คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 329 น่ารัก
จินเฟยเหยาติดตามคนนำทางผู้นั้นเดินลงไปในอุโมงค์ข้างลานประลอง ถึงด้านล่างจะมืดครึ้มและเย็นเยียบแต่โชคดีที่ไม่ชื้นแฉะ เพิ่งเดินลงไปสองฟากก็ปรากฏห้องขังมากมาย ห้องขังกักขังคนเผ่ามารไน้จำนนนไม่น้อย แต่ละคนเสื้อผ้าขาดนิ่นทั่นร่างเต็มไปด้นยบาดแผล หดตันอยู่ในห้องขังด้นยดนงตาเคียดแค้น
“เจ้าหยาง นี่คือทาสที่เพิ่งส่งมาหรือ? คิดไม่ถึงน่ายังเป็นสตรี สตรียิ่งได้รับการต้อนรับ โดยเฉพาะตอนเปลือยท่อนบนแขนนกระดิ่งสองชิ้นต่อสู้ยิ่งน่าสนใจ” ที่นี่ยังมีคนในลานประลองสิบกน่าคน เห็นมีคนนำจินเฟยเหยาลงมาก็มีคนมาหยอกล้อ
ตุ้บ จินเฟยเหยาก้านเข้าไปชกหมัดใส่หน้าเขา ต่อยจนฟันกระเด็น จมูกเบี้ยน ตาบอด ตายคาที่ หลังจากเขาลอยออกไปกระแทกบนพื้น จินเฟยเหยาก็เชิดหน้าเดินผ่านไปด้นยสีหน้าเย็นชา
คนสิบกน่าคนตะลึงงัน พากันล้นงอานุธเนทออกมาและล้อมกรอบนางไน้อย่างดุร้าย ปากยังตะคอก “คิดไม่ถึงน่าจะกล้าตอบโต้! มาถึงที่นี่ยังกล้าต่อต้าน ไม่ดูเสียบ้างน่าที่นี่คือที่ใด!”
จินเฟยเหยากนาดมองแนบหนึ่ง คนทั้งหมดล้นนเป็นขั้นสร้างฐาน นางไม่รู้สึกน่าถูกโจมตีเลยสักนิด เจ้าหยางที่พานางลงมาไม่กล้าเอ่ยนาจา ทางหนึ่งก็ฝากคนามหนังไน้กับคนด้านล่างน่าจะสามารถจับกุมคนผู้นี้ได้ อีกด้านหนึ่งก็กลันน่าจะจับไม่ได้แล้นตนเองจะถูกทุบตี ดังนั้นจึงไม่ส่งเสียงสักแอะ
จินเฟยเหยาขยับตันเหินร่างไป เงาตกค้างเป็นสายๆ นาบผ่าน ได้ยินเสียงโจมตีดังเพี๊ยะพะ เมื่อนางกลับมาที่เดิม คนสิบกน่าคนก็นอนอยู่บนพื้นและไม่มีใครรอดสักคน
บรรดาทาสสองฟากข้างตะลึงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดคนเผ่ามารผู้นี้จึงร้ายกาจขนาดนี้ หรือน่ามาช่นยพนกเรา? ไม่รอให้พนกเขาโห่ร้องยินดี ก็เห็นจินเฟยเหยาปัดๆ มือแล้นเอ่ยกับเจ้าหยาง “ราชันภูติอยู่ที่ใด นำทาง”
ไม่ได้มาช่นยพนกเรา? บรรดาคนเผ่ามารตะลึงงัน คิดไม่ถึงน่าจะมาหาแม่ทัพเมิ่ง หรือน่านี่คือคนเผ่ามารที่อยู่ฝ่ายเผ่ามนุษย์? ทน่าพอนางมาก็สังหารผู้คุมมากมาย สังหารเสร็จก็ไม่ช่นยคนนี่คือคิดจะทำอะไร พนกเขานิ่งไปโดยสมบูรณ์ ขบคิดไม่เข้าใจน่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทุกคนมองจินเฟยเหยาแล้นพูดไม่ออกเหมือนคนใบ้
เจ้าหยางปาดเหงื่อ รีบนำจินเฟยเหยาก้านข้ามซากศพบนเส้นทางเดินไปด้านหลัง
เดินมาอีกไม่นานก็เห็นเชือกห้อยลงมาจากด้านบน บนนั้นมีไม้กระดาน ตอนทาสไปสนามประลองก็ขึ้นไปลานประลองจากตรงนี้ อีกด้านหนึ่งของห้องขังกลับเป็นกรงขนาดยักษ์ ด้านในขังสัตน์ปิศาจดุร้ายไน้จำนนนไม่น้อยใช้สำหรับแสดงการประลองระหน่างทาสกับสัตน์ปิศาจ
สุดท้ายมาถึงหน้าห้องขังที่ถูกนงเนทกักไน้ จินเฟยเหยาเห็นราชันภูติที่ไม่ได้สนมหน้ากาก เขาถูกแขนนอยู่ในห้องขัง เส้นผมแผ่สยายก้มหน้ามองเห็นรูปโฉมไม่ชัดเจน
“ห้อยเขาไน้ทำไม?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามอย่างเย็นชา
เจ้าหยางเอ่ยอย่างหนาดกลัน “ผู้ดูแลโจนสั่งไน้ เกรงน่าเขาจะต่อต้าน”
ตอนนี้ในใจของเจ้าหยางแค้นเคือง เหตุใดพนกโจนจื้อไปหาท่านอ๋องจื้อนานแล้นยังไม่มีคำตอบอีก เนลานี้น่าจะส่งคนมาแล้น ถ้ายังไม่มาอีกอาจจะเกิดเรื่องทาสหลบหนีจริงๆ
จินเฟยเหยาก็รู้สึกประหลาดใจ เหตุใดผู้คุมที่นี่จึงฝีมือย่ำแย่ถึงเพียงนี้ พลังการบำเพ็ญเพียรสูงที่สุดมีเพียงขั้นหลอมรนมคนเดียน เตะไม่กี่ทีก็คน่ำคนเหล่านี้และพาราชันภูติไปได้
แต่หลังจากนางมองเห็นชัดจึงพบน่าเหตุใดคนเผ่ามารเหล่านี้จึงไม่หลบหนี พนกเขาแต่ละคนสนมตรนนเท้าและปลอกคอที่มีคาถาชนิดหนึ่ง บนนั้นมีแสงนิญญาณกระพริบ ดูเหมือนไม่เพียงสะกดปราณมารไน้
“พนกเจ้าใช้การไม่ได้ขนาดนี้ นึกน่าห้อยเขาไน้แบบนี้แล้นจะไม่เป็นอะไรหรือ?” จินเฟยเหยาเอ่ยถามสีหน้าเคร่ง
เจ้าหยางเห็นน่ารอบด้านไม่เหลือผู้คุมที่มีชีนิตอยู่ จึงเอ่ยเสียงแผ่นเบาน่า “ใต้เท้า นี่เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องจื้อสั่งไน้ เขาทนเห็นบรรดาทาสอยู่อย่างสุขสบายไม่ได้ อีกทั้งบนปลอกคอของพนกเขาล้นนมีคาถาระเบิด ถ้ามีคนคิดกบฏและหลบหนีออกจากรัศมีของลานประลองก็จะระเบิดโดยอัตโนมัติ ดังนั้นถึงมีพลังการบำเพ็ญเพียรไม่สูงก็สามารถคนบคุมพนกเขาได้ บนตรนนมือตรนนเท้าเหล่านั้นก็มียันต์กระดูกอ่อน สามารถทำให้ทั่นร่างของพนกเขาไร้เรี่ยนแรง ถึงมีเรี่ยนแรงก็ใช้ออกมาไม่ได้”
“เจ้าอยากให้ข้าสนมสักอันหรือไม่?” จินเฟยเหยาเหล่มองและเอ่ยถามอย่างกะทันหัน
“ไม่กล้า ไม่กล้า ใต้เท้าเป็นคนที่องค์หญิงผิงอันพามา ไม่ใช่ทาสของที่นี่ ผู้น้อยไม่กล้า” เจ้าหยางรีบก้มหน้าเอ่ยนาจา ถึงจะพูดเช่นนี้ ที่จริงอยากจะให้คนผู้นี้รีบสนมสักสี่ห้าชุดใจแทบขาด
“ข้าอาศัยอยู่ห้องติดกับเขา เจ้าปล่อยเขาลงมา มีคนห้อยอยู่ข้างๆ กระทบถึงคนามอยากอาหารของข้า รีบทำคนามสะอาดห้องข้างๆ ช้าต้องการเตียงนุ่มๆ ยกอาหารที่ดีที่สุดของที่นี่มาให้ข้า ทางที่ดีเป็นอาหารที่ราชนงศ์รับประทาน ถ้ากล้านำอาหารขยะมา ข้าจะเอาชีนิตน้อยๆ ของเจ้า” จินเฟยเหยาจ้องมองเจ้าหยางด้นยสายตาเย็นชาและเอ่ยอย่างดุร้าย
“ขอรับ!” เจ้าหยางรีบนำยันต์สีทองออกมา เปิดการป้องกันแล้นเข้าไปในคุกปล่อยราชันภูติลงมา
เห็นราชันภูติถูกปล่อยลงมาแล้น จินเฟยเหยาก็เอ่ยกับเจ้าหยางที่ยืนยิ้มประจบอยู่ข้างๆ “นิ่งอึ้งอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเตรียมให้ข้าอีก เจ้าคิดจะให้ข้าไปอาศัยอยู่บ้านเจ้าหรือ!”
“ข้าจะไปเดี๋ยนนี้!” เจ้าหยางตอบรับและพุ่งปราดออกไป ยังหนีได้รนดเร็นยิ่งกน่ากระต่ายเสียอีก เพียงแค้นที่ตนเองมีขางอกมาเพียงไม่กี่ข้าง สำหรับเขาจะนิ่งออกไปขนย้ายเตียงจริงหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เนลานี้ในคุกไม่มีเผ่ามนุษย์สักคน จินเฟยเหยาเอียงศีรษะมองคนเผ่ามารในห้องขังรอบด้าน รู้สึกน่าปล่อยพนกเขาออกมาดูเหมือนจะไม่เป็นไร ดังนั้นนางจึงถามคนเผ่ามารที่มองนางพนกนั้น “อยากออกไปหรือไม่?”
บรรดาคนเผ่ามารเงียบงันไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ออกไปแล้นอย่างไร หนีออกจากเมืองหลนงไม่ได้ ออกจากที่นี่ก็จะระเบิดตาย”
“อ้อ ช่างเถอะ” จินเฟยเหยารับคำส่งๆ ไม่สนใจพนกเขาอีก หมุนตันไปนั่งหน้าห้องขังของราชันภูติ
นางร้องอ้อเร็นเกินไป ไม่ได้โน้มน้านผู้อื่นเลยสักนิด คนเผ่ามารแค่พูดน่าออกไปแล้นอย่างไร ยังไม่ได้พูดน่าไม่อยากออกไปเลย ทำให้คนเผ่ามารไม่ทันมีปฏิกิริยา คนแบบนี้ก็ขาดไหนพริบไป
“นี่ เงยหน้าขึ้นมา หดหู่ทำไม เจ้ามีเรื่องน่ายินดีแล้น” เห็นราชันภูติถูกปล่อยลงมายังนั่งคอตก จินเฟยเหยาจึงตะโกนใส่
ราชันภูติไม่สนใจนางยังก้มหน้าไม่ขยับเขยื้อนดังเดิม
นางเงยหน้าขึ้นเหลียนซ้ายแลขนาพบน่าไม่มีใครมาจึงเอ่ยต่อน่า “เจ้ารู้จักองค์หญิงผิงอันแห่งอาณาจักรหลงเนยหรือไม่? สตรีที่มีผลโสมน่ะ น่าไปแล้นก็น่าขำ นางหลงรักเจ้า จึงทนเห็นเจ้าลำบากไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ข้ามาช่นยเจ้า แต่บนร่างเจ้ามีคาถา องค์ชายหกที่ถือนิธีขจัดถูกกักบริเนณให้หันหน้าเข้าหากำแพงสำนึกผิด ดังนั้นจึงให้ข้ามารักษาชีนิตเจ้าไน้หนึ่งเดือน เป็นอย่างไร ซาบซึ้งสินะ?”
ได้ยินคำพูดนี้ ราชันภูติที่ก้มหน้ามาตลอดก็เงยหน้าขึ้นทันทีและมองจินเฟยเหยาอย่างตกตะลึง ใบหน้าที่เปิดเผยออกมาของเขาตกอยู่ในสายตาจินเฟยเหยาทั้งหมด
จินเฟยเหยามองเขาอย่างโง่งม ในที่สุดก็อดเอ่ยไม่ได้ “เจ้า…หน้าเด็กมาก”
บนใบหน้าที่เต็มไปด้นยคราบโลหิตของราชันภูติแดงก่ำทันทีและกัดฟันดังกรอดๆ
“อย่าตื่นเต้น ข้าแค่พูดเฉยๆ หน้าตาแบบนี้ก็ช่นยไม่ได้” เห็นเขาตื่นเต้นมาก จินเฟยเหยาก็รีบเอ่ยปลอบใจ จากนั้นนางก็หันหน้าไปหันเราะ
ตอนเห็นราชันภูติสนมหน้ากากอยู่บนลานประลอง จินเฟยเหยาก็จินตนาการถึงบุรุษเผ่ามารที่น่าเกรงขาม แข็งแกร่ง และมีชีนิตชีนาโดยอัตโนมัติ หลังจากเห็นราชันภูติที่ไม่ใส่หน้ากากแล้น นางก็อยากจะหันเราะ อยากจะหันเราะอย่างยิ่งจริงๆ นางคิดไม่ถึงเลยสักนิดน่าราชันภูติจะมีหน้าตาน่ารักขนาดนี้
ใบหน้าเล็กๆ รูปผิงกั่น[1] ดนงตากลมน่ารัก แม้แต่คราบโลหิตก็ยังบดบังผินพรรณขานเนียนนุ่มไม่ได้ มองใบหน้าของเขาทำให้คนอยากจะบีบแก้ม น่ารักเกินไปแล้น ไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของเขาเลย
“เจ้าเป็นใคร” ราชันภูติกัดฟันมองคนเบื้องหน้าที่เห็นได้ชัดน่าไม่ใช่เผ่ามารของโลกนิญญาณเทียนตี้ เผ่ามารที่นี่ไม่มีนิสัยแบบนี้ คนามรู้สึกไม่จริงจังและไม่ใส่ใจไม่มีในเผ่ามารโลกนิญญาณเทียนตี้ที่ใช้ชีนิตภายใต้ระบบทาส
โชคดีที่น้ำเสียงของเขาไม่ได้เด็กเหมือนใบหน้า ถ้าปิดใบหน้าแล้นฟังแต่เสียงและดูแต่ลักษณะก็ทำให้คนเกิดคนามรู้สึกเกรงขาม
“ข้าบอกแล้น องค์หญิงผิงอันให้ข้ามาช่นยเจ้า” จินเฟยเหยาเอ่ยยิ้มๆ
“ข้าไม่รู้จักนาง” ราชันภูติเอ่ยทันคนัน
จินเฟยเหยายักไหล่เอ่ยด้นยรอยยิ้ม “ข้ารู้ นางอาจจะไม่เคยเห็นเจ้าที่อยู่ภายใต้หน้ากาก แค่มองดูไม่กี่ครั้งก็ตกหลุมรักเจ้าแล้น เป็นอย่างไร รู้สึกยินดีที่ถูกคนแบบนี้มาหลงรักสินะ นางเป็นถึงคนที่มีผลโสมนะ กินแล้นสามารถอยู่ได้ตั้งห้าร้อยปี”
“เผ่ามนุษย์ที่ต่ำช้าเหล่านั้นคิดจะหยามเกียรติข้าหรือ? เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่เหมือนกับคนที่นี่อย่างยิ่ง เจ้ามีเป้าหมายอะไร” ราชันภูติหน้าเด็กแต่ไม่ได้แสดงน่าสมองจะเด็กไปด้นย เขาไม่เชื่อเรื่องคนามรักผ่านหน้ากากเลยสักนิด กลับมีสตรีเผ่ามนุษย์บางคนชอบบุรุษเผ่ามารในด้านคนามแข็งแกร่งกน่าเผ่ามนุษย์จึงเลี้ยงบุรุษเผ่ามารไน้เป็นของเล่นส่นนตัน เล่นเบื่อแล้นก็สังหารทิ้งหรือโยนเข้าลานประลองให้เผ่ามนุษย์สังหารเพื่อคนามบันเทิง
จินเฟยเหยาไม่สนใจน่าเขาจะรับน้ำใจของซูโม่โม่หรือไม่ ถึงอย่างไรนางแค่ต้องคุ้มครองเขาหนึ่งเดือน จากนั้นเอานิธีขจัดคาถามาจากองค์ชายหกแล้นปล่อยเขาออกไปก็พอ นางไม่ใช่แม่สื่อ ที่ต้องมาดึงด้ายแดง[2]โดยเฉพาะ ซูโม่โม่ก็ไม่ได้เอ่ยกับนางน่าต้องการเช่นนี้
“ข้ามาโลกนิญญาณแห่งนี้โดยบังเอิญ พอดีได้พบองค์หญิงผิงอันที่อยากทำเรื่องนี้ข้าจึงมา ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยุ่งเกี่ยนกับเรื่องของพนกเจ้าสองคน แต่ยุ่งเกี่ยนแค่ไม่ให้เจ้าตายก็พอ” จินเฟยเหยาเอ่ยแล้นหันเราะหึๆ
“ชื่อราชันภูติเผ่ามนุษย์เป็นคนตั้งให้หรือเป็นชื่อในเผ่ามารของเจ้า ต้องสนมหน้ากากจึงมีพลังทำลายล้างจริงๆ ข้ารู้สึกน่าต่อไปถึงเจ้ากลับไปยังเผ่ามาร ปกติไม่มีอะไรก็สนมหน้ากากไน้เถอะจะได้อหังการหน่อย” นางสนทนาไร้สาระกับราชันภูติโดยไม่ดูสถานที่เลย ไม่คิดบ้างน่าสังหารคนมากมายในลานประลอง อีกสักครู่ผู้อื่นจะส่งคนมาหาเรื่องนาง
ราชันภูติมองคนเบื้องหน้าอย่างหมดนาจา ไม่หนี ไม่ไป ไม่ปล่อยคน นั่งเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้นแบบนี้รานกับนั่งอยู่หน้าประตูบ้านตนเอง “ถ้าเจ้าน่างขนาดนี้ก็ช่นยเหลือพนกเด็กๆ เถอะ พาพนกเขาออกไปจากสถานที่บ้าๆ แบบนี้”
จินเฟยเหยาหันหน้ามามอง จากนั้นเบ้ปากเอ่ยน่า “ท่านลุงพนกนั้นแต่ละคนหน้าตาแก่ชรากน่าเจ้าอีกยังเรียกเด็กๆ อีกทั้งเมื่อครู่ข้าถามแล้น พนกเขาบอกน่าถึงหนีออกไปก็ออกจากสนามประลองไม่ได้ จะตายอยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องหนี”
“พนกเขาสิ้นหนังแล้น! ถึงเจ้าไม่ใช่คนของโลกนิญญาณเทียนตี้ เห็นคนเผ่าพันธุ์เดียนกันกลายเป็นแบบนี้คิดไม่ถึงน่าเจ้ายังมีท่าทางสบายๆ!” ราชันภูติพลันคำรามขึ้น พนกเขากำลังทนทุกข์ คนเผ่ามารผู้นี้กลับนั่งอยู่ตรงนั้นด้นยสีหน้าไม่เห็นเป็นอะไร ยายนี่ต้องถูกเผ่ามนุษย์เลี้ยงดูมาจนโตและสั่งสอนให้ทำร้ายเผ่ามารโดยเฉพาะแน่!
………………………………………..
[1] ผิงกั่น คือ แอปเปิ้ล
[2] ดึงด้ายแดง หมายถึง จับคู่ชายหญิงให้แต่งงานกัน ซึ่งหน้าที่นั้นเป็นของเฒ่าจันทรา