คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 887 มีความมั่นใจ ไม่กลัวว่าตระกูลหมิงจะเหนียวหนี้
- Home
- คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 887 มีความมั่นใจ ไม่กลัวว่าตระกูลหมิงจะเหนียวหนี้
ตอนที่ 887 มีความมั่นใจ ไม่กลัวว่าตระกูลหมิงจะเหนียวหนี้
นับว่าสุขภาพของหมิงหุยอ่อนแอโรคภัยรุมเร้ามานาน บวกกับเป็นโรคหัวใจที่มีมาตั้งแต่กำเนิด หากคิดจะรักษาให้หายคงเป็นได้แค่ความฝัน แต่หากอยากรักษาให้สุขภาพแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน ย่อมอาศัยได้แค่การบำรุงรักษา
ดังนั้นการปรับสมดุลเลือดลมหยินหยางและทำให้ลมปราณไหลเวียนคล่องจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทำเช่นนี้ถึงจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้ทางที่ดียารักษาหัวใจก็ควรเขียนตำรับตามร่างกายของเขา เพราะการให้ยาตามอาการถึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นเท่าทวีคูณขณะที่ออกแรงเพียงนิดเดียว
หลังจากฉินหลิวซีดึงเข็มออกถึงนั่งพินิจเขียนตำรับยาอยู่ด้านข้าง เพราะยาต้องพกติดตัวไปด้วยทุกที่ อีกทั้งนางได้ยินมาว่าหมิงหุยต่อต้านยาก่อนหน้านี้ เหตุเพราะยาลูกกลอนที่ทำขึ้นมารสชาติกินยากถึงทำให้เขาระเบิดอารมณ์แล้วโยนยาทิ้ง
ดังนั้นยาของนางจะต้องสะดวกในการพกพาและกินง่ายโดยต้องปั้นเป็นลูกเล็กๆ ดังนั้นขั้นตอนของตำรับยาจึงยิ่งต้องพิถีพิถัน การจัดการกับวัตถุดิบมีทั้งเคี่ยวคั่วนึ่งทุกกรรมวิธี ซึ่งละเอียดลออมาก
แผนตำรับยาของฉินหลิวซีเขียนออกมาอย่างถี่ถ้วน กรรมวิธีการปรุงยาถือว่าสอนแจกแจงทุกขั้นตอน
นี่เป็นตำรับยาที่มีความแตกต่างจากตำรับก่อนหน้านี้
อูตงดูอักษรตัวบรรจงที่เขียนเรียงรายแน่นขนัดด้วยความรู้สึกมึนงง พลางเอ่ย “เจ้าอาวาสน้อย ท่านปรุงยาด้วยตนเองได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเขียนขั้นตอนละเอียดขนาดนี้แล้วยังปรุงยาออกมาเองไม่ได้ ร้านยาในเมืองเซิ่งจิงก็ควรปิดกันให้หมดเสีย หากพวกเจ้าไม่ไว้ใจหรือจะไปร้านยาตำหนักอายุวัฒนะก็ได้ นักปรุงยาและวัตถุดิบใช้ได้ แถมทำตำรับยาขนานนี้ออกมาได้ด้วย”
นี่เป็นการปฏิเสธนั่นเอง
อูตงจึงรับมาเก็บไว้ด้วยความระมัดระวัง
ฉินหลิวซีเขียนตำรับอาหารที่มีส่วนผสมของยารวมสี่แผ่นโดยให้กินบำรุงตามฤดูกาล บวกกับเขียนอาหารต้องห้ามและข้อควรปฏิบัติไว้ให้อีกแผ่น ทำทุกเรื่องอย่างรอบคอบและเอาใจใส่
หมิงหุยลุกขึ้นนั่ง หลังจากสัมผัสร่างกายก็กะพริบตาปริบๆ เอ่ยขึ้นว่า “แล้วการฝังเข็มเล่า ยังต้องฝังอีกกี่ครั้ง”
“พรุ่งนี้ข้าค่อยฝังให้เจ้าอีกสักรอบ หากมีหมอฝีมือดีที่ไว้ใจได้ก็ให้เขามารอได้เลย ข้าพร้อมถ่ายทอดศาสตร์การฝังเข็มให้ แค่วันหน้าให้เขาช่วยฝังเข็มให้เจ้าก็ได้แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยกับหมิงหุย “หากป่วยแล้วอยากดีขึ้นหรือหายขาด นอกจากจะแสวงหาหมอและวัตถุดิบยาดีๆ แล้ว สิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือต้องเชื่อฟังหมอ หากเจ้าเต็มใจปฏิบัติตามและพร้อมให้ความร่วมมือกับแบบแผนการรักษาที่หมอทำขึ้น เจ้าย่อมอาการดีขึ้นแน่นอน แต่หากเจ้ารั้นทำทีเชื่อฟังแต่ลับหลังไม่ปฏิบัติตามละก็ ต่อให้เทพเซียนจุติเอายาวิเศษชั้นดีแค่ไหนมาให้เจ้าก็ขัดขวางความตายของเจ้าไม่ได้”
หมิงหุยประหลาดใจอยู่บ้าง
เขาไม่ได้ประหลาดใจที่ฉินหลิวซีไม่อยู่ฝังเข็มต่อให้เขา แต่ประหลาดใจที่นางบอกว่าจะถ่ายทอดศาสตร์การฝังเข็มให้คนอื่น หมอมักมีทักษะชำนาญเป็นของตนเองซึ่งโดยปกติจะไม่ถ่ายทอดให้ใครมิใช่หรือ แต่นางกลับบอกว่าจะถ่ายทอดให้คนอื่นเสียอย่างนั้น
หลังจากหมิงหุยผ่านการฝังเข็มมาเมื่อครู่ ความจริงเขารู้แก่ใจดี ด้วยหมอนักพรตอายุน้อยเช่นนี้ อย่าว่าแต่ศาสตร์การรักษาอื่นเลย ถึงแม้ศาสตร์การฝังเข็มจะเจ็บมากก็จริง แต่ผลลัพธ์กลับดีเยี่ยม
ใครถูกฝังเข็มผู้นั้นย่อมรู้ดีอย่างแท้จริง!
สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ศาสตร์การฝังเข็มของฉินหลิวซี ซึ่งตระหนักรู้ตนเองเป็นอย่างดี แต่นางกลับยินดีถ่ายทอดทักษะที่ตนเชี่ยวชาญให้คนภายนอกรับรู้
หมิงหุยไม่เข้าใจ นี่เป็นความใจกว้างที่โง่เขลาหรือ
ในเมื่อเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ส่วนตัวก็ควรเก็บไว้อย่างมิดชิดมิใช่หรือ หมอมากมายในเมืองเซิ่งจิงล้วนเป็นเช่นนั้น รวมถึงหมอชื่อดังมากมายเองก็มีเคล็ดวิชาลับที่ไม่ยอมถ่ายทอดให้คนนอกเช่นกัน
หากพูดอย่างไม่น่าฟัง อาจารย์ที่สอนศิษย์ย่อมต้องกั๊กความรู้ไว้บ้าง ในเมื่อเรื่องอย่างอาจารย์ที่อดโซหิวตายเพราะสอนศิษย์กลับไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเลย
หมิงหุยเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางยิ่งขบคิดว่านางโง่เขลาหรือไม่
ฉินหลิวซีไม่รู้ความคิดในใจของเขา หลังจากมอบตำรับยาทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วถึงเอ่ย “เอาค่ารักษาราคาพิเศษแค่หมื่นตำลึงเงินเท่านั้น”
อูตงสูดเอาไอเย็นเข้าปากไม่ได้
มู่ซีกลับไม่พอใจนัก “หมื่นตำลึงหรือ”
อูตงมองไปทางเขาด้วยสายตาน่าสงสาร ท่านเองก็รู้สึกว่าแพงเกินเหตุใช่หรือไม่
“ถูกเกินไปกระมัง!”
อูตง “?”
มู่ซีมุ่นคิ้วพลางเอ่ย “ผู้เฒ่าบ้านข้าส่งคนไปไปปิดทองพระที่อารามของพวกเจ้ายังให้ราคาสูงกว่านี้เลย ทั้งๆ ที่เป็นถึงอ๋องน้อย ราคาค่าตัวคงไม่ต่ำกว่าหมื่นตำลึงถึงจะถูก เจ้าสกุลหมิง เจ้าว่าเองเถิด”
หมิงหุย “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นี้ ข้าเองก็พร้อมสละตัวให้นางเช่นกัน”
มู่ซีกระโดดลุกขึ้นพรวด “เจ้าฝันไปหรือไร! คนขี้โรคที่ขนยังขึ้นไม่ครบอย่างเจ้าคิดจะสละตัวให้นาง หรือคิดจะเหนียวหนี้กันแน่ แถมคิดรวบหัวรวบหางหมอเทวดาด้วยกระมัง ข้าว่าอุบายของเจ้าเพ้อฝันสวยงามเกินไปแล้ว!”
หมิงหุยกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “ข้าสามารถยกทั้งจวนหมิงอ๋องสละเป็นสินสอดงานแต่งงานได้เลย!”
มู่ซี “?”
แม่เจ้า คนเนรคุณอย่างเจ้า ยังไม่ทันยั่วก็กระโจนเข้ามาหาเองแล้วหรือ!
“เรื่องทำนองอย่างยอมสละตัวคงไม่จำเป็น ขอแค่ให้ค่ารักษาครบก็พอ” ฉินหลิวซีเหลือบมองหมิงหุยเอ่ย “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกเจ้าก็คือต่อให้ข้าตรวจดูอาการและเขียนตำรับยาให้เจ้า แต่หากเจ้ายังเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน เอายาทิ้งหรือไม่กิน ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา เช่นนั้นก็จะไม่มีครั้งที่สอง ความหมายก็คือหากเจ้ารั้นจะทำร้ายร่างกายของตัวเองอีก ต่อให้ป่วยใกล้ตายก็ไม่ต้องมาหาข้า และข้าก็จะไม่รับรักษาเจ้าเช่นกัน เข้าใจหรือไม่”
หยิ่งผยองนัก!
หมิงหุยจับจ้องแววตาดำขลับของฉินหลิวซีพร้อมประกายพาดผ่านในนัยน์ตา เจือทั้งความกระวนกระวายและหวาดกลัว ราวกับถูกอีกฝ่ายมองออกอย่างไรอย่างนั้น
“อมิตาภพุทธ โยมหมิงได้เจอผู้สูงศักดิ์ก็ควรหวงแหนโอกาสในการรักษาครั้งนี้ไว้” ฮุ่ยเฉวียนกล่าวพร้อมยิ้มตาหยี
ผู้สูงศักดิ์หรือ
หมิงหุยตกอยู่ในความงงงัน
ฉินหลิวซีเอ่ย “พรุ่งนี้ยามเฉิน[1]เจ้ามาที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น ขอตัวก่อน”
นางไม่ได้มองพวกหมิงหุยแต่อย่างใด แค่ทำความเคารพฮุ่ยเฉวียนแล้วหมุนตัวเดินจากไป
“โยมน้อยพักผ่อนให้มากๆ เถิด” หลังจากเอ่ยกับหมิงหุยประโยคหนึ่งแล้วฮุ่ยเฉวียนเองก็ขอตัวกลับเช่นกัน
ภายในห้องพัก เหลือเพียงคนของหมิงหุย
อูตงกะพริบตาปริบๆ เอ่ย “นายน้อย เหมือนว่าพวกเราจะยังไม่ได้ให้ค่ารักษา นางก็ไปแล้วหรือ”
ไม่กลัวเขาจะหนีหนี้ไม่จ่ายบ้างเลยหรือ
“เจ้าหมายความว่าตระกูลหมิงของข้าจะเหนียวหนี้หรือ” หมิงหุยกล่าวเสียงขึงขัง
“บ่าวมิกล้า!” อูตงคุกเข่าขาพับลงพื้นเสียงดังพลั่ก พร้อมเอ่ย “บ่าวกำลังคิดว่านางคงลืมกระมัง”
หมิงหุยขึงตามองเขา “บ่าวอย่างเจ้าโง่เขลานักหรือไร สถานะของข้าวางเด่นหราเช่นนี้ยังจะกล้าเหนียวหนี้อีกหรือ ต่อให้ไม่จ่าย เจ้าหมามู่จะไม่มาสะสางบัญชีกับข้าเลยหรือ ส่วนปรมาจารย์ฮุ่ยเฉวียนเองก็รู้จักนาง กล่าวได้ว่านางไม่กลัวว่าพวกเราจะไม่ยอมจ่าย และก็ไม่ลืมที่จะเตือนพวกเราด้วยเช่นกัน อีกอย่าง…”
เขามองไปทางประตูเอ่ย “นางเป็นถึงนักพรตเสวียนเหมิน ติดเงินนักพรต กลัวว่าจะไม่ตายเร็วหรืออย่างไร”
นางมีความมั่นใจในเรื่องนี้!
แต่เขากลับรู้สึกไม่พอใจอย่างน่าประหลาด ในเมื่อมีคนไม่เกรงกลัวเขาและไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเช่นนี้
อูตงเอ่ยเสียงเบา “นายน้อย แล้วพรุ่งนี้จะไปฝังเข็มที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะหรือไม่ ท่านว่าดูน่าเชื่อถือหรือไม่”
“แต่ก็เก่งกว่าหมอเก่งๆ ก่อนหน้านี้อยู่บ้าง” หมิงหุยเอ่ย “เอาตำรับยารักษาหัวใจมาให้ข้า”
อูตงจึงรีบยกสองมือส่งมอบตำรับยาให้
หมิงหุยมองอักขระทรงพลังงามสง่างามแวบหนึ่ง จากนั้นถึงอ่านวัตถุดิบยาและกรรมวิธีในตำรับยาอย่างละเอียดพลางกล่าว “กลับจวนก่อนแล้วเชิญตัวหมอหลวงหลู่มาดู หากไม่มีปัญหาอะไรก็ให้ทางร้านตำหนักอายุวัฒนะปรุงตัวยานี้ขึ้นมาได้เลย”
“ขอรับ” อูตงเก็บตำรับยา ลังเลใจครู่หนึ่งถึงโพล่งขึ้นอย่างใจกล้าว่า “นายน้อย หากใช้ตำรับยานี้แล้วจะเอาแต่ใจทิ้งยาเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เด็ดขาด บ่าวดูทรงเหมือนเจ้าอาวาสน้อยผู้นี้ไม่ได้โป้ปด”
หากนางมีความสามารถจริงๆ แต่บทบอกว่าจะไม่รักษาก็ไม่รักษาขึ้นมาเช่นนั้นคงแย่ วิงวอนร้องขอเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ขึ้นมาคงจบเห่แน่!
หมิงหุย “เจ้าอยากตายหรือ”
อูตงหดคอลงทันที
หมิงหุยแค่นเสียงทีหนึ่งก่อนลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “หากยาได้ผล ข้าจะทิ้งหรือ”
หากมีชีวิตอยู่ต่อได้ เขาก็ย่อมอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเหมือนกัน!
[1]ยามเฉิน 07.00 – 09.00 น.