จะปล่อยหางออกมาเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือนี่
“เมื่อครู่รองแม่ทัพจางเห็นข้าไม่สบาย ทั้งตามหาเจ้าไม่พบ จึงไปเชิญหมอเฉินมา ทว่าหมอเฉินก็ไม่อยู่พอดี ได้ยินว่าศิษย์เล็กของเขามีฝีมือไม่เลว จึงพาตัวเขามาที่นี่”
บัดนี้หมอมีสีหน้าไม่น่ามองแล้ว “ตรวจดูแล้วหรือขอรับ”
จอมพลหวังส่ายหน้า “ยังหรอก เขาก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน”
หมอผ่อนลมหายใจ เผยรอยยิ้มจางบนใบหน้า “ในเมื่อข้ามาแล้ว ก็คงไม่ต้องลำบากเจ้าแล้วละ เชิญกลับไปเถอะ!” เขากล่าวกับไป๋จื่อ
ไป๋จื่อส่ายหน้า “เช่นนั้นไม่ได้หรอกขอรับ อาจารย์ของกับข้าท่านจอมพลเป็นสหายเก่าแก่ หากข้ามาแล้วไม่ตรวจดูให้ท่านนายพล กลับไปแล้วต้องโดนเอ็ดแน่”
จอมพลหวังเล่นตามบทที่นางส่งมาให้ทันที “มาสิ มาตรวจดูให้ข้า!” เขาพูดพลางยื่นมือออกไป
นางโน้มตัวลง ทำท่าทางจะไปจับข้อมือของจอมพลหวัง หมอเห็นดังนั้นแล้วก็ร้อนใจหนัก ยื่นมือไปจับแขนของไป๋จื่อไว้ในทันที กล่าวเสียงแข็งว่า “บอกว่าไม่ต้อง ฟังไม่รู้เรื่องหรือไร”
ไป๋จื่อเหล่มองเขาคล้ายยิ้ม คล้ายไม่ยิ้ม “เจ้ากำลังกลัวอะไร”
หมอกงชะงักงัน คราวนี้ถึงได้รู้ตัวว่าเสียกิริยา เขารีบปล่อยมือ แววตามีความตื่นตระหนกผุดขึ้นมาด้วย “กลัว? ข้ากลัวอะไร ท่านจอมพลสูงส่งเพียงใด ส่วนเจ้าเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ กลับกล้าเรียกตนเองว่าเป็นหมอ เห็นการตรวจโรคให้ท่านจอมพลเป็นเรื่องล้อเล่นรึ”
นางยืดตัวตรง เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสุกใสจ้องเขม็งไปยังหมอ กล่าวย้ำชัดทีละคำ “ข้าว่าเจ้ากำลังกลัวนะ กลัวว่าข้าจะตรวจเจออาการอย่างอื่นใช่หรือไม่ หรือความจริงแล้วท่านจอมพลไม่ได้เป็นอะไร”
สีหน้าของหมอเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ พลางถอยร่างไปสองก้าว ชี้นิ้วสั่นเทิ้มไปทางไป๋จื่อ “เจ้า เจ้าพูดจามั่วซั่วอะไร”
“ข้าพูดมั่ว? หากข้าพูดมั่ว เหตุใดหมอต้องตื่นเต้นปานนี้ หรือว่าข้าพูดจี้ใจดำโดยไม่ทันระวังเข้า” แม้นางจะพยายามพูดเสียงเข้มอย่างสุดความสามารถ ให้เหมือนเสียงของบุรุษอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเทียบกับบุรุษทั่วไปแล้ว เสียงของนางก็ยังอ่อนโยนอยู่มาก หมอกงได้ยินทุกคำพูดชัดเจนในโสตประสาท คล้ายว่ามีสายฟ้าฟาดส่งดังสนั่น ทำเอาเขาหน้ามืดตาลาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ขอเพียงผ่านสองวันนี้ไปได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจทุกสิ่ง สามารถกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองหลวงได้ หรือว่าเวลาแค่สองวันก็ให้กันไม่ได้
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดพูดจายุยงใส่ร้ายเช่นนี้” หลังจากหมอสติกระเจิงไปช่วงสั้นๆ เขาก็กลับมาตั้งสติอย่างรวดเร็ว เริ่มจู่โจมอีกฝ่าย
ไป๋จื่อยกถ้วยยาบนโต๊ะขึ้นมาดม “อืม เย็นชื่นใจ ใบชีเหอกั่ว ใบหางแมงป่อง…แล้วก็แปะก๊วย?”
หมอกงตะลึงตาค้าง เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดรู้ไปหมดทุกอย่างเช่นนี้
หลังจากเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดหมอกงก็เอ่ยปาก “เป็นอะไรไป ยานี้มีปัญหาหรือ”