คิงส์แมน ระบบโคตรคนบ่มพยัคฆ์ทะลุโลก - ตอนที่ 35 ระเบิดตูมเดียวตายหมู่ยกทีม
ตอนที่ 35 ระเบิดตูมเดียวตายหมู่ยกทีม
หัวหน้าทีมรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
คริสต์มาสพูดอย่างใจจดใจจ่อ : “บาร์นีย์ พวกเฮียอยู่ที่สะพานลอนดอนหรือเปล่า?” ทันทีที่เขาเห็นว่าบาร์นีย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาก็รู้แล้วว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาอยู่ที่สะพานลอนดอนจริงๆ รีบพูดต่อว่า “เฮีย พวกเรากําลังมีปัญหาแล้ว.. ใช่ มารับฉันเลย เรากําลังมีปัญหาใหญ่ตู้ม”
บาร์นีย์ฟังเสียงเรียกของคริสต์มาสก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ว่าต้องเป็นคนที่ติดต่อกับคริสต์มาสที่เจอพวกเขา นรกเอ๊ย นี่ ฉันทําพลาดทั้งที่ตั้งใจจะมาช่วยนี่นะ ฉันไม่อยากพูดอะไรที่ทําให้คริสต์มาสรู้สึกแย่ไปอีก ตอนนี้ดูจากความหมายของคริสต์มาส เจ้าคนที่พบพวกเขาคงคิดว่าพวกเขาพยายามที่จะซุ่มโจมตีอีกฝ่าย บัดซบ…กลายเป็นเราสร้างปัญหาใหญ่จริง
บาร์นีย์รีบพูดใส่หูฟัง : “หยินหยางนายกับโทลโรดติดต่อไปหาซีซาร์ที ฉันกับกันเนอร์จะไปรับคริสต์มาส พวกเราถูกเปิดเผยแล้ว หยินหยางนายไปที่จุดกบดานของเราในลอนดอนซะ ฉันกับกันเนอร์จะไปเจอคริสต์มาสก่อน จัดการจุดนำสายตาด้วย แล้วระวังตัวให้ดี”
” เข้าใจแล้ว ลุยกันเลย” หยินหยางกล่าว
บาร์นีย์ขับรถมารับคริสต์มาสกระทืบคันเร่งขับหนีไป
หลังจากที่วิลเลี่ยมวางสายเขาก็ค่อยๆ หันไปทางรถหยินหยางที่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร ทําการแอบติดตั้งตัวติดตามบนรถหยินหยางด้วยพลังจิตของวิลเลี่ยม ส่วนตัวของเขานั้นขับรถตามอยู่ห่างๆ
จิตวิลเลี่ยมตามรถหยินหยางไปทางถนนลอนดอนเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้ซีซาร์กับโทลโรดสองคนเฝ้าดูรอบรถเป็นระยะๆ ยืนยันว่าไม่มีใครติดตามพวกเขาทั้งสามมา และแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบ้านหลังเก่าๆ แถวชานเมืองของลอนดอน ซีซาร์กับโทลโรดจากรถและหยิบปืนออกมาเข้าไปในเซฟเฮาส์ พอยืนยันว่าไม่มีปัญหา ซีซาร์ก็ให้สัญญาณว่าความปลอดภัย หยินหยางก็ขับรถไปที่ทางเข้าด้านข้างในโรงเก็บรถของเซฟเฮาส์
วิลเลี่ยมจอดรถไว้ห่างจากเซฟเฮาส์ไม่กี่ร้อยเมตร ลงจากรถและนำยุทโธปกรณ์ออกจากเซฟเฮาส์ที่แกเร็ธบอกเขาเมื่อเช้านี้ ก็มีกล็อค 17 สองกระบอกพร้อมแม็กกาซีน 10 ชุด ปืนไรเฟิล M4A1, AWP กระสุนสองฐาน, ระเบิดควัน 4 ลูก, ระเบิดแฟลช, ระเบิดช็อต, วิทยุสื่อสาร, บัคส์, เครื่องติดตามและระเบิดควัน 4 ลูกทุก อย่างบรรจุลงบนพวกกล่องกระสุน ที่จะบอกก็คือวิลเลี่ยมเป็นแค่มือใหม่ นอกจากปืนที่เขาเคยเห็นใน CS ที่เหลือเขาไม่ได้ไม่รู้จักปืนอื่นเลยจริงๆ
วิลเลี่ยมสวมชุดเกราะและอุปกรณ์เดินช้าๆ ไปยังใต้ร่มไม้ไม่ไกลจากเซฟเฮาส์ของพวกทีมโคตรมหากาฬ เขาวางพลังจิตสแกนสภาพแวดล้อมไว้โดยรอบและหลีกเลี่ยงกล้องที่ซ่อนอยู่หลายตัว วิลเลี่ยมยืนอยู่ห่างจากเซฟเฮาส์มากกว่า 20 เมตร พิงต้นไม้หลับตา รอบาร์นีย์กับคนอื่นๆมาถึง
หัถต์แห่งจอมเวทของวิลเลี่ยมถือเครื่องดักฟังและช็อตบอมบ์ และระเบิดควันยาสลบสองลูกถูกส่งเข้าไปในห้องเซฟโดยไม่มีใครรู้ตัว แล้วเสียงของซีซาร์ก็มาจากหูฟัง
“ เกิดอะไรขึ้น?” ซีซาร์ถามอย่างสับสน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงได้รู้กันตอนบาร์นีย์กับคริสต์มาสมา” หยินหยางกล่าว
“เวรเอ๊ย” ซีซาร์บ่น
หลังจากรอนานกว่า 20 นาที วิลเลี่ยมก็รู้สึกได้ว่ารถของบาร์นี่กําลังมา บาร์นี่จึงขอให้หยินหยางไปใช้วิทยุสื่อสารที่ระยะ 50 เมตรนอกเซฟเฮาส์ พอหยินหยางมั่นใจแล้วว่าจะปลอดภัย บาร์นี่ก็จอดรถอยู่ด้านนอกเซฟเฮาส์แล้วเปิดประตูเพื่อเข้าไป พอทุกคนอยู่กันครบแล้ว บาร์นีย์ก็ถามคริสต์มาสทันที่ : “นี่มันบ้าอะไรคริสต์มาส รู้ไหมว่าเราถูกเปิดเผยได้ยังไง แล้วใครจะมาทําให้เราเดือดร้อน?”
คริสต์มาสก้มหน้าและคิดถึงอัจฉริยะที่จับต้องได้ง่ายและพูดว่า “ฉันพูดไม่ได้เฮียบาร์นีย์ ตอนนี้เฮียไม่มีทางออก ตอนนี้เราไม่สามารถลุยกันเอง ตอนนี้มีทางเดียวพวกเฮียรีบเผ่นไปอเมริกาคืนนี้เลย เราทําให้พวกนี้ขุ่นเคืองไม่ได้”
“แม่มเมิงเถอะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่ต่อสู้ของเราคือใคร เราต้องรู้ว่ามันเป็นใคร จะได้จัดการได้ ถ้าเรามัวแต่หนีแบบนี้..” กันเนอร์ถามด้วยความโกรธ
บาร์นี่ยกมือขึ้นเพื่อหยุดกันเนอร์ เขารู้ว่าคริสต์มาสจะไม่ทําร้ายพวกเขาหรือเขาจะไม่บอกพวกเขาว่ามีอะไรผิดปกติและมาที่ลอนดอนคนเดียว เมื่อวานคริสต์มาสน่าจะรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้คือใคร แต่ฉันแค่รู้สึกว่าคู่ต่อสู้มีอํานาจมากเกินไปและไม่อยากให้ทีมเข้ามาเสี่ยง เขาเลยจะมาลอนดอนคนเดียว
“กันเนอร์ ฉันว่าคริสต์มาสคงไม่อยากดึงเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องกับพวกเรา ไม่งั้นหมอนี่คงจะไม่มาลอนดอนคนเดียว”
คนอื่นๆ พยักหน้าหลังจากที่ได้ยินความคิดเห็นของบาร์นี่พวก เขาทั้งหมดเป็นเพื่อนเก่าและทุกคนก็รู้จักเพื่อนร่วมทีมดิเอ็กซ์เพนเดเบิลส์
หลังจากได้ยินคําพูดของบาร์นีย์กันเนอร์ก็รู้ว่าคริสต์มาสไม่ควร ถูกตําหนิและพูดกับคริสต์มาสว่า “เอาล่ะฉันขอโทษก็ได้”
คริสตมาสพยักหน้าให้กันเนอร์ : “ฉันอยากจะขอบคุณพวกนาย พวกนายคือพักพวกที่ดีที่สุดของฉัน แต่ฝ่ายตรงข้ามในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราแตะต้องได้ ฉันเพิ่งขึ้นสะพานและฝ่ายตรงข้ามก็เจอพวกนายทันที แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามรู้จักพวกเราแต่ละคนดี แถมตอนนี้เราก็อยู่ในอังกฤษซึ่งก็น่าจะเป็นถิ่นของพวกนั้น ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ได้อยากทําร้ายพวกเราแต่ต้องการแค่ตัวฉัน ฉันจะอยู่ในลอนดอนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจพวกนั้น พวกนายใช้โอกาสนี้กลับไปอเมริกาซะ”
บาร์นีย์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดกับคริสต์มาส : “จะบอกว่าฝ่ายตรงข้ามรู้จักพวกเราแต่ละคนเป็นอย่างดี มีความสามารถด้านสติปัญญาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ฉันคิดไม่ออกนอกจากคริสต์มาส..นายจะเข้า MI6 หรอ?”
เมื่อวิลเลี่ยมได้ยินคําพูดของบาร์นีย์เขารู้ว่าบาร์นีย์เดาได้ แต่วิลเลี่ยมไม่ได้ทํางานให้กับ MI6
เมื่อเห็นว่าบาร์นีย์เดาได้แล้ว คริสต์มาสเขาก็ไม่ได้ซ่อนมันอีกต่อไป “เมื่อวานนี้ผู้อํานวยการ MI6 โทรมาหาฉันและขอให้ฉันมาลอนดอนเพื่อพบเขาในวันนี้ ฉันไม่เห็นใครเลยบนสะพาน พอฉันได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าฉันละเมิดข้อตกลงการรักษาควา มลับพวกเขา แล้วอาจดําเนินการกับเราแล้ว เฮียก็เจอกับตัวแล้วนี่”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้วิลเลี่ยมก็ดึงระเบิดช็อตในห้องเซฟอย่างรุนแรงด้วยหัตถ์แห่งเวทเขาได้ยินเพียงเสียงเคาะดังมากในห้องเซฟเฮาส์ เขาจําได้ว่าเหล่าสมาชิกทีมโคตรมหากาฬทั้ง 6 คนทั้งหมดถูกจับได้ด้วยเสียงดังของระเบิดช็อตดังสนั่น ตู้มมมม
ช็อตบอมบ์นั้นทรงพลังมาก ยิ่งอยู่ในบ้านเสียงที่ดังสามารถทําให้ผู้คนตกตะลึงได้ในพริบตา แต่พวกนี้เป็นนักสู้ชั้นยอด ดังนั้นวิลเลี่ยมจึงจัดระเบิดควันยาสลบคอยช่วยด้วยความช่วยเหลือของหัตถ์เวทย์ แล้วรอให้ควันสลายไป และทั้งหกคนในห้องต่างเงียบเป็นเป่าสาก วิลเลี่ยมเปิดประตูและหน้าต่างด้วยมือของเขาหลังจากรออยู่นอกห้องนานกว่า 10 นาทีก่อนที่จะเข้าไปในห้อง เซฟเฮาส์โดยมียุทโธปกรณ์ของเขาลอยตามมาอยู่ด้านหลัง
เมื่อมองไปที่หกคนที่กําลังสลบ วิลเลี่ยมใช้เทปปิดปากและตาของทุกคนในทีมโคตรมหากาฬและมัดมือและเท้า เขาขับรถออกไปและโยนคนเหล่านี้ทั้งหมดเข้าไปในรถ โชคดีที่รถที่วิลเลี่ยมขับรถอยู่คือรถแลนด์โรเวอร์เรนจ์โรเวอร์ หรือก็คือใส่คนตัวใหญ่ๆ ได้ 6 คน
วิลเลี่ยมขับรถมาถึงป่าที่ซ่อนอยู่ห่างออกไปสิบกิโลเมตร แล้วขับลึกเข้าไปในป่า เขาลงจากรถและมัดสมาชิก 6 คนบรรดากลุ่มผู้เสียชีวิตไว้กับต้นไม้ทั้ง 6 คน พวกนี้คงจะไม่ตื่นเป็นเวลาหลายชั่วโมง
วิลเลี่ยมนั่งอยู่ในรถคิดเกี่ยวกับวิธีการจัดเหล่าผู้เสียชีวิตเขา รู้ว่าพวกนี้เป็นพวกกระดูกแข็งและเขาก็หงุดหงิดเล็กน้อย แต่เดิมเขาต้องการจัดคริสต์มาสก่อนจากนั้นจึงใช้เงินจ้างทีมโคตรมหากาฬ ตราบใดที่เขาไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ทําอันตรายอย่างอื่นก็แค่ให้เงินคนกลุ่มนี้ ไม่สนใจว่าพวกเขาจะทําอะไร
เป็นเรื่องน่าปวดหัวจริงๆ วิลเลี่ยมทนไม่ได้ที่จะฆ่าคนเหล่านี้ท้าย ที่สุดแม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นทหารรับจ้าง แต่พวกเขาก็ยังทําสิ่งที่ดีต่างๆ มากมาย แถมตัวเขาก็ไม่ได้มีความแค้นหรือเกลียดชัง พวกเขาทั้งหมดเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยในภาพยนตร์ในชาติก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทําอะไรได้