คุณสามีพันล้าน - บทที่ 018 นายทำได้เหรอ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 18 นายทำได้เหรอ
ยศพัฒน์หยิบใบทะเบียนสมรสออกมาสองใบโดยไม่รีบร้อน เขาวางใบทะเบียนสมรสทั้งสองไว้บนโต๊ะกาแฟและพูดกับแม่ยายว่า “คุณแม่ครับ เทวิกากับผมจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทะเบียนสมรสเป็นของจริงแน่นอนครับ เธอกับผมเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ของปลอมครับ”
พิชญ์สินีหยิบใบทะเบียนสมรสขึ้นมาเปิดดู
รูปถ่ายงานแต่งงานของคู่หนุ่มสาวในทะเบียนสมรสนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก บนใบหน้าของทั้งคู่มีรอยยิ้มที่จริงใจ ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อทั้งคู่ได้ใบทะเบียนสมรส มันคือสิ่งที่ต่างคนต่างต้องการจริงๆ ไม่มีการหลอกลวงหรือบังคับ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลูกชายพูด พิชญ์สินีจึงเอาทะเบียนสมรสสองใบให้สามีของเธอดู และถามยศพัฒน์ว่า “แม้ว่าเธอและเทวิกาจะรู้จักกันมาหลายปี แต่พวกเธอทั้งคู่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันเป็นการส่วนตัวมากนัก ทำไมถึงคิดจะแต่งงาน”
หลังจากที่ลูกสาวพลาดนัดบอดไปหลายสิบครั้ง
พิชญ์สินีไม่อยากสงสัยว่าลูกสาวกับยศพัฒน์กำลังแกล้งทำเป็นสามีภรรยากัน แต่เธอต้องสงสัยว่ามันบังเอิญเกินไป
ยศพัฒน์อธิบายด้วยสีหน้าอ่อนโยน “คุณแม่ครับ ผมตกหลุมรักเทวิกามานานมากแล้ว เพียงแต่เทวิกาอายุน้อยกว่าผม ผมจึงจำต้องอดทนรอเพื่อให้เธอโตก่อน และผมก็อยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคงก่อนด้วย แล้วค่อยมาสารภาพรักกับเทวิกาครับ”
“ผมไม่ได้คาดคิดว่าตอนที่ผมทำงานหนักเพื่ออาชีพที่มั่นคง เทวิกาจะไปมีแฟน และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ค่อนข้างดี แม้ว่าผมจะเศร้า แต่ก็เคารพทางเลือกของเทวิกาครับ ตราบใดที่เทวิกามีความสุข ต่อให้ไม่ได้อยู่กับผม ผมก็จะอวยพรให้เธอครับ”
ยศพัฒน์พูดได้น่าฟังเสียยิ่งกว่าร้องเพลง
ถ้าเพื่อนเขามาได้ยินคำพูดนี้ คงจะว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าแผนการ
“เนื่องจากบริษัทของผมอยู่ใกล้กับ One Day In Coffee ผมจึงนัดลูกค้าไปคุยเรื่องงานที่นั่น จนได้พบเห็นการนัดบอดที่ล้มเหลวของเทวิกาเข้า จึงได้รู้ว่าเธอกับแฟนเลิกรากันไปครึ่งปีแล้ว”
“เทวิกายังคงกังวลเรื่องนัดบอด ผมเห็นเธอทุกข์ใจจึงปวดใจมาก ผมรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะสารภาพรัก ผมเลยบอกความในใจและขอเธอแต่งงาน หลังจากที่เทวิกาตกลง เราก็ไปทำพิธีแต่งงานกันครับ”
“คุณแม่ครับ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ พูดได้เพียงว่าหลังจากคลาดกันไปมา เทวิกาก็กลับมาสู่โลกของผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมคว้าโอกาสและไม่อยากพลาดอีก”
คนในบ้านตระกูลวาชัยยุง “………”
รู้สึกเหมือนฟังนิทาน
เทวิกาที่ช่วยพี่ชายหั่นผลไม้ก็ได้ยินสิ่งที่ยศพัฒน์พูดด้วย อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ: พี่พัฒน์มีพรสวรรค์ด้านการแสดงนะ น่าเสียดายที่เขาไม่ไปเป็นดารา
เขารูปหล่อ นิสัยดีเยี่ยม และยังแสดงได้ น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้เป็นดารา
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นนางเอกในเรื่อง เทวิกาคงจะเชื่อในสิ่งที่ยศพัฒน์พูดไปแล้ว
“คุณแม่ครับ ถึงผมกับเทวิกาจะแต่งงานกันปุบปับ แต่เราก็คิดทบทวนกันอย่างรอบคอบแล้ว จะไม่มีทางเสียใจภายหลัง ผมสัญญาว่าจากนี้เป็นต้นไปผมจะดูแลเทวิกาให้ดี จะรักเธอ ตามใจเธอ และไม่มีวันทำให้เธอต้องทุกข์ใจแม้แต่น้อย”
คนในบ้านตระกูลวาชัยยุงเงียบไปนานมาก
ไม่รู้จะพูดอะไรดี
คุณสมบัติของยศพัฒน์นั้นดีที่สุดเมื่อเทียบกับคนที่เทวิกานัดบอดด้วย
ทั้งยังรู้จักกันมานาน
“ยศพัฒน์ มา ดื่มชาสิ”
“พี่พัฒน์ ทานผลไม้ค่ะ”
สองพี่น้องเดินตามกันมา
เทวิกาแอบยกนิ้วโป้งให้ยศพัฒน์
ยศพัฒน์มองไปที่เทวิกาอย่างลึกซึ้ง ท่าทางของเขาตกอยู่ในสายตาของคนในบ้านตระกูลวาชัยยุง มันเต็มไปด้วยความรักใคร่
สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวาน
เทวิกา: …บัดซบ!
พี่พัฒน์แสดงเหมือนจริงเกินไปแล้วนะ!
เธอเกือบจะคิดว่าเขารักเธอจริงๆ
“ในเมื่อพวกเธอสองคนได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว งั้นเราจะพูดอะไรก็คงไม่ดี ยศพัฒน์ บ้านของเธออยู่ที่ไหน เราควรไปเยี่ยมสักหน่อย”
พิชญ์สินีระงับความอาลัยอาวรณ์ในหัวใจ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ก้อนกลมเล็กๆ ถูกพากลับมา ผ่านการเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างดี เธอเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่งสะสวย และตอนนี้ยังแต่งงานแล้วด้วย
แม้ว่าเธอมักจะเร่งให้แต่งงานและจัดการนัดบอดให้กับเทวิกาอยู่เสมอ แต่คนที่อาลัยอาวรณ์ในตัวเทวิกามากที่สุดก็คือเธอผู้เป็นแม่คนนี้
ยศพัฒน์ยิ้มบาง “บ้านของผมอยู่นอกเมืองครับ ตั้งอยู่ห่างไกลมาก ต้องใช้ระบบนำทางที่ทันสมัยเพื่อไปที่นั่น ผมจะบอกคุณพ่อคุณแม่ และให้พวกท่านมาเยี่ยมที่นี่ครับ”
พิชญ์สินีส่งเสียงอืมตอบรับ “เธอกับเทวิกาจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เราในฐานะพ่อแม่ก็ต้องพบกัน ใครจะมาจะไปก็ไม่ต่างกัน”
ต่อให้พ่อแม่ของยศพัฒน์จะมา บ้านตระกูลวาชัยยุงก็ต้องไปเยี่ยมบ้านตระกูลบุญเยี่ยมอยู่ดี
ในอนาคตลูกสาวของพวกเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่บ้านของบ้านตระกูลบุญเยี่ยม จึงจำเป็นต้องรู้ที่อยู่ของลูกสาวเสมอ
“ช่วงนี้อาจจะไม่สะดวกครับ”
ยศพัฒน์กล่าวขอโทษ “คุณพ่อคุณแม่ของผมยังไม่กลับจากการไปท่องเที่ยวต่างประเทศ คาดว่าต้องเดือนหรือสองเดือนพวกเขาถึงจะกลับมา”
พิชญ์สินี “…แสดงว่า เธอกับเทวิกาไม่รีบจัดงานแต่งเหรอ”
ยศพัฒน์มองไปยังเทวิกา ยังคงมีสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู “เรื่องนี้แล้วแต่เทวิกาครับ เธออยากจัดงานแต่งเมื่อไร เราก็จะจัดเมื่อนั้นครับ”
“คุณพ่อคุณแม่ครับ เรื่องสินสอดทองหมั้น พวกคุณต้องการอะไรก็พูดได้เลยนะครับ ผมจะหามาให้ทุกอย่างที่ทำได้เลย”
เทวิกาหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมากัดขณะฟังไปด้วย
พูดถึงขั้นสินสอดทองหมั้นและงานแต่งงานด้วย
พี่พัฒน์เป็นนักแสดงที่ทุ่มเทและเก่งจริงๆ เป็นหนี้รางวัลออสการ์สำหรับเขาแล้ว
“เราไม่มีข้อกำหนดอะไรหรอก เราจะยอมรับเท่าที่เธอเต็มใจจะให้ ไม่ว่าจะให้สินสอดมากมายเท่าไร เราจะไม่เก็บไว้สักส่วนเดียว ทั้งหมดจะคืนให้เทวิกา เราแต่งลูกสาว ไม่ขายลูกสาวกิน จะไม่พูดเรื่องเงิน”
นี่คือคำกล่าวของสิรภพในฐานะหัวหน้าครอบครัว
“คุณแม่”
ชเนนทร์เรียกเสียงเบา
นี่ไม่ใช่ว่าตัดสินตกลงกันเรียบร้อยแล้วเหรอ
ทำไมอยู่ดีๆ ก็ผิดหัวข้อไปถึงขั้นคุยเรื่องสินสอดทองหมั้นกันแล้วล่ะ
พิชญ์สินีเหล่มองลูกชายก่อนจะพูดกับยศพัฒน์ว่า “ยศพัฒน์ พี่ชายเธอมีคำถามสองสามข้อจะถามเธอ เธอต้องตอบอย่างตรงไปตรงมานะ”
ชเนนทร์ “?”
ไม่กี่นาทีต่อมา
ชั้นบนของบ้านตระกูลวาชัยยุง
ชเนนทร์เอนหลังพิงราวระเบียงเผชิญหน้ากับยศพัฒน์
ลมกลางคืนพัดมาพาให้รู้สึกสดชื่น
“ชเนนทร์ นายมีอะไรจะถามเหรอ”
“มีบุหรี่ไหม”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่สูบ”
เขาจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่
“เทวิกาก็ไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่ ครอบครัวนายคงไม่มีใครสูบบุหรี่ใช่ไหม”
ชเนนทร์พูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่มีใครสูบก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่สูบ”
“นายอยากถามอะไรก็ถามมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องพูดฉันก็รู้หมดแล้ว”
ชเนนทร์สูดหายใจเข้าลึก แล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “นายทำได้เหรอ”
ยศพัฒน์ “…ชเนนทร์ นายพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม”
เขาทำได้เหรอ?
หมายถึงด้านไหน
“ฉันหมายถึงนายเป็นผู้ชายหรือเปล่า นายเป็นผู้ชายบังหน้าใช่ไหม ความจริงแล้วเป็นขันทีใช่ไหม หลายปีมากที่นายไม่เข้าใกล้ผู้หญิงสักคน ฉัน ไม่สิ พวกเพื่อนร่วมชั้นชายต่างคิดว่านายไม่มีความสามารถในการสืบพันธ์หรืออาจมีความบกพร่องทางจิต”