คุณคนเดียวเท่านั้น - ตอนที่ 31 บังคับตัวเองให้เข้มแข็ง
ไม่รู้ทำไม ฟังคำอธิบายของเสิ่นฉวนชีอย่างจริงจัง ทันใดนั้นก็มีความคิดซ่งอีนั่วก็แวบเข้ามาในหัว มีผู้ชายนอนอยู่ข้างเธอ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นเตะส่วนที่สำคัญที่สุดของผู้ชายคนนั้น
เธอตัวสั่นพร้อมกับส่ายหัวอย่างแรง มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ มองยังไงเสิ่นฉวนชีก็ไม่น่าใช่ผู้ชายที่ไร้ยางอายแบบนั้น เธอน่าจะคิดมากเกินไป
อาหารมื้นี้ ซ่งอีนั่ว ไม่มีกระจิตกระใจในการกินข้าวเลย
ระหว่างที่กินข้าวนั้น เสิ่นฉวนชีรับโทรศัพท์ไปหลายสาย สายที่โทรมาเกี่ยวข้องกับงานทั้งนั้น แต่สายสุดท้ายที่โทรเข้ามาคือซ่งจื่อจิง เมื่อซ่งอีนั่วได้ยินเสียงเรียก จื่อจิง ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ระหว่างที่กินข้าว เธอก็มองไปที่เขา
เสิ่นนฉวนชีก็ไม่ได้มองเธอเลย แต่เขากลับมองวิวในเมืองยามค่ำคืน จู่ๆสายตาคู่นั้นก็อ่อนโยนลง
“ฉวนชี คุณมีธุระหรือเปล่า” ซงจือจินนั่งอยู่ในห้องวีไอพีของร้านขายเครื่องประดับ มือขวาของเธอสวมแหวนขนาดใหญ่
เธอคิดว่ายังไง เธอก็จะหย่ากับเสิ่นฉวนชีแล้ว คงมีเวลาไม่มากที่จะได้แบล็กเมล์เขา เพราะอีกหน่อยคงไม่มีโอกาสที่จะได้แบล็กเมล์เขาอีกแล้ว
เสิ่นฉวนชีตอบไปแค่ว่า “อืม” แล้วเขาก็มองไปที่กระจกข้างหลัง แล้วเห็นหน้าตาของซ่งอีนั่วที่กำลังงุนงง เขายิ้มมุมปาก แล้วพูดว่า เป็นอะไร? คิดถึงผมแล้วหรอ?
“แน่นอนฉันคิดถึงคุณ เพราะคุณคือสามีของฉัน แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้ผมก็กลับมาแล้ว”
“งั้นฉันรอคุณอยู่ที่บ้านนะ” ซ่งจื่อจิง ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ งั้นเธอก็ไปยุ่งกับถังโย่วหนานไม่ได้แล้ว .ใช่แล้ว คุณ ตอนที่ฉันกำลังไปซื้อของ ฉันเห็นแหวนวงหนึ่งสวยมาก แต่บัตรเครดิตของฉันวงเงินเต็มแล้ว”
เสิ่นฉวนชี รู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาเลยบอกว่า เอาโทรศัพท์ให้ผู้จัดการ ฉันมีอะไรจะคุยกับเขาหน่อย
ซ่งอีนั่วฟังเขาคุยโทรศัพท์กับผู้จัดการ ในใจเขารู้สึกเป็นห่วง ซ่งจื่อจิงงั้นแธอต้องการของอะไร หรือเงินเท่าไหร่เธอถึงจะพอ แล้วไม่โทรหาฉันอีก สมมติถ้าซ่งจื่อจิงไม่ไปยุ่งกับถังโย่วหนาน เธอจะใช้เงินของเสิ่นฉวนชีเท่าไหร่ก็ได้ เธอถึงจะไม่ก่อเรื่องอีก
แต่ตอนนี้เธอเหมือนอยู่บนเรือสองรำ เธอทั้งนอนกับหลานชาย และยังใช้เงินของเขา เธอยังมีน่ามาใจเย็นอีก แล้วไม่รู้สึกไร้ยางอายบ้างหรอ ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
ซ่งอีนั่วลุกขึ้น แล้วยื่นไปหยิบโทรศัพท์มาแล้วกดวางสายทิ้ง แล้วกดปิดเครื่อง หลังจากนั่นเขาก็นึกถึงใบหน้าของซ่งจื่อจิงที่กำลังโกรธเคือง เธอก็กลับรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
จากนั้นเธอก็คืนโทรศัพท์ให้เสิ่นฉวนชี แล้วมองไปยังอาหารที่เต็มโต๊ะ “จู่ๆก็รู้สึกหิว กินข้าวกันเถอะ”
เสิ่นฉวนชี จ้องมองไปที่เธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ทำไม”?
ซ่งอีนั่วหยิบตะเกียบแล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ เหมือนเธอกำลังอารมณ์เสีย แล้วพูดว่า “ทำไมเพราะอะไร” มีปัญญาใช้เงินซื้อของเอง แต่เงินที่ใช้เป็นของผู้ชายแบบนี้ยังเรียกว่ามีปัญญาได้ยังไง”
“นี่คือเหตุผลที่คุณออกมาทำงานใช่ไหม”?
ซ่งอีนั่ววงตะเกียบลง เธอมองไปที่ปูตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ จู่ๆแววตาของเธอก็เศร้า และพูดว่า: “คุณเคยลองขอความช่วยเหลือจากคนที่คุณรักไหม? แล้วรู้สึกเหมือนถูกคนที่คุณรักทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานี ฉันเคยเป็นมาก่อน”
เสิ่นฉวนชีไปมองที่เธอ เสียงของเธอเงียบสงบ และไม่มีความผันผวนเลย แต่เขารับรู้ถึงความเศร้า