คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 824 บรรพชนน้อยยังใจร้ายเสมอต้นเสมอปลาย
ตอนที่ 824 บรรพชนน้อยยังใจร้ายเสมอต้นเสมอปลาย
สะใภ้เซี่ยหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าฉินหลิวซีจะวินิจฉัยผิด นางยังฉวยโอกาสตอนที่สะใภ้หวังไม่อยู่เชิญท่านหมอชื่อดังอีกสองคนมาตรวจฮูหยินผู้เฒ่า แต่นางก็ต้องผิดหวัง ไม่มีท่านหมอคนไหนให้ความหวังนาง เพียงแต่บอกว่าถ้าต้องการฝืนให้นางฟื้นขึ้นมาจริงๆ ก็ทำได้เพียงฝังเข็มด้วยเข็มทองและใช้ยาแรงเป็นพิเศษ แต่ผลของยานี้จะทำให้นางฟื้นขึ้นมาเพื่อฝากฝังคำพูดสุดท้ายเท่านั้น
ใครกล้าทำอย่างนั้นกัน
สะใภ้เซี่ยไม่กล้า และก็ไม่มีใครกล้าเหมือนกัน นางทำได้เพียงจุดธูปและอธิษฐานต่อหน้าพระอย่างอดทน อธิษฐานขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นขึ้นมาเอง แล้วนางจะคอยทุ่มเทปรนนิบัติเต็มที่
แต่ดังคำกล่าวที่ว่าป่วยติดเตียงเป็นเวลานานลูกหลานกตัญญูไม่มี ต่อให้เป็นการปรนนิบัติมารดาตนเอง นานวันเข้าก็อาจจะไม่ทุ่มเทเหมือนเคย นับประสาอะไรกับแม่สามี ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติ ดูเหมือนไม่มีอะไรยาก แต่การทำงานของร่างกายไม่ได้หยุดไปด้วย กายภาพยังทำงานปกติ สิ่งสกปรกเช่นปัสสาวะอุจจาระก็ทำให้พวกสะใภ้เซี่ยหน้าซีดได้ แล้วอาการก็ยังแย่ลงทุกที เรียกได้ว่าเรี่ยราดไม่รู้ตัว
อาการหมดสติยังดำเนินไป ฮูหยินผู้เฒ่าอาศัยเพียงยาต้ม น้ำแกงโสม และน้ำแกงเพื่อเลี้ยงชีวิตเท่านั้น นางไม่สามารถกินอาหารอื่นใดได้ ดังนั้นสิ่งที่ขับถ่ายออกมาจึงเป็นน้ำ สะใภ้เซี่ยเห็นแล้วก็เป็นลมทำที จากนั้นก็ล้มป่วย
ทนไม่ไหวแล้ว
ฉินหลิวซียิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย นี่เพิ่งจะไม่ถึงสิบวันเอง ก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว
“ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ฟื้น เจ้าก็จะยื้อไปเรื่อยๆ แบบนี้หรือ” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเองก็ได้ข่าวการป่วยหนักของนางฉินผู้เฒ่า
ฉินหลิวซีจับชีพจรเขาพลางเอ่ย “ไม่อย่างนั้น หรือว่าข้าจะต้องลงไปหายมบาลในปรโลก แล้วขโมยสมุดบันทึกกรรมมายืดอายุให้นางหรือไม่”
หัวใจนักพรตเฒ่าชื่อหยวนเต้นรัว เขาเอ่ย “เรื่องที่ขัดลิขิตสวรรค์เช่นนี้ เจ้าอย่าได้ทำเชียว ไม่มีชีวิตของใครคู่ควรให้เจ้าฝืนกฎธรรมชาติ”
ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา ตาเฒ่าพูดแฝงความนัย
“จำคำพูดอาจารย์ได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีรับคำโดยไม่ใส่ใจ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนโกรธมาก “ถ้าเจ้ายังทำขอไปทีอีก ข้าจะกลับอารามเดี๋ยวนี้”
มาสิ สู้กันสักตั้งเลย!
นักพรตเฒ่าชื่อหยวน “…”
การกักตนของนางเท่ากับไม่ทำงาน เกียจคร้าน ไม่ทำอะไรเลย แล้วบุญกุศลจะมาจากไหน
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนยิ้ม “อายุยังน้อยจะกักตนไปทำไม ให้อาจารย์ทำเถิด” ด้วยกลัวว่าศิษย์เนรคุณผู้นี้จะกักตนจริงๆ เขาจึงไม่ลืมที่จะเอ่ย “อาจารย์ไม่อยู่ เจ้าอาวาสน้อยอย่างเจ้าก็ต้องดูแลอารามชิงผิง แม้ว่าชิงหย่วนจะดูแลเรื่องต่างๆ ได้ แต่เจ้าต้องรู้ว่าเสาหลักที่แท้จริงของอารามชิงผิงเราก็คือเจ้า!”
ลูกพี่ซี “ท่านกักตนไปเถิด ไม่ต้องกังวล”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนขึงตาใส่นางอย่างโมโห ข้าแก่แล้ว ศิษย์เนรคุณก็ยิ่งไม่เกรงใจมากขึ้นทุกที
หลังจากออกจากเส้นเลือดมังกร รอยยิ้มของฉินหลิวซีก็จางไปเล็กน้อย นางลูบหน้าผาก นับนิ้วคำนวณว่าใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว ผลพุทธะควรจะสุกแล้ว เขาน่าจะได้มันมาแล้วกระมัง?
หลังจากเดินออกจากเส้นทางหยิน แล้วฉินหลิวซีก็ยืนอยู่ที่เรือนในอารามชิงผิง ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็รู้สึกเย็น นางยื่นมือออกไปแตะ เกล็ดหิมะก็กลายเป็นน้ำ
นางเงยหน้าขึ้น
หิมะตกแล้ว
หิมะแรกของปีมาค่อนข้างเร็ว เดิมทีก็เป็นเป็นเพียงเกล็ดหิมะเล็กๆ แต่มันค่อยๆ กลายเป็นเกล็ดหิมะขนาดใหญ่ ท่ามกลางหิมะขาวโพลน มีจุดสีแดงเล็กๆ ปรากฏให้เห็นในสายตา
ใกล้เข้ามามากขึ้น
เร็วขึ้นทุกที
ฉินหลิวซีเฝ้ามองเงาสีแดงขนาดใหญ่ที่ตกลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดุจสายฟ้า นางกะพริบตา ชั่วขณะสิ่งนั้นกำลังจะกระแทกศีรษะ นางก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
แปะ
ฉินหลิวซีมองไปที่ลูกกลมๆ ที่อยู่แทบเท้า เงียบไปก่อนจะเอ่ย “แค่ไม่เจอกันพักเดียว ทำไมต้องถึงขั้นกราบเบญจางคประดิษฐ์ด้วย?”
“หุบปากไปเลย!” ลูกกลมๆ บนพื้นพลิกกลับ เปลี่ยนจากลูกกลมๆ ขนฟูขนาดใหญ่กลายเป็นคน ร่างกายสีแดงเพลิง ใบหน้าสวยงาม เขานอนตะแคงเอามือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ ชี้นิ้วกล่าวหานาง “ท่านไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักรับข้าบ้าง ข้าอุตส่าห์อยู่ที่นั่นตั้งหลายเดือนเพื่อเก็บผลไม้ให้ท่าน ท่านกลับไม่ยอมยื่นมือออกมารับข้าด้วยซ้ำ แถมปล่อยให้ข้าล้มลงกับพื้น ชอบรังแกจิ้งจอกใช่หรือไม่”
เฟิงซิวโกรธจนปลายนิ้วสั่น หญิงใจร้ายผู้นี้
ฉินหลิวซี “ของกระแทกจากที่สูงฆ่าคนตายได้นะ เข้าใจหรือไม่ หน้าอย่างเจ้าหรืออยากจะเป็นคู่นกยวนยางผีกับข้า? ฝันไปเถิด!”
เฟิงซิว “?”
เขาคิดอย่างนั้นที่ไหน? แล้วเป็นนกยวนยางเป็นๆ ไม่ได้หรือ ทำไมจะต้องอยากเป็นผีตัวเย็นๆ ด้วย?
อืม เมื่อนางพูด โลกก็เย็นลงแล้ว
“บนพื้นดินไม่หนาวหรือ โอ้ ข้าลืมไปว่าภูเขาเทียนซานเย็นกว่านี้อีก จิ้งจอกหิมะอย่างเจ้าไม่สนใจ ข้าขอตัวก่อน นอนต่อไปเถิด” ฉินหลิวซีหันหลังกลับและจากไป
เฟิงซิวกระโดดขึ้น สะบัดเกล็ดหิมะออกจากร่าง และไล่ตามไปทันที
บรรพชนน้อยผู้นี้ใจร้ายและไม่เกรงใจเสมอต้นเสมอปลาย
หลังจากติดตามฉินหลิวซีเข้าไปในห้องแล้ว เฟิงซิวหันไปมองฉินหลิวซีตรงๆ หลังจากที่มองประเมินแล้ว คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่น และไม่ได้ทำหน้าตาขี้เล่นอย่างหาได้ยาก “เหตุใดถึงได้ซีดเซียวและผอมลเช่นนี้ ตอนที่ข้าไม่อยู่ มีเรื่องยุ่งยากหรือ”
“มีเรื่องยุ่งยากมากมายจริงๆ” นางหยิบเรื่องสำคัญขึ้นมาเอ่ย รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่ชื่อเจินจื่อก่อขึ้นด้วย
เฟิงซิวขมวดคิ้วมุ่นหนักขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ฟังดูเหมือนพวกเขาคิดจะเชิญเทพมานะ”
เพียงแต่ว่าเทพองค์นี้เป็นเทพที่ชั่วร้าย
ดวงตาของฉินหลิวซีฉายแววเย็นเยียบ “เพราะอยากเป็นเทพน่ะสิ”
ต่อให้เป็นเทพชั่วร้าย เมื่อมีผู้ศรัทธา มีความเชื่อมั่น จึงมีอยู่จริง
“มารเอ้อฝูนี้ดูเหมือนจะรับมือได้ยากกว่าที่เราคิด” เฟิงซิวกังวลเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเขาเป็นปีศาจเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายพันปี ไม่ต้องพูดถึงความรู้ แค่สามารถหลบหนีจากการถูกคุมขังในมหาอเวจีนรกหลายพันปีและก่อปัญหาได้ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว
ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณและสามารถบำเพ็ญตนเป็นเซียนได้ คนเช่นนี้อยากจะเป็นเซียนเป็นเทพก็คงจะง่ายกว่าปัจจุบันมาก
สิ่งสำคัญคือคู่ต่อสู้ยังใจเย็นด้วย
ต่อให้พวกท่านที่อยู่ภายนอกจะกังวลแค่ไหน เขาก็ไม่กังวล พอใจง่ายๆ ถ้าไม่มีเงื่อนไขที่จะเป็นเทพก็สร้างขึ้นเอง วางแผนใหญ่ก่อน สำหรับลูกหมาลูกแมวที่ออกมาขัดขวาง ก็หยอกล้อเป็นงานอดิเรก
ถุยๆๆ
พวกเขาไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวเสียหน่อย
ทันใดนั้นภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเฟิงซิว อีกฝ่ายยืนอยู่บนที่สูงเอามือไพล่หลัง สายตาดูถูก ในสายตาของข้า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นมดปลวก เป็นสวะ!
เขาตัวสั่นทันที รังเกียจ
เพียะ
หน้าผากเฟิงซิวถูกเคาะทีหนึ่ง
“มโนอะไร?” ฉินหลิวซียื่นมือออกมา “อย่าไปคิดเรื่องไม่จริงพวกนั้นเลย ไม่มีอะไรต้องกังวล ผลพุทธะเล่า”
เฟิงซิวหยิบกล่องหยกสลักยันต์รวมวิญญาณออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นให้นางพลางเอ่ย “ไม่ใช่ว่าพลังตบะของอาจารย์ท่านถดถอยลงกว่าเดิมหรือ ถ้าอย่างนั้นต่อให้ท่านหลอมยาออกมาได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ไม่มีโอกาสและพลังตบะที่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถสร้างรากฐานได้”
“ถ้ายังพูดไม่หยุด ข้าจะหั่นเจ้า” ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขา รับกล่องหยกไปแล้วเปิดออกเล็กน้อย กลิ่นหอมที่ชัดเจนและเย้ายวนใจลอยออกมาจากกล่อง ทำให้ใจคนสั่นสะท้าน
นางวางกล่องไว้ตรงหน้า เมื่อเห็นผลพุทธะที่ดูเหมือนจะเปล่งแสงพุทธะอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา สายตาของนางก็แสดงความพึงพอใจและยินดีปรีดา นางปิดกล่องแล้วเอ่ยกับเฟิงซิวอย่างมีความสุขว่า “ไม่เลว ถ้าโชคดีหลอมยารากฐานปราณนี้ได้มากหน่อย ข้าจะเก็บไว้ให้เจ้าด้วยเม็ดหนึ่งอย่างแน่นอน”
เฟิงซิวเอ่ย “เทียบกับเรื่องนี้แล้ว ข้าคิดว่าท่านควรสนใจอีกข่าวหนึ่งมากกว่า ตอนที่ข้ากำลังรอผลพุทธะสุกอยู่ที่นั่น ข้าจับหวงเซียนที่ต้องการแย่งผลพุทธะกับข้าได้ จึงได้รู้เรื่องหญ้าคืนชีพเก้าความตาย ท่านลองเดาดูสิว่ามันอยู่ที่ไหน”