ความลับ(รัก)ของประธานพันธุ์ร้าย NC25 - ตอนที่ 36 พรหมลิขิต
หลังอาหารเช้าหลี่เจี่ยซินและหลิวไห่เดินมาที่โรงจอดรถด้วยกัน
“จะไปที่ไหนคะ เข้าบริษัทเลยหรือเปล่าคะ”
“วันนี้ยัง ผมมีที่ที่ต้องการจะไปก่อน”
หลี่เจี่ยซินมองเขา เธอยังไม่คุ้นเคยกับคำเรียกตัวเองว่า ผม สักเท่าไหร่ จึงรู้สึกขัดหูอยู่บ้าง
หลิวไห่ตั้งใจที่จะไปเอาของที่พ่อของเขาเคยให้ส่งมาเมื่อนานแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นแฟรชไดร์นั่นก็ได้
พวกเขาเดินไปที่รถด้วยกัน หลี่เจี่ยซินดึงแขนของเขาเอาไว้ มองด้วยความสงสัย
“จะไปไหนคะ”
“อ้าวก็บอกแล้วไงว่ามีที่ต้องไป”
หลิวไห่เริ่มงง หรือผู้หญิงคนนี้เป็นคนพูดครั้งเดียวไม่รู้เรื่อง
“ไม่ใช่ค่ะ หมายถึงว่าวันนี้ไม่ต้องให้ฉันเช็คระเบิดก่อนเหรอคะ”
หลิวไห่เลิกลั่ก ไม่เข้าใจที่เธอพูด
“เช็คระเบิด”
“ใช่สิคะ ปกติที่รักจะแอบอยู่หลังเสาต้นนั้นรอจนฉันเช็ครถจนเรียบร้อยค่อยขึ้นรถนี่คะ”
หลี่เจี่ยซินหรี่ตามองเขา
หลิวไห่กระแอม คิดด่าน้องชายในใจ
ต้องเป็นคนตาขาวขนาดไหนถึงสามารถแอบอยู่หลังเสาแล้วปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งเช็คระเบิดในรถให้ตัวเอง เฉินเฟยอวี๋แกนี่มันทำให้ขายหน้าแท้ ๆ
หลิวไห่แย่งกุญแจรถจากมือของเธอไปถือเองแล้วบอกว่า
“จากนี้ผมบอกแล้วว่าจะเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ลืมเรื่องที่ผ่านมาและเริ่มต้นใหม่กันเถอะ ไม่ต้องเช็คอะไรทั้งนั้น บ้านหลังนี้ระบบความปลอดภัยแน่นหนาขนาดนี้ยังจะกลัวอะไร ต่อไปผมขับเอง คุณไม่ต้องขับแล้ว”
เขายิ้มหล่อเหลาให้เธอ
หลี่เจี่ยซินยิ้มน้อย ๆ แล้วแซวเขาทั้งหัวเราะ
“งูของที่รักผงาดพ่นพิษได้เป็นครั้งแรกนี่ ถึงกับทำให้เปลี่ยนไปขนาดนี้เลย ที่รักของฉันเติบโตมาดีจริง ๆ เลยนะ”
หลี่เจี่ยซินควงแขนของเขาแล้วยังลูบเบา ๆ เหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง
หลิ่วไห่หลั่งน้ำตาในใจเมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้อีก อยากจะตะโกนออกไปนักว่า
ในคืนนั้นที่เธอปล้ำเขา เขาเก่งขนาดไหน และทำเรื่องนั้นกับเธอตั้งหลายรอบ สมองของเธอน่ะมีปัญหาแล้วถึงลืมเขาได้เสียสนิทแบบนั้น เขาไม่ใช่คนแบบที่เธอคิดนะ
หลิวไห่แสร้งกระฟัดกระเฟียดเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง
“เลิกพูดเลย ฉันไม่ชอบเธอแล้ว”
“ก็ได้ ๆ โอ๋ ๆ อย่าโกรธเลยนะ ฉันไม่พูดแล้ว ไหนบอกจะเป็นผู้ชายแล้วยังไงล่ะ”
หลิวไห่หน้าบึ้ง หลี่เจี่ยซินยิ้มแล้วส่ายหน้า
ผู้หญิงร่างยักษ์คนนี้งอนอีกแล้ว และเวลาที่เฉินเฟยอวี๋งอนเขาไม่ชอบให้เธอเกาะแกะ และไม่นานอาการงอนของเขาก็จะหายไปเอง
เพราะแบบนี้ หลี่เจี่ยซินไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป รอจนกระทั่งเขาหายเองเหมือนทุกครั้ง
หญิงสาวยังวิ่งไปเปิดประตูให้เขา ผายมือแล้วพูดเบา ๆ
“เชิญคุณผู้หญิงค่ะ”
หลิวไห่ก้าวไปนั่งประจำที่นั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถหันมาอีกครั้งก็เห็นว่าหลี่เจี่ยซินนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาแล้ว
ความเร็วของหลี่เจี่ยซินไม่ธรรมดา เขาไม่ได้ยินกระทั่งเสียงเปิดประตูรถของเธอ
หญิงสาวยิ้มแป้นให้เขา แล้วถามว่า
“จะไปที่ไหนกันคะ”
หลิวไห่ตอบเสียงเบา
“ที่ฝากไปรษณีเขตผู่ซี”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า เธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปที่นั่นทำไม สายตาคอยระวังอยู่ตลอดเวลา หลิวไห่ขับรถได้ราวครึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงเขตผู่ซี
หลี่เจี่ยซินจึงถามเขาว่า
“ที่รักจะแจ้งความหรือเปล่า เรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ”
หลิวไห่ตอบว่า
“ไม่จำเป็นที่ผ่านมาตำรวจก็ไม่เคยทำอะไรได้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง คิดจะจัดการเองมันก็ไม่ง่ายหรอกนะ ฉันเก่งแค่เรื่องปกป้องที่รักแต่เรื่องสืบสวนยอมรับว่าห่วยอยู่มาก”
หลิวไห่ยกมุมปาก
“ไม่ต้องห่วง ตอนไปฮ่องกงเจอเพื่อนเก่าเส้นสายของเขามีอยู่มาก ต่อไปเราจะดูแลตัวเองไม่ยุ่งกับตำรวจ”
หลี่เจี่ยซินหัวเราะ
“ดูที่รักจะเกลียดตำรวจจริง ๆ นะ ลืมรักครั้งนั้นไม่ลงล่ะสิ ผู้กองคนนั้นน่ะที่ทิ้งที่รักไปน่ะ คงยังเจ็บปวดสินะ”
หลิวไห่เร่งความเร็วรถ ฟังหลี่เจี่ยซินพล่ามเรื่องของเฉินเฟยอวี๋ให้เขาฟังต่อ
“ดีนะที่ที่รักยังไม่ตัดสินใจแปลงเพศเพราะเขาน่ะ ไม่งั้นยิ่งจะเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ แต่จริง ๆ ตำรวจที่เป็นคนดีก็มีเยอะนะ อย่าคิดเหมารวมเลย มันดูจะไม่ยุติธรรมกับพวกเขาไปสักหน่อย”
หลิวไห่กำพวงมาลัยแน่น เขาเกือบช็อคตายเพราะคำพูดของเธอ ที่บอกว่าเฉินเฟยอวี๋มีความคิดที่จะแปลงเพศ ถึงเขาจะไม่ขัดข้องที่น้องชายมีใจเป็นหญิง แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องขอเวลาทำใจยอมรับบ้าง เขาถอนหายใจก่นด่าน้องชายในใจอีกครั้ง
ไอ้บ้าเฉินเฟยอวี๋ วัน ๆ นอกจากเรื่องผู้ชายแล้วรู้สึกว่าแทบจะไม่ทำประโยชน์อย่างอื่นเลย แบบนี้จะไม่ให้บริษัทเจ๊งได้ยังไง
คิดไปคิดมาหลิวไห่สะดุดใจกับคำพูดของหลี่เจี่ยซิน ที่บอกว่าตำรวจดีมีเยอะ เขาจึงถามด้วยความสนใจ ส่วนตัวเขาเองเขาเกลียดตำรวจแค่ไหน เขาย่อมรู้ดี
“ที่รักดูจะชอบตำรวจนะ ตำรวจดี ๆ ผมไม่เคยเห็น”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้า
“แน่สิ เป็นตำรวจนี่เท่ห์ออก ที่สถานีของอาหลิวของฉัน อาทิตย์ที่แล้วที่เธอไม่อยู่ฉันแวะไปเยี่ยมอาหลิว นี่รู้หรือเปล่าว่าที่นั่นมีนายตำรวจหนุ่มไฟแรงย้ายมาใหม่ ฉันเพิ่งจำได้ว่าฉันกับเขาเคยเรียนที่เดียวกันสมัยม.ต้นด้วย เขาหล่อและเท่ห์มากเลยนะ เห็นหน้าเขาแล้วก็ได้แต่คิดว่านี่มันพรมลิขิตชัด ๆ ที่ทำให้ได้พบเขาอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ”
จู่ ๆ หลิวไห่ก็เหยียบเบรคจนหน้าของหลี่เจี่ยซินแทบจะทิ่มเข้าไปในคอนโซลรถ
“เธอว่าอะไรนะ พรหมลิขิตงั้นเหรอ”
หลี่เจี่ยซินคิดว่าเขาคงตกใจเกือบจะชนอะไรบางอย่างจึงยังไม่ทันได้ฟังเขา
“ที่รักมีอะไร เดี๋ยวฉันลงไปดูนะ”
หลิวไห่ห้ามเธอไม่ทัน หญิงสาวก็ลงจากรถไปสำรวจอย่างแข็งขัน
ในขณะที่หลิวไห่มองหลี่เจี่ยซินแล้วตะโกนเสียงดังคนเดียว โดยที่เธอไม่ได้ยิน
“เห็นเพื่อนเก่าสมัยม.ต้นครั้งเดียว บอกเป็นพรหมลิขิต แล้วคนที่เธอฟันแล้วทิ้งแล้วกลับมาเจอเธอโดยไม่ได้ตั้งใจแบบฉันนี่เธอจะเรียกอะไร หลี่ เจี่ย ซิน เธอนี่มันจริง ๆ เลย”
หลิวไห่รู้สึกโกรธเธอมาก เขากำหมัดแน่นทุบเข้าไปที่พวงมาลัยกระทั่งไปโดนแตรรถ เสียงดังสนั่น
หลี่เจี่ยซินรีบขึ้นรถมาถามเขาด้วยใบหน้าบ้องแบ๊วปนตระหนก
“ที่รักเกิดอะไรขึ้น บีบแตรทำไม”
“เปล๊า จู่ ๆ ก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา”
หลิวไห่สตาร์ทรถแล้วออกรถอย่างแรง
หลี่เจี่ยซินไตร่ตรองอย่างละเอียด เป็นเพราะเธอหัวไวจึงคิดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นเพราะเธอเริ่มเอง คราวนี้เงียบกริบ
เธอเข้าใจแล้ว รู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง
“ขอโทษนะที่รัก ที่พูดถึงตำรวจคนนั้นทำให้ที่รักเจ็บปวดและอารมณ์ไม่ดี ฉันไม่คิดว่าเธอจะยังรู้สึกกับเขารุนแรงขนาดนั้น ฉันสาบานว่าจะไม่พูดถึงผู้ชายที่ทิ่มตูดเธอแล้วทิ้งเธอไปคนนั้นอีกเลยตลอดชีวิต”
หลิวไห่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สบทคำหนึ่งออกมา
“โถ่โว้ย เธอจะรู้ดีเกินไปแล้ว หลี่เจี่ยซิน ถ้าจะให้ดีก็อย่ายุ่งกับตำรวจอีกจะได้หรือเปล่า”
หลี่เจี่ยซิน
“แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ เธออย่ามาพาลนะ”