คุณสามีพันล้าน - บทที่ 200 ความสงสัยของประยสย์
คุณย่าชนิศาเข้าใจแล้ว เธอเอ่ยอย่างรู้สึกปวดใจว่า “นายเองก็ผ่านมาได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ มันคงยากสำหรับนายมาก”
แม้หลานสะใภ้เธอจะถูกครอบครัวชาวนาเก็บไปเลี้ยง แต่คนบ้านตระกูลวาชัยยุงก็ดีกับเธอยิ่งกว่าลูกสาวแท้ๆ
พูดได้ว่า ชีวิตของเทวิกาดีกว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอมาก
“แค่ผมกับแม่ผมสามารถหาวิกาเจอได้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมก็ดีใจมากแล้ว ไม่ว่าจะผ่านความลำบากมามากขนาดไหน ผมก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้ว”
แค่ตามหาน้องสาวเจอ ประยสย์ก็รู้สึกว่าความยากลำบากที่ตัวเองเคยเจอมานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือต่อให้เขาผ่านความยากลำบากและความโศกเศร้าจนถึงที่สุด แต่สุดท้ายกลับตามหาน้องสาวไม่เจอ
คุณปู่ภูธิปที่เงียบมาโดยตลอดพลันถามว่า “ตระกูลสาระทาพวกนายอยู่ที่เมืองซูเพร่านั้นเปรียบเสมือนราชา น้องสาวนายก็เป็นคุณหนูทายาทสายตรงอีก ใครกันที่ใจกล้าและมีความสามารถมากจนอุ้มวิกาออกไปจากตระกูลสาระทาได้ ซ้ำยังเร่ร่อนหนีมาถึงเมืองแอคเซสซ์”
ต้องรู้ไว้ว่าเมืองแอคเซสซ์กับเมืองซูเพร่าไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกัน ระหว่างนั้นก็มีหลายจังหวัดและมีเมืองนับไม่ถ้วนคั่นกลาง
ประยสย์เล่าความจริงที่เขาได้ยินมาให้คนชราทั้งสองคนฟัง
ที่เมืองซูเพร่า ตระกูลสาระทาบอกกับคนนอกว่าวรันธรลักลอบเข้ามาในตระกูลสาระทาแล้วอุ้มเนตรดาวไป
ตอนนั้นประยสย์เองก็เพิ่งอายุครึ่งขวบ ย่อมจำอะไรไม่ได้ นี่เป็นเรื่องที่เขาถามแล้วเพิ่งรู้ในตอนโต
หากพูดถึงระบบความปลอดภัยที่เคร่งครัดของคฤหาสน์สาระทา แม้วรันธรจะสามารถลักลอบเข้าไปได้ อยากจะอุ้มขโมยเนตรดาวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจในตอนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอกลับทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าน้าสามก็คือหนอนบ่อนไส้ เพราะตอนนั้นน้าสามมีเจนสันแล้ว เจนสันเป็นเด็กผู้ชายแต่กลับไม่ถูกรักเท่าเนตรดาว ผู้หญิงคนนั้นใจแคบ ชอบอิจฉาริษยาและเปรียบเทียบ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะช่วยวรันธรอุ้มขโมยเนตรดาวไป
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อไปสืบอีกทีก็สืบไม่เจอหลักฐานที่พิสูจน์ว่าน้าสามเป็นคนทำแล้ว
เขาสืบไม่เจอ แต่พ่อเขาล่ะ?
ประยสย์ไม่เชื่อว่าพ่อเขาจะสืบไม่พบ นอกเสียจากว่าคนที่ช่วยวรันธร ก็คือคนที่พ่อทำอะไรไม่ได้
พ่อกับอาสามเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ได้ยินว่าตอนที่อาสามยังเด็ก เขาติดพ่อมากๆ พ่อเขาอายุมากกว่าอาสามหกปี เรียกได้ว่ามองดูอาสามตั้งแต่เด็กจนโต
หากน้าสามเป็นคนทำ แล้วอาสามอ้อนวอนแทนน้าสาม……
ประยสย์รู้สึกหัวใจเย็นเฉียบ อาจจะเพราะว่าในสายตาของพ่อ ลูกสาวที่สูญหายไปเทียบกับน้องชายแท้ๆไม่ได้
พ่อกับพลอยไพลินก็รักใคร่กลมเกลียวกันมาก อายุของพลอยไพลินเป็นลูกสาวพ่อเขายังได้ แต่เธอกลับเต็มใจแต่งเข้าตระกูลสาระทาเป็นนายหญิงตระกูล เพื่ออะไร? ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้เลย
จู่ ๆประยสย์ก็สงสัยว่าพ่อรู้ใช่หรือเปล่าว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้ เพียงแต่แสร้งทำเป็นสืบไม่เจอ หาตัวหนอนบ่อนไส้ออกมาไม่ได้ หลังจากน้องสาวสูญหายไป ก็ป่าวประกาศอีกว่าจะยกมรดกครึ่งหนึ่งให้เนตรดาวสืบทอด ทำให้ทุกคนอิจฉาริษยา แล้วนำพาความอันตรายมาให้น้องสาว?
“ย่านายก็……ทำเกินไปจริงๆ วิกาหายตัวไปก็ไม่ใช่ความต้องการของแม่นาย เธอโยนความผิดทั้งหมดให้แม่นายได้ยังไงกัน ถ้าจะโทษ ก็ควรโทษพ่อนายด้วยซ้ำ เพราะเป็นหนี้รักที่พ่อนายก่อเองด้านนอก เลยทำให้วิกาหายสาบสูญไป”
ฟังประยสย์เล่าจบ คุณย่าชนิศาก็โมโหสุดๆ
“ด้วยฐานะของบ้านพวกนาย เมื่อยี่สิบสามปีก่อน บ้านพวกนายก็น่าจะมีกล้องวงจรปิดแล้วสินะ ไม่มีใครเห็นวิกาถูกอุ้มไปเลยเหรอ?”
แม้สมัยนี้จะเป็นยุคที่ไม่ว่าที่ไหนก็มีกล้องวงจรปิดทุกที่ ทว่า กล้องวงจรปิดก็เพิ่งถูกนำเข้ามาในประเทศได้ยี่สิบสามสิบปี วิกาถูกคนอุ้มออกจากบ้านเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ตอนนั้นตระกูลสาระทามีกล้องวงจรปิดหรือไม่ จริงๆแล้วก็พูดยากอยู่เหมือนกัน
“ตอนนั้นบ้านพวกผมติดกล้องวงจรปิดแค่ไม่กี่ตัวที่บริเวณรอบนอก ภายในคฤหาสน์ไม่มีกล้องวงจรปิด สามารถเห็นได้แค่วรันธรอุ้มน้องสาวผมออกมา แต่ไม่เห็นว่าใครเป็นคนช่วยเธอ”
ประยสย์ถอนหายใจ เรื่องเกิดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ยุคนั้นเองไม่มีเทคโนโลยีทันสมัยไปหมดทุกที่เหมือนยุคปัจจุบัน
เมื่อก่อนตามหาคนก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
อย่าว่าแต่เมื่อก่อนเลย ตอนนี้จะตามหาคนคนหนึ่งก็ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทรเช่นกัน
หากตามหาคนคนหนึ่งง่ายดายขนาดนั้น ก็จะไม่มีเด็กกสูญหายไปมากมายขนาดนั้นแล้ว ครอบครัวเหล่านั้นที่สูญเสียเด็กไป ก็มีไม่น้อยที่ยังคงพยายามตามหาเด็กอย่างไม่ย่อท้อมาสิบกว่าปี
แม้แต่ตระกูลสาระทาของพวกเขาที่ร่ำรวยและมีอำนาจปานนี้ ก็ตามหาวิกามายี่สิบกว่าปี
“อาการของแม่นาย หมอว่ายังไงบ้าง? มีโอกาสหายดีหรือเปล่า?”
คุณย่าชนิศาถามอย่างเป็นห่วง
ส่วนคุณปู่ภูธิปก็เอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าตระกูลสาระทาพวกนายจะค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อนเลยสินะ พวกนายตามหาวิกาจนเจอ ก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย”
นึกได้ว่าเทวิกาเคยถูกลักพาตัวมาก่อน คุณปู่ภูธิปก็เอ่ยว่า “ก่อนที่สองแม่ลูกพวกนายจะมาเมืองแอคเซสซ์ วิกาก็เคยเจอกับอันตรายมาก่อนแล้ว โชคดีที่พบทันเวลา ก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บ จนถึงตอนนี้พัฒน์ก็ยังคงสืบหาตัวคนร้าย”
“ฉันเดาว่าน่าจะเป็นคนร้ายเดียวกันกับตอนนั้น เขารู้ก่อนพวกนายว่าวิกาอยู่ไหน อยากจะแย่งจบชีวิตวิกาก่อนที่พวกนายจะหาเธอเจอ”
ประยสย์เห็นด้วยกับที่คุณปู่ภูธิปพูด เขาเอ่ยว่า “หลังจากที่เราสองคนแม่ลูกได้พบกับวิกา ก็ได้ยินจากพัฒน์ว่าวิกาเคยเกิดเรื่องมาก่อน ผมเองก็เดาว่าคนร้ายอยากจะทำร้ายวิกาตัดหน้าพวกผม ให้วิกาไม่สามารถกลับมาที่ตระกูลสาระทาได้”
เพียงแค่วิกาตาย มรดกครึ่งหนึ่งของพ่อ ถ้าไม่ตกเป็นของตระกูลแล้วถูกพวกอาสองอาสามเอาไปแบ่ง ก็ต้องรอให้พลอยไพลินมีลูกแล้วยกให้ลูกพลอยไพลินสืบทอด
ประยสย์มีคนที่สงสัย แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าคนพวกนั้นก็คือคนร้าย
แม้พลอยไพลินจะอายุมากกว่าเขาสองปี แต่ตระกูลเลิศธนโยธาก็ทุ่มเททุกอย่างสนับสนุนให้พลอยไพลินแต่งเข้าตระกูลสาระทาเป็นนายหญิงตระกูล ที่เมืองซูเพร่า อำนาจของพลอยไพลินนั้นใหญ่กว่านายน้อยตระกูลสาระทาอย่างเขามาก
ที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องสู้เพียงลำพัง
บอดี้การ์ดที่เขาสั่งให้ปกป้องแม่ที่บ้านก็ไม่สามารถขัดขวางพวกย่าเขาได้
ที่เมืองซูเพร่า ประยสย์ไม่มีเพื่อนที่จริงใจกับเขา คนเดียวที่เขากล้าเชื่อใจก็คือหลานชายของครอบครัวฝั่งแม่เขา ธนัท ทว่าตระกูลธวัชพลังกรล้มละลายแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีเขาอยู่ มรดกกองสุดท้ายของตระกูลธวัชพลังกรก็คงไม่เหลือแล้ว ญาติพี่ชายธนัทคนนี้ช่วยอะไรเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แม่ผมหายดีได้หรือไม่ หมอก็ฟันธงไม่ได้ ตอนนี้หาวิกาเจอแล้ว ก็ให้วิกาอยู่กับแม่ผมบ่อยๆ ดูว่าพอจะกลับมาเป็นปกติแล้วจำเรื่องราวในอดีตได้หรือเปล่า”
นี่คือความหวังเดียวที่จะทำให้แม่กลับมาเป็นปกติได้
หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลสาระทา สองสามีภรรยาปู่ภูธิปก็สบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณปู่ภูธิปจะเอ่ยกับประยสย์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม้ตระกูลอริยชัยกุลเราจะไม่ชอบเจ้ากี้เจ้าการ แต่วิกาเป็นคุณนายน้อยของตระกูลเรา ยุ่งเรื่องของเธอก็ไม่นับว่าเจ้ากี้เจ้าการ”
“ประยสย์ นายวางใจเถอะ จากนี้ไปพวกนายสองพี่น้องจะไม่ใช่ไม่มีใครให้พึ่งพาแล้ว ตระกูลอริยชัยกุลก็คือแบคหนุนหลังของพวกนาย ที่เมืองซูเพร่า เราเองก็มีเส้นสายอยู่เหมือนกัน”
ไม่ว่ายังไง ตระกูลอริยชัยกุลก็ต้องคืนความยุติธรรมให้เทวิกา จับตัวคนร้ายให้ได้ แบบนี้เทวิกาก็จึงจะถือว่าปลอดภัยจริงๆ
ประยสย์เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณคุณปู่กับคุณย่ามากครับ”
คนแก่สองคนรีบเอ่ยว่า “คนบ้านเดียวกัน ขอบคุณอะไรกัน นายเชื่อใจเราขนาดนี้ เล่าทุกอย่างให้เราฟัง เราจะยังเฉยเมยอยู่ได้ยังไงกัน”
ประยสย์เชื่อใจคนยาก ทว่าเขากลับไม่ปิดบังอะไรกับคนชราทั้งสองของตระกูลอริยชัยกุล จะควรพูดหรือไม่ควรพูด เขาก็บอกไปหมดแล้ว
เขาเชื่อใจคนชราสองคนนี้!