คุณสามีพันล้าน - บทที่ 188 สามีภรรยากันในนาม
ณ One Day In Coffee
หลังจากที่สองสามีภรรยาเทวิกาจากไป กนกอรก็อยู่ในร้านต่ออีกสักพัก เมื่อเห็นว่าคนสัญจรบนถนนยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เธอก็จึงจะปิดร้าน
กำลังจะล็อกประตูร้าน ก็รู้สึกได้ว่าข้างกายมีคน ก่อนจะหันศีรษะไปมอง
พลันปะทะกับดวงตาดำขลับของนฤเบศวร์
กนกอรสบตากับเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองข้างถนน ไม่เห็นรถบอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ และไม่เจอนางฟ้าเปรมาของนฤเบศวร์ด้วยเช่นกัน
เธอล็อกประตูต่อ ปากก็พลางถามนฤเบศวร์ว่า “ทำไมมีแค่นายคนเดียวล่ะ? วันนี้คนในใจนายถูกปล่อยตัวออกมาแล้วนี่ ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องอยู่กับเธอจนถึงเช้าสิ”
ประตูบานด้านนอกสุดของร้านคือประตูเหล็กม้วน ตอนดึงลงมาจะหนักเล็กน้อย
นฤเบศวร์เดินไปข้างหน้าสองก้าว ช่วยกนกอรดึงประตูเหล็กม้วนลงมา
“ฉันไม่ได้เรียกนายมาช่วยนะ นายมาช่วยฉันเอง อย่าคิดจะเอาค่าตอบแทนจากฉัน”
นฤเบศวร์เหลือบตามองเธอ “ได้ค่าใช้จ่ายจากฉันไปหลายแสนทุกเดือน ธุรกิจที่ร้านก็ไปได้ดี เงินทองหลั่งไหลเข้ามาทุกวัน ยังจะงกขนาดนี้อีก”
“ถ้าไม่งกหน่อย แล้วจะมีเงินเก็บได้ยังไงกันล่ะ”
“เงินหาได้ด้วยความพยายามของตัวเอง ไม่ใช่หาได้ด้วยความงก ค่าใช้จ่ายที่ฉันให้เธอทุกเดือน หลายๆคนต้องใช้เวลาสองสามปีถึงจะหามาได้ เธอเดินนำหน้าคนอื่นแล้ว ไม่จำเป็นต้องงกต้องตระหนี่อีก เธอเป็นคนใจกว้างมากเลยนี่ แต่ทำไมถึงงกกับฉันขนาดนี้?”
“เพราะนายรวยกว่าฉันน่ะสิ ฉันมีแต่อยากจะเก็บเงินในกระเป๋านายเข้ากระเป๋าฉัน ไม่อยากทำตรงข้าม”
นฤเบศวร์ “…..”
“เธอเป็นคนปิดร้านทุกคืนเลยเหรอ?”
แม้จะบอกว่ากนกอรกับเทวิกาเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้าเทวิกาเอาเปรียบกนกอร เขา……ทนดูไม่ได้ ต้องคุยกับเทวิกาสักหน่อย
ไม่ใช่ว่าเพราะกนกอรเป็นภรรยาในนามของเขา เขาจึงช่วยกนกอร แต่เพราะเขาเป็นคนยึดมั่นในความยุติธรรม ทนดูเทวิกาพึ่งบารมีของยศพัฒน์กลั่นแกล้งกนกอรไม่ได้
อีกอย่างประตูเหล็กม้วนมันหนักนี่นะ
“ไม่นี่ ปกติเทวิกาจะเป็นคนสุดท้ายที่ปิดร้านตลอดเลย เพราะอพาร์ทเม้นเธออยู่แถวนี้ ฉันต้องขี่รถกลับบ้าน เธอมักจะเร่งให้ฉันกลับบ้านเร็วๆ ตอนนี้ร้านเปิดทำการใหม่แล้ว ลูกค้าเยอะมากๆ ก็เลยยุ่งจนถึงตอนนี้ คุณพัฒน์มารับเทวิกา ฉันก็เลยให้เทวิกากลับไปก่อน”
นฤเบศวร์ “……เทวิกาบอกว่าตัวเองแรงเยอะมาแต่เกิด ให้หล่อนปิดร้านคนสุดท้ายสบายกว่าเธอเยอะเลย”
กนกอรมองเขา เอ่ยว่า “ฉันก็เคยเรียนเทควันโดมาเหมือนกัน แรงฉันก็ไม่ได้น้อย น่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงทั่วๆไปนิดหน่อย”
“เหอะ”
นฤเบศวร์แค่นเสียงเหอะ แฝงแววเหน็บแนมอย่างชัดเจน “ที่เธอฝึกน่ะมันดูดีแค่ท่าแต่ใช้การไม่ได้ จะบอกว่าเคยฝึกจริงๆไม่ได้หรอกนะ ถ้าสู้กับผู้หญิงที่อ่อนแอ เธอได้เปรียบ แต่ถ้าสู้กับผู้ชาย เธอก็ไม่ใช่ฝ่ายได้เปรียบแล้ว พละกำลังของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตกต่างกันโดยกำเนิด”
แต่ก่อนกนกอรเคยเรียนเทควันโด
ในสายตาของนฤเบศวร์ กนกอรสู้ไม่เก่งจริงๆ
“ไม่ว่ายังไง ป้องกันโรคจิตได้ก็พอ”
นฤเบศวร์ “……”
เขาอยากบอกว่าพวกโรคจิตที่เก่งขึ้นมาหน่อย เธอป้องกันไม่ได้หรอก
ยกตัวอย่างเช่นเขา
เอ่อ!
เขาไม่ใช่โรคจิตนะ
กนกอรนั่งควบจักรยานไฟฟ้า กำลังจะไป
นฤเบศวร์กลับกดหัวจักรยานไฟฟ้าของเธอเอาไว้
“ยังมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ว่ามาเถอะ ฉันให้เวลานายอีกไม่กี่นาที”
นฤเบศวร์รู้สึกขบขัน “เวลาเธอมีค่ามากเลยเหรอ? พูดซะเหมือนว่าตัวเองยุ่งมาก”
“ใช่แล้ว เวลาฉันมีค่ามากเลยล่ะ”
“……ดึกขนาดนี้แล้ว เธอจะกลับไปแบบนี้เหรอ?”
กนกอรถามเขากลับว่า “ฉันไม่กลับไปแบบนี้ แล้วจะกลับแบบนี้? บินเหรอ?”
เธอโบกมือทั้งสองข้างเหมือนปีก แล้วยิ้มเอ่ยอย่างประชดว่า “ฉันไม่ได้มีปีกหรอกนะ บินกลับไม่ได้ และฉันก็ไม่อยากเดินด้วย ยิ่งไม่อยากกลิ้งกลับไป เพราะฉะนั้น ขี่จักรยานไฟฟ้า ไม่ช้าไม่เร็ว ได้ชมวิวกลางคืนพอดีด้วย วิวกลางคืนของเมืองแอคเซสซ์ก็ถือว่าไม่เลวนะ”
นฤเบศวร์เงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ความหมายของฉันคือ เธอผู้หญิงตัวคนเดียว แล้วยังเป็นสาวสวยที่หุ่นดีมากอีกต่างหาก ขี่จักยานไฟฟ้ากลับบ้านมันไม่ปลอดภัย ถ้าสมมติว่าเจอโรคจิตปล้นทรัพย์ข่มขืนทำไง? ดึกขนาดนี้แล้ว คนสัญจรบนถนนก็มีแค่ไม่กี่คน ถึงเธอจะตะโกนขอความช่วยเหลือให้ตาย แม้แต่ผีก็ไม่ได้ยินหรอก”
“นายอยากส่งฉันกลับบ้านก็พูดมาตรงๆเลยสิ ฉันยินดีให้โอกาสนาย ประหยัดเวลาแล้วยังปลอดภัยอีก”
นฤเบศวร์ทนเห็นเธอได้ใจไม่ได้ อยากจะปฏิเสธ แต่พอจะปริปากก็ดันกลืนคำพูดลงคอไป
“เธอไปเปิดประตู แล้วเอาจักรยานไฟฟ้าไว้ที่ร้าน ฉันค่อยส่งเธอกลับไป”
“แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาทำงานยังไง? นายไปรับฉันเหรอ?”
“ฝันไปเถอะ ฉันไปรับเธอ เธอก็ไม่ให้ค่ารถฉัน ใครมันจะอยากเสียแรงฟรีๆกัน”
กนกอรจิปาก “ในเมื่อนายไม่ไปรับฉัน ฉันทิ้งจักรยานไฟฟ้าไว้ที่ร้าน พรุ่งนี้ก็มาทำงานไม่สะดวกน่ะสิ”
“มีรถเมล์ให้นั่ง ถ้าคิดว่ารถเมล์คนเยอะ ก็เรียกรถแท็กซี่ได้”
“ต้องใช้เงินนี่สิ”
นฤเบศวร์ “……”
เขายื่นมือไปดึงกุญแจออกจากจักรยานไฟฟ้า กุญแจร้านก็ห้อยไว้ด้วยกัน
คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก เขาจึงลงมือเองทีเดียว
เขาเปิดประตูร้าน จากนั้นก็เข็นจักรยานไฟฟ้าของเธอเข้าไป แล้วค่อยล็อกประตูร้านอีกครั้ง
“ประธานตัวร้าย”
นฤเบศวร์เผยสีหน้าถมึงทึง แล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “กนกอร ถ้าเธอเรียกฉันว่าประธานตัวร้ายอีก เชื่อไหมว่าฉันจะตัดลิ้นเธอป้อนหมา”
“ก็ชินแล้วนี่นา ชินแล้วก็มีเผลอบ้าง”
กนกอรนั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วแลบลิ้นอย่างทะเล้น
“จะว่าไปแล้ว ประธาน……นฤเบศวร์ นายส่งฉันกลับบ้านแบบนี้ ถ้านางฟ้านายรู้เข้าแล้วจะตบหน้าฉันอีกหรือเปล่า?”
“ไหนเธอบอกว่าเธอเคยฝึกมาก่อนไม่ใช่เหรอ?”
“อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ถ้านางฟ้านายตบหน้าฉัน ฉันก็ตบหน้าหล่อนคืนได้สินะ หล่อนดูอ่อนแอเหมือนแค่ลมพัดก็ล้ม ถ้าฉันตบหน้าหล่อนหลายที หน้าหล่อนก็จะบวมเป่งเหมือนหัวหมูแน่ ๆ จากนั้นก็จะร้องไห้ฟูมฟายใส่นายว่า ‘เบศวร์ หน้าฉันเจ็บจังเลย เจ็บมากๆ นายเป่าให้ฉันหน่อยสิ’”
“ฉันสร้างโอกาสให้นาย นายคว้าเอาไว้ได้ก็พอ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ”
เดิมทีนฤเบศวร์สตาร์ทรถแล้ว พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาก็ดับเครื่อง ก่อนจะยื่นตัวไปหาเธอ กนกอรตกใจจนรีบถอยหลบ แต่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ประตูก็ล็อกอีกต่างหาก จนเธอหนีไปไหนไม่ได้
เห็นสีหน้าถมึงทึงของเขา กนกอรกระพริบตา เพียงครู่เดียวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาจึงเผยสีหน้าถมึงทึง
“กนกอร!”
นฤเบศวร์พูดเตือนเธอเสียงเย็นว่า “อย่าคิดจะแตะเปรมาแม้แต่เส้นผมเดียว ก็จริงที่เธอเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ไม่ได้แรงเยอะมาแต่เกิดเหมือนเทวิกา และก็ไม่เคยฝึกมาก่อนเหมือนเธอ ถ้าเธอกล้าตบหน้าเปรมา ระวังฉันจะ……”
กนกอรผลักเขาออก ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้เกินไป
“นายเป็นคนพูดเอง ว่าฉันเคยฝึก นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าเปรมารู้ว่านายส่งฉันกลับบ้านแล้วมาหาเรื่องฉัน ก็ให้ฉันเอาคืน? แน่นอน แม้นายไม่บอกฉัน หล่อนมาหาเรื่องฉัน ฉันก็จะเอาคืนเหมือนกัน แม้แต่คนโง่ก็ไม่ยอมให้หล่อนตบหน้าฟรีๆหรอกนะ ไม่ได้ติดหนี้อะไรหล่อนสักหน่อย”
“ถ้าพูดกันตามตรง ฉันสิที่ควรจะหาเรื่องหล่อน ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย หล่อนเป็นคนอะไรของนาย?”
นฤเบศวร์ “……กนกอร เราสองคนเป็นสามีภรรยากันในนามเท่านั้น คนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยเป็นเปรมามาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะปู่ฉันบังคับฉัน ฉันก็ไม่มีทางแต่งงานกับเธอหรอก กรุณาจำไว้ด้วยว่าเรามีความสัมพันธ์ร่วมมือกัน!”