คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง - ตอนที่ 410 กำจัดเขา
ตอนที่ 410 กำจัดเขา
กองทัพใต้ได้รับชัยชนะ ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยอย่างมาก!
ฐานะของหลิงฉางจื้้อยิ่งสูงขึ้นในราชสำนัก!
เพียงแต่…
ซือหม่าโต่วยังไม่ตาย!
นอกเมืองหลวงห้าสิบลี้ กองทัพใหญ่ของโจรกบฏปักหลักอยู่ที่นี่
ซือหม่าโต่วได้รับบาดเจ็บ บนตัวพันผ้าพันแผล กำลังรักษาแผล
เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในวันนั้น เขาก็รู้สึกกลัว
อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว หัวของเขาก็ถูกคนอื่นเอาไปแล้ว
เมื่อมีประสบการณ์ องครักษ์ข้างกายจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
เขอดทนต่อความเจ็บปวด ออกคำสั่งขององครักษ์ “ไปเชิญเติ้งซินแสมา รีบไป!”
“ท่านแม่ทัพลืมแล้วหรือ เติ้งซินแสออกไปทำธุระหลายวันแล้ว ยังไม่กลับมา”
“เติ้งซินแสจะกลับมาเมื่อใด ข้ารอไม่ไหวแล้ว! เวลานี้ต้องทำอย่างไร จะบุกเมืองหลวงต่อ หรือฉวยโอกาสนี้ถอยทัพ รีบส่งคนไปตามตัวเติ้งซินแสกลับมา”
องครักษ์รับคำสั่งจากไป
ซือหม่าโต่วเป็นชายที่ไว้หนวดเฟิ้ม มีรูปร่างสูงเหมือนคนทั่วไป แต่กล้ามเนื้อแข็งแรง รูปลักษณ์ถือว่าดี
ดวงตาของเขาแน่วแน่เป็นพิเศษ
แต่เวลานี้ เขาร้อนใจอย่างมาก
เขาร้อนใจอยากพบเติ้งซินแส
เมื่อดื่มยาไปแล้ว เขาก็สะลึมสะลือ
ฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง
มีคนเดินเข้ากระโจม
ซือหม่าโต่วที่สัมผัสว่องไวลืมตาขึ้นมาทันที บรรยากาศภายในกระโจมอันตราย
เมื่อเห็นคนที่มาเป็นผู้ใด ซือหม่าโต่วปล่อบมือจากด้ามมีด สีหน้าก็ผ่อนคลายลง
เขาเผยรอยยิ้ม พลันลุกขึ้นมาหัวเราะ “เติ้งซินแส ท่านกลับมาเสียที ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก! วันที่ท่านไม่อยู่ ข้าช่างยากลำบาก! อีกทั้งยังถูกทหารเฝ้ารักษาเมืองหลวงลอบโจมตี สูญเสียกำลังพลจำนวนมาก
แม้แต่ข้าเองก็เกือบกลายเป็นวิญญาณ ไม่คิดว่า ฮ่องเต้จะส่งมือสังหารออกมา โชคดีที่ข้าดวงแข็งจึงมีชีวิตรอดกลับมา”
“ทำให้แม่ทัพใหญ่ตื่นกลัวแล้ว! วันเวลาที่ข้าจากไปก็เพื่อสืบเรื่องของมือสังหาร”
เติ้งซินแสหยิบหมวกลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
เขาคือ…
เขาคือเติ้งเส้าเจี้ยนที่เคยปรนนิบัติอยู่ข้างพระสนมเจี่ยซู!
พระสนมเจี่ยซูสิ้นพระชนม์ เขาก็ไปรับใช้องค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่
ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต หลังจากฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ขึ้นครองราชย์ก็ทรงแต่งตั้งองค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่เป็นท่านโหวเหิงอี้
ไท่หนิงปีที่สิบห้า หรือก็คือไม่กี่เดือนที่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ขึ้นครองราชย์ เมืองหลวงเกิดเหตุระเบิดอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายสืบไปถึงตัวของท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่
จากนั้นก่อนที่องครักษ์จินอู่จะลงมือจับคน ท่านโหวเหิงอี้ก็ออกจากเมืองหลวงไปอย่างไร้ร่องรอย
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้จำเป็นต้องรับสั่งซุนปังเหนียน ผู้เป็นขันทีคนสนิทของฮ่องเต้องค์ก่อน เพื่อติดตามเบาะแสของท่านโหวเหิงอี้
ผ่านไปชั่วพริบตาก็เป็นเวลากว่าหนึ่งถึงสองปี
ซุนปังเหนียนไม่อาจสืบหาเบาะแสของท่านโหวเหิงอี้ เซียวเฉิงหลี่ได้แม้แต่น้อย
เดิมทีคิดว่าเติ้งเส้าเจี้ยนจะปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านโหวเหิงอี้เสมอนั้น กลับผันตัวมาปรากฏอยู่ข้างกายโจรกบฏซือหม่าโต่ว กลายเป็นกุนซือของซือหม่าโต่ว วางแผนจู่โมราชสำนักอย่างไม่ทันตั้งตัว
เวลานี้การแต่งกายของเติ้งเส้าเจี้ยนดูเหมือนบัณฑิต
บนปากมีหนวดเครา ดูเหมือนจะซื่อสัตย์จริงใจ
มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งอยู่เสมอ
บางทีมันอาจไม่ใช่แค่ความรู้สึก
จากความเจ้าเล่ห์ของเติ้งเส้าเจี้ยน คนทั่วไปไม่อาจหลบซ่อนได้ในสายตาเขา เพียงแค่แวบเดียวก็มองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ซินแสสืบได้ความอย่างไร ผู้ใดก็ได้ นำชามาให้ซินแส แต่ละคนซื่อราวกับท่อนไม้ ซินแสอยู่ที่นี่ ยังไม่รับปรนนิบัติ”
ซือหม่าโต่วเชิญเติ้งเส้าเจี้ยนนั่งลงด้วยความเกรงใจ
พร้อมทั้งถามสารทุกข์สุขดิบ
ให้ความเคารพอย่างเต็มเปี่ยม!
เติ้งเส้าเจี้ยนดื่มชาไปหลายคำ พักให้หายเหนื่อยจึงพูดขึ้น
“คนที่นำทัพของเมืองหลวงคือหลิงฉางจื้้อผู้เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลหลิงในแคว้นหงหนง คนผู้นี้มีความสามารถ เรียกได้ว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นทั้งบู๊ ก่อนหน้านี้ แม่ทัพใหญ่เอาชนะกองทัพใต้ ฮ่องเต้รับสั่งให้ประหารแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพใต้เซวียเสวีย เมื่อเซวียเสวียถูกปลด หลิงฉางจื้้อจึงได้รับหน้าที่อย่างกะทันหัน
เวลาสั้นเพียงนี้ หลิงฉางจื้้อก็สามารถสร้างขวัญกำลังใจให้กองทัพใต้ขึ้นมาใหม่ เรียกได้ว่ามีความสามารถรอบด้านอย่างแท้จริง การนำทัพออกจากเมืองหลวงในครั้งนี้เป็นฝีมือของหลิงฉางจื้้อ เพื่อการนี้เขายอมที่จะบีบบังคับฮ่องเต้”
ซือหม่าโต่วจับประเด็นสำคัญได้ทันที “หากพูดเช่นนี้ ฮ่องเต้ไม่พอใจหลิงฉางจื้้อผู้นี้?”
เติ้งเส้าเจี้ยนพูด “ถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่พอพระทัยต่อเขา แต่เวลานี้ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางยึดอำนาจทางการทหารของหลิงฉางจื้้อ กลับกันเรื่องของกองทัพ ฮ่องเต้จะไว้ใจเขามากขึ้น นอกจากนี้ กองทัพอวี้โจวยังมีอีกเจ็ดแปดวันก็จะถึงเมืองหลวง กองทัพอวี้โจวนำโดยท่านโหวผิงอู่ สืออุน เขาทำสงครามกับอูเหิงอยู่ทางเหนือมาหลายปี ในกองทัพมีแต่พลทหารที่มากประสบการณ์ รับมือได้ไม่ง่าย!”
เมื่อซือหม่าโต่วได้ยินจึงแสยะปากด้วยความปวดฟันทันที
เมืองหลวงมีหลิงฉางจื้้อผู้ที่รู้เรื่องการทำสงครามเฝ้ารักษาเอาไว้ กองทัพอวี้โจวก็กำลังจะเดินทางมาถึงเมืองหลวง
เรียกได้ว่าถูกดักล้อมทั้งหน้าและหลัง ตายแล้ว!
ซือหม่าโต่วรีบพูด “ถอยทัพหรือไม่ ในเมื่อกองทัพอวี้โจวยังมีอีกเจ็ดแปดวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว สู้ฉวยโอกาสนี้ปล้นชิงอีกสักระยะ จากนั้นถอยออกนครบาล หากพื้นที่พักฟื้น”
เติ้งเส้าเจี้ยนไม่แสดงสีหน้าใดออกมา
แต่ภายในใจกลับรังเกียจซือหม่าโต่ว ยากที่จะประสบความสำเร็จ
รู้แต่การปล้นชิง แต่ไม่รู้จักการคว้าใจคน
แน่นอนว่าเติ้งเส้าเจี้ยนก็ยินดีที่จะเห็นเช่นนี้
หากซือหม่าโต่วรู้จักการคว้าใจคนจริง เขาจะเป็นหายนะใหญ่ จำเป็นต้องกำจัดเขา
เติ้งเส้าเจี้ยนพูด “สถานการณ์ในเวลานี้ดูเหมือนไม่เป็นประโยชน์ต่อแม่ทัพใหญ่อย่างมาก แต่ความจริงแล้วเป็นโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนฟ้าพลิกแผ่นดินของท่านแม่ทัพ”
“อย่างไร” ซือหม่าโต่วเกิดความสนใจ
เติ้งเส้าเจี้ยนกดเสียงต่ำ พูดเสียงเบา
“สงครามทางตอนเหนือกำลังตึงเครียด ตอนที่กองทัพอวี้โจวยังอยู่ ยังพอจะรับมือได้ เวลานี้กองทัพอวี้โจวถอนทัพกลับมาจากด่านหน้าทางเหนือเพื่อช่วยเหลือเมืองหลวง เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์สงครามทางเหนือย่อมพลิกผัน
ราชวงศ์อูเหิงได้เปรียบแล้ว หากรับมือไม่ดี อูเหิงย่อมจะบุกเข้าด่านมุ่งมาทางเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าราชสำนักจะขาดกำลังพล
ด้วยเหตุนี้ โอกาสของท่านแม่ทัพจึงอยู่ตรงหน้า หากท่านแม่ทัพถอนทัพออกจากนครบาลในเวลานี้ กองทัพอวี้โจวย่อมจะหันหลังกลับด่านหน้าทางเหนือทันที อูเหิงก็จะสูญเสียโอกาสที่จะฝ่าทะลุด่านเข้ามา
หากแม่ทัพใหญ่ยังอยู่ในนครบาล หากทางถ่วงเวลากองทัพอวี้โจวเอาไว้ระยะหนึ่ง อูเหิงย่อมจะจัดการปัญหาของแม่ทัพใหญ่ เมื่อราชสำนักไม่อาจต้านทานได้แล้ว ย่อมเป็นเวลาดีที่แม่ทัพใหญ่จะบุกเข้าเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้น คนที่เปลี่ยนราชวงศ์ย่อมต้องเป็นแม่ทัพใหญ่!”
ซือหม่าโต่วขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หากอูเหิงบุกเข้าเมืองหลวงจะทำอย่างไร ข้าสู้รบกับราชสำนักยังเปลืองแรงเพียงนี้ ข้าไม่มั่นใจว่าจะชนะอูเหิงได้”
“ท่านแม่ทัพเหลวไหล! เมื่อท่านแม่ทัพทดแทนแผ่นดินต้าเว้ย ย่อมมีคนยอมจำนนรับใช้ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องให้ท่านแม่ทัพกังวลใจ กองกำลังของแผ่นดินจะขวางกองทัพของอูเหิงอยู่ด้านหน้าท่านแม่ทัพ ชับไล่อูเหิงออกจากแผ่นดินของซือหม่าเอง”
ซือหม่าโต่วตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกไปตามกัน
เติ้งเส้าเจี้ยนพยักหน้า “แผ่นดินของซือหม่า! ตระกูลซือหม่าจะทดแทนตระกูลเซียว การก่อตั้งราชวงศ์เป็นเรื่องที่นับวันรอ”
“จริงหรือ”
“ข้าไม่กล้าโกหกท่านแม่ทัพ!”
ซือหม่าโต่วเดินไปเดินมาอยู่ภายในกระโจมด้วยความร้อนใจ
โจรกบฏที่รุ่งเรืองในเวลาเดียวกับเขาแทบจะตายจนหมดแล้ว แต่เขามีชีวิตรอดอยู่ถึงวันนี้ได้ อีกทั้งยิ่งอยู่ยิ่งรุ่งโรจน์ ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่าเขาก็พอจะมีความสามารถ
ไม่ใช่คนโง่เขลาอย่างแน่นอน!
แม้เขาจะโง่เขลา แต่หลังจากการทำสงครามเล็กใหญ่กว่าร้อยครั้ง สมองที่โง่เขลาก็ถูกฝึกฝนจนฉลาดขึ้นมา
มีการตัดสินใจและความแน่วแน่ที่สูงกว่าคนทั่วไป
ตระกูลซือหม่าทดแทนตระกูลเซียวก่อตั้งราชวงศ์มันช่างน่าหวั่นไหว
ราวกับมีพลังวิเศษบางอย่าง เมื่อมันกระทบเข้าไปในหูก็ไหลเข้าไปในใจ จากนั้นก็ฝังลึกอยู่ภายในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจละเลย!
ซือหม่าโต่วร้อนผ่าวไปทั้งตัว!
เขาตื่นเต้นอย่างมาก!
แต่เขาไม่ได้วู่วาม
“หาก หากไม่สามารถอยู่จนถึงกองทัพอวี้โจวหันกลับไปโจมตีอูเหิง ข้าก็จะแพ้ จะมีแผ่นดินได้อย่างไร ซินแสอย่าหลอกข้า!”
เติ้งเส้าเจี้ยนหลุบตาต่ำ เงียบไปสักพักพลันพูดขึ้น
“ท่านแม่ทัพต้องรู้ หากต้องการไล่ล่าแผ่นดิน เวลาสำคัญต้องมีความแน่วแน่ในการพนัน ไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเองชนะก่อนเริ่มสงคราม
ฮ่องเต้ไท่จู่ของราชวงศ์ต้าเว้ยไม่ได้รับการยอมรับแต่แรก ทุกคนต่างคิดว่าเขาต้องพ่ายแพ้ สุดท้ายเป็นอย่างไร เขาแทนที่ราชวงศ์ก่อน ก่อตั้งราชวงศ์ต้าเว้ยขึ้น! ท่านแม่ทัพโชคดีเสมอในหลายปีนี้ เชื่อว่าคราวนี้ สวรรค์ย่อมจะเมตตาท่านแม่ทัพ ให้การสนับสนุนท่านแม่ทัพเหมือนเคย”
เขาเดินไปเดินมาอยู่ภายในกระโจม ในหัวเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
เขาถามขึ้นมา “เติ้งซินแสออกไปหลายวัน มือสังหารเหล่านั้นมาจากที่ใด ซินแสรู้หรือไม่”
เติ้งเส้าเจี้ยนเม้มปากยิ้ม “สามารถตัดหัวคนท่ามกลางกองทัพนับหมื่นพัน ถึงแม้จะจำคนผิด แต่การเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วว่องไว กะเวลาได้อย่างแม่นยำ ข้าคิดไปคิดมา ในแผ่นดินนี้มีเพียงผู้เดียวที่ทำได้”
“ผู้ใด” ซือหม่าโต่วเต็มไปด้วยความอยากรู้
เติ้งเส้าเจี้ยนพูดอย่างจริงจัง “เซียวอี้ นายน้อยหกแห่งจวนท่านอ๋องตงผิง!”
“เซียวอี้? แม่ทัพกองทัพใต้คนก่อน?”
“ใช่แล้ว!”
ซือหม่าโต่วกระจ่าง
เขาเคยปะทะกับเซียวอี้
หากจะพูดให้แม่นยำคือ เซียวอี้ตีเขา เกือบตีเขาจนหาย
หากไม่ใช่เซียวอี้ตัดสินใจถอยทัพอย่างกะทันหัน เขาก็คงตายไปเมื่อสามปีที่แล้ว!
“เขาเป็นแม่ทัพ เหตุใดจึงทำงานมือสังหาร”
เติ้งเส้าเจี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “เขาเกิดมาเพื่อเป็นมือสังหาร ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสนับสนุนเขา ให้เขารับตำแหน่งแม่ทัพกองทัพใต้ ทำสงครามได้อย่างถือว่ากล้าหาญ”
ไม่เพียงแต่กล้าหาญ แต่ยังเจ้าเล่ห์!
เพื่อชัยชนะ เรียกได้ว่าใช้กลอุบายทุกอย่าง
ทั้งแผนการชั่วร้าย กลอุบายสกปรกทุกรูปแบบ ไม่มีสิ่งใดที่เซียวอี้ทำไม่ได้
เขาสามารถทำสงครามอยู่ในสนามรบได้อย่างเปิดเผย แต่ก็สามารถลอบทำร้ายด้วยแผนการต่างๆ
ลอบสังหาร…
เรื่องแบบนี้เหมาะสมกับวิธีการของเขาอย่างมาก
“เขาถูกฮ่องเต้ยึดอำนาจทางการทหาร ถอดตำแหน่งขุนนาง เหตุใดเขายังช่วยราชสำนัก ลอบสังหารข้าท่ามกลางกองกำลังนับหมื่นพันนี้อีก”
ซือหม่าโต่วคิดไม่ตก
เซียวอี้ถูกยึดอำนาจทางการทหาร เขาสมควรแค้นฮ่องเต้
แต่สุดท้ายกลับวิ่งมาลอบสังหาร
อีกทั้งเกือบทำสำเร็จ
เติ้งเส้าเจี้ยนส่งเสียงไม่พอใจ “ท่านแม่ทัพอย่าลืม เซียวอี้แซ่เซียว เป็นเชื้อพระวงศ์ เรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินตระกูลเซียว เขาย่อมจะช่วยเหลือฮ่องเต้”
ซือหม่าโต่วส่ายหน้าระรัว “เซียวอี้เจ้าเล่ห์! ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ถือสา รับใช้ฮ่องเต้ด้วยใจจริง ซินแสมีทางซื้อตัวขุนนางราชสำนัก ยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์และขุนนางของพวกเขาหรือไม่ โดยเฉพาะหลิงฉางจื้้อผู้นั้น มีทางกำจัดเขาหรือไม่”