คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 855 การสิ้นชีวิต
ตอนที่ 855 การสิ้นชีวิต
สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยามนี้ได้เข้าสู่เดือนสิบสองแล้ว หิมะตกหนัก ในบ้านตระกูลฉินทุกคนอยู่ในห้องของนางฉินผู้เฒ่า ทุกคนหน้าเครียด ทั้งเศร้าหมองอยู่บ้าง
ตลอดสิบวันที่ผ่านมา ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยตื่นขึ้นมาเลย เข็มทองยังคงปักอยู่ ยันต์ยังคงถูกวาดเอาไว้ แต่คนก็ไม่ตื่นขึ้นมาเลย มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ที่พิสูจน์ว่านางยังมีชีวิตอยู่
เมื่อฉินหลิวซีเดินเข้ามา ทุกคนมองนางด้วยดวงตาแดงก่ำ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
“ไปเตรียมบะหมี่ไก่ฝอยสักถ้วยเถิด ใส่ไข่ด้วย และน้ำแกงโสม อีกหน่อยก็ยกเข้ามาเลย ทำความสะอาดตัวฮูหยินผู้เฒ่าให้เรียบร้อยและแต่งตัวให้พร้อม” ฉินหลิวซีบอกกับสะใภ้หวัง
สะใภ้หวังสะอื้น น้ำตาคลอขึ้นมาที่กระบอกตา
“ฮึก…”
ไม่รู้ว่าผู้ใดสะอื้นไห้เบาๆ
“ข้าไปให้คนครัวจัดเตรียมไว้ให้” ฉินเหมยเหนียงทนไม่ไหว หันหลังเดินออกไป งานทำความสะอาดแน่นอนต้องให้ลูกสะใภ้ทำ
สะใภ้หวังเองสงบสติอารมณ์ ให้จวี๋เอ๋อร์ไปเอาน้ำ ให้ติงหมัวหมัวเอาชุดที่เตรียมไว้มา และให้ลูกหลาน บ่าวรับใช้รออยู่ข้างนอก
ฉินหลิวซีไม่ออกไปไหน เข็มทองต้องให้นางถอน และไม่ว่าจะถอนยามใดก็ต้องเป็นนางเท่านั้น
สะใภ้หวังก้าวเข้ามา เอ่ยเบาๆ “ซีเอ๋อร์ ให้เยี่ยนเอ๋อร์มาด้วยหรือไม่”
“ต้องมา แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รออีกสักหน่อยเถิด ลุงสามกับคนอื่นๆ ใกล้จะถึงแล้ว”
ปึก
มือของสะใภ้กู้ชนกับอ่างล้างหน้า หันไปมองฉินหลิวซีด้วยความตกใจ มีความยินดีอยู่ในสายตา นางได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ สามีของนางพวกเขากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ
สะใภ้หวังก็ดีใจเช่นกัน มองไปยังนางฉินผู้เฒ่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
และในเวลานี้ ฉินปั๋วชิงและคนอื่นๆ นั่งอยู่ในรถม้า หน้าตาซีดเซียวซูบโทรม เพราะต้องเดินทางตลอดทั้งกลางวันกลางคืนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา รีบจนพวกเขาแทบกระอักเลือดแล้ว
โชคดีที่เฟิงซิวอยู่ด้วย ใช้พลังปีศาจคุ้มครองพวกเขา ไม่เช่นนั้นคงแตกสลายไปนานแล้ว และสะใภ้เฉาที่ตั้งครรภ์ก็ยิ่งไม่ต้องคิดจะสบาย
“ถึงแล้ว” เฟิงซิวมองไปที่ประตูเมือง ส่งเสียงหยันออกมา
เขาทำงานหนักมาตลอดเส้นทาง ทั้งต้องคุ้มครองพวกมนุษย์ที่อ่อนแอเหล่านี้ ทั้งต้องใช้เวทมนต์เพื่อเร่งความเร็วให้ได้มากที่สุด และต้องพรางตาทหารยามผู้รักษาประตูเมืองเพื่อผ่านเข้าไป ทำให้เวลาเดินทางกลับเมืองหลีลดลงไปมาก
เหนื่อยจะตายแล้ว
ฉินปั๋วชิงเห็นตัวอักษร เมืองหลี พลันถอนหายใจออกมา หากต้องรีบเร่งอีกเขาคงทนไม่ไหวแล้ว
ฉินหลิวซีถอนเข็มทองออกจากร่างของฮูหยินผู้เฒ่าและให้นางดื่มน้ำแกงโสม เพียงไม่นานฮูหยินผู้เฒ่าก็ฟื้นขึ้นมา
“ท่านแม่”
“ท่านแม่”
“ท่านย่า”
ทุกคนล้อมรอบฮูหยินผู้เฒ่า ดวงตาแดงก่ำเอ่ยเรียกนาง
ฮูหยินผู้เฒ่ากะพริบตาเบาๆ หันไปมองคนที่อยู่รอบข้าง ยกยิ้มอย่างบางเบา “ข้าหิวแล้ว”
ทุกคนรู้สึกใจหาย ทว่าฝืนยิ้ม เอ่ยคำน่าฟัง
สะใภ้เซี่ยผลักฉินหมิงฉีและฉินหมิงฉุนไปข้างหน้า เอ่ย “พวกเจ้าท่องตำราให้ท่านย่าฟังเถิด”
ฉินหมิงฉุนเช็ดน้ำตา เอ่ย “ท่านย่า ข้าจะนับเลขให้ท่านฟังนะขอรับ ท่านอาจารย์ชมว่าข้าเรียนได้ดี”
“ดี” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม มองไปรอบๆ มองไปที่ประตูสายตาเต็มไปด้วยความหวัง แต่มีกลิ่นอายของความเศร้า
“ท่านแม่ ตอนนี้ตระกูลฉินเราได้รับความยุติธรรมแล้ว ท่านพ่อและปั๋วหงกลับเมืองหลวงขอบพระทัยฝ่าบาทแล้ว พวกน้องสามเองก็ใกล้จะถึงแล้ว” สะใภ้หวังบอกเรื่องการแก้ไขความผิดของตระกูลฉิน
ฮูหยินผู้เฒ่าตาเป็นประกาย สีหน้าตาแดงขึ้น มือสั่น “ดี ดีมาก”
“บะหมี่มาแล้ว”
ฉินเหมยเหนียงนำบะหมี่ไก่ฝอย ด้านบนมีไข่ดาวนอนอยู่ โรยต้นหอมและผักใบเขียวที่หายากในฤดูหนาว
สะใภ้หวังรับมา ปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตนเอง พร้อมกับซุปโสมอีกครึ่งถ้วย เห็นนางมีแก้มแดงขึ้น หัวใจพลันรู้สึกเจ็บ
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งบนเตียง บนตัวมีผ้าห่มคลุม มองไปรอบๆ ห้อง เอ่ยกับสะใภ้หวัง “ในเมื่อฝ่าบาทให้อภัยแล้ว สามารถคืนของที่เป็นสินสมรสของข้าได้ ทุกสิ่งในทรัพย์สินให้สี่ส่วนสำหรับบ้านใหญ่ ส่วนบ้านรองและบ้านสามให้แบ่งสามส่วน เครื่องประดับของข้า ให้สตรีแต่ละคนเลือกคนละหนึ่งชิ้น ที่เหลือให้ส่งไปให้อิงเหนียง ให้นางอีกสองพันตำลึงเงินเป็นเงินก้นกล่อง[1] ส่วนให้ฉินเหมยเหนียงหนึ่งพันตำลึง พวกนางสามคนเลือกเครื่องประดับสามชิ้นเป็นที่ระลึก”
“ท่านแม่ อย่าเอ่ยเช่นนี้เลย เดี๋ยวก็ดีขึ้นนะเจ้าคะ” สะใภ้หวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉินเหมยเหนียงเองก็เอ่ย “ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่อย่าเอ่ยคำน่าเศร้าเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการสิ่งของของท่านแม่ ขอให้ท่านแม่เก็บไว้เถิด”
ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือของสะใภ้หวัง “คนทุกคนล้วนต้องตาย ข้าควรจะตายตั้งนานแล้ว หากอยู่ในเมืองหลวง ข้ายังพอจัดการแบ่งสิ่งของได้ แต่ตอนนี้ไม่รู้จะเอาคืนมาได้เท่าใด ทำได้เพียงทำทุกอย่างให้เรียบง่าย เหมยเหนียงอย่าโทษว่าข้าลำเอียง เชื้อสายหลักสายรองมีความแตกต่าง”
“ท่านแม่ ข้าไม่โทษท่านเจ้าค่ะ” ฉินเหมยเหนียงคุกเข่า ร้องไห้เอ่ย “ท่านแม่ให้ผู้ใดก็ให้ ข้าไม่โกรธ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มมุมปาก มองไปที่ฉินหลิวซีที่อยู่หลังฝูงชน กวักมือเรียกนาง “สองปีมานี้ ลำบากเจ้าแล้ว”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “เป็นสิ่งที่ตระกูลฉินควรได้รับ”
ตระกูลฉินให้ชีวิตนี้กับนาง ตอนนี้ที่ได้มาทั้งหมดเป็นเพราะผลกรรมนี้
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับสะใภ้หวัง “ร้านผลไม้แช่อิ่ม ให้นาง”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว ไม่เอ่ยอะไร
สะใภ้เซี่ยและคนอื่นๆ ตกใจ ให้ฉินหลิวซีคนเดียวหรือ
นางเดินไปข้างหน้า เอ่ย “ท่านแม่ ให้นางหนูซีสตรีคนเดียว มันจะ…”
“ข้าบอกให้ผู้ใดก็ให้คนนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเข้ม “ร้านผลไม้แช่อิ่มนั้นเป็นเงินทุนจากบ้านของสะใภ้หวัง นางหนูซีเป็นคนให้สูตร ทำให้ร้านนี้สำเร็จ และสามารถเลี้ยงครอบครัวมีกินมีใช้ได้ หากไม่มีนางคุ้มครอง เจ้าคิดว่าสตรีและเด็กจะสามารถดูแลร้านได้อย่างปลอดภัยหรือ”
สะใภ้เซี่ยไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
“ข้าตัดสินใจแล้ว ร้านผลไม้แช่อิ่มจะให้กับนางหนูซี” ฮูหยินผู้เฒ่ามองสะใภ้เซี่ยด้วยสายตาผิดหวัง “ถ้าเจ้าเอ่ยอีก เจ้าก็กลับบ้านมารดาไปเถิด”
สะใภ้เซี่ยรีบเอ่ย “ท่านแม่ ท่านอย่าได้โกรธ ลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าผิดไปแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกท้อแท้ “ข้า เองก็ผิดเช่นกัน”
ทุกคนรู้สึกเศร้าใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เอ่ยสิ่งใดอีก มองไปที่ประตู เม้มริมฝีปากเฝ้ารอ
สะใภ้หวังน้ำตาคลอ มองไปที่ฉินหลิวซี เห็นนางพยักหน้าจึงหันหลังไป น้ำตาไหลพรั่งพรูลงมา
ฉินหลิวซีเดินไปที่ประตู บอกกับเฉินผี “ไปพาเยี่ยนเอ๋อร์มา”
เฉินผีรีบวิ่งออกไป
ประตูทางด้านตะวันออกของตระกูลฉินเปิดกว้างแล้ว หลี่เฉิงรออยู่ที่นั่น เห็นรถม้ามาแล้ว รีบเดินเข้าไปรับ ไม่สนใจว่าผู้ใดลงมา เอ่ย “เร็ว ฮูหยินผู้เฒ่ารอพวกท่านอยู่”
ฉินปั๋วชิงสองขาอ่อนแรง เห็นโคมไฟสีขาววางอยู่ที่ประตู ร้องเสียงดังลั่น วิ่งไปยังเรือนหลัง
ฮูหยินผู้เฒ่านอนลงแล้ว หลับตาเบาๆ หายใจลึกๆ แต่ทันใดนั้นนางก็ลืมตา มองไปที่ประตู เอ่ยเสียงแหบแห้ง “ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงเจ้าสาม”
“ท่านแม่ เยี่ยนเอ๋อร์กลับมาแล้ว” ฉินหมิงเยี่ยนถูกพยุงเข้ามา คุกเข่าลงข้างเตียง จับมือฮูหยินผู้เฒ่า
“เยี่ยนเอ๋อร์” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอ่อนโยน มองไปที่ประตูอีกครั้ง เห็นร่างผอมกำลังเดินเข้ามา บุตรชายคนที่สามของนาง
“ท่านแม่” ฉินปั๋วชิงวิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างเตียง ตามมาด้วยฉินปั๋วกวงและฉินหมิงมู่
ฮูหยินผู้เฒ่ากวาดสายตามองพวกเขาด้วยสายตาอ่อนโยนและรักใคร่ มือยกขึ้น ลูบหน้าพวกเขา “ทุกคนกลับมาแล้ว ดีจริงๆ แม่จากไปได้อย่างสบายใจแล้ว”
ทุกคนคุกเข่า ร้องไห้สะอึกสะอื้น
[1] ความหมายตามตัวอักษรว่า “กดทับไว้ที่ก้นกล่อง” แต่ในเชิงสำนวนหมายถึง “สิ่งที่เก็บไว้อย่างดี” หรือ “สมบัติล้ำค่าที่เก็บไว้” ซึ่งมักใช้เพื่อบรรยายสิ่งของหรือทรัพยากรที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และจะถูกนำออกมาใช้ในสถานการณ์ที่สำคัญเท่านั้น