ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 14 บทที่ 413 ท่าทีแทะโลม
“อีกประเดี๋ยวจะมีการประมูลสตรีพรหมจรรย์กลุ่มใหม่ เมื่อถึงเวลานั้นความสนใจของทุกคนจะจดจ่ออยู่ที่นั่น ข้าจะพาเจ้าหนีออกไปทางประตูหลัง จำเอาไว้ เจ้าอย่าได้เชื่อใจผู้หญิงคนไหนในนี้แม้แต่เพียงคนเดียว บึงแห่งนี้น้ำลึกยิ่งนัก ลึกเสียจนเจ้าไม่มีวันเข้าใจ”
ฟังเสียงกำชับของหงอวี้ หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงพยักหน้ารับและคล้อยตาม
เพราะเหตุนี้พวกอาซิ่วจึงถูกพาตัวมาที่นี่ ที่แท้ก็จะมีการประมูลสตรีพรหมจรรย์!
หลินเมิ้งหยารู้สึกโชคดีที่แอบตามหลงเทียนอวี้มา นางจึงบังเอิญพบที่นี่เข้า
มิเช่นนั้นหลังจากผ่านคืนนี้ไป ที่นี่คงสร้างบาปขึ้นอีกครั้ง
“พี่หงอวี้ ข้ายังไม่อาจไปจากที่นี่ได้ เหตุที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะเพื่อนของข้าถูกจับตัวมาประมูลในค่ำคืนนี้”
หงอวี้ชะงัก ที่แท้นางก็มาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของนาง
“เพื่อนของเจ้า? แต่ร่องรอยของพวกเขาถูกเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเพื่อนของเจ้าถูกจับตัวมาที่นี่?”
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าจะอธิบายรายละเอียดอื่นๆ ให้หงอวี้ฟังได้อย่างไร
แม้หงอวี้จะเป็นคนดี แต่ที่นี่คือถ้ำพยัคฆ์บึงมังกร นางไม่อยากดึงหงอวี้ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง
“มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างทาง แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเพื่อนของข้าออกมา จริงสิพี่หงอวี้ ท่านอย่าได้สนใจข้าเลย ข้าจะหาวิธีช่วยเหลือเพื่อนออกไปด้วยตนเอง ข้าไม่อยากทำให้ท่านต้องลำบาก”
ใช่ว่าหลินเมิ้งหยาไม่อยากน้อมรับน้ำใจ แต่เรื่องนี้อันตรายเกินไปสำหรับหงอวี้
แม้นางจะถูกจับได้ แต่ไม่ว่านางหรืออาซิ่วก็ล้วนมีคนคอยสนับสนุนทั้งคู่ ฉะนั้นป๋ายหลงและเฮยฮู่ย่อมไม่มีทางทำอะไรนางได้
แต่หงอวี้ไม่เหมือนกัน หากนางถูกคนพบเข้า เช่นนั้นสิ่งที่รอนางอยู่คงเป็นความตาย
ทว่าหงอวี้นิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมุมปากจะหยักยิ้มขมขื่น
“เฮ้อ ข้าคิดว่าตัวเองจะสามารถพาเจ้าหนีออกไปจากชีวิตอันแสนขมขื่นนี้ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากับข้าเองก็มาส่งมอบความตายที่นี่เหมือนกัน”
หงอวี้หมายความว่าอย่างไร? หรือนางเองก็มาเพื่อช่วยคนอื่น?
“พี่หงอวี้ ท่าน.…”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ หงอวี้พลันพยักหน้าลง
ก้มตัวหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมาจากใต้เตียง ใบมีดแวววาวทำให้หลินเมิ้งหยากลายเป็นใบ้
“บางทีพวกเราสองพี่น้องล้วนมีชะตาต้องกัน ข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือน้องสาวของข้า หากมีโอกาสข้าเองก็หวังอยากเล่าเรื่องของข้าให้เจ้าฟัง เช่นนั้นพวกเราร่วมมือกันเถิด หากข้าลงมือ เจ้าจงมาเป็นผู้ช่วยของข้า”
อันที่จริงหลินเมิ้งหยาเข้ามาที่หุยชุนฟางแห่งนี้โดยไร้ซึ่งแผนการใดๆ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้เจอกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์
หลินเมิ้งหยาตะลึงงัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดที่จะกังวลไม่ได้ เหตุเพราะนางไม่รู้ว่าแผนการของหงอวี้จะน่าเชื่อถือมากเพียงไร
ขณะที่คิดจะเอ่ยถาม อยู่ๆ ประตูห้องพลันถูกเปิดออก
หงอวี้รีบซ่อนกริชเล่มนั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายจะซวนเซจนล้มทับหลินเมิ้งหยา หลินเมิ้งหยาชิงหยิบกริชออกจากมือหงอวี้ ก่อนจะส่งสายตาให้นางสงบใจลง
หงอวี้เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ฉะนั้นนางจึงสงบนิ่งลงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองลุกขึ้นช้าๆ ก่อนที่น้ำเสียงเย้ายวนชวนหลงใหลจะดังขึ้น
“ข้าก็คิดว่าพี่หงอวี้ที่เพิ่งมาใหม่จะทะนงตนมากกว่านี้เสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจร้อนเช่นนี้ เพียงเจอชายหนุ่มก็ถึงกับกระโจนเข้าใส่ ชิ ชิ ซ้ำยังเป็นคุณชายรูปงามเสียด้วย แต่เห็นใดท่าทางจึงตุ้งติ้งเหมือนสตรีเช่นนี้เล่า?”
หลินเมิ้งหยาหันไปมองหญิงสาวในชุดสีแดงทับทิมหน้าประตู
ชุดกระโปรงเผยเนินอกขาวนวลเนียนดุจหิมะ ลำคอยาวดั่งหงส์สวมใส่สร้อยรูปหยดน้ำสีแดงดั่งโลหิต
สร้อยสีทองประดับจี้รูปหยดน้ำสีแดงพาดผ่านร่องลึกระหว่างทรวงอกขับให้ผิวพรรณของนางยิ่งขาวสว่างมากขึ้น เอวบางร่างเต่งตึงกำดัดสวาทคล้ายกับจ้าวเฟยเหยี่ยน
“คุณชายน้อยท่านนี้รูปงามยิ่งนัก มิทราบว่าอยากจะมาเล่นสนุกกับข้าหรือไม่?”
หญิงสาวคนนั้นแย้มยิ้มยั่วยวน มือเรียวยาวจงใจวางใกล้กับบริเวณจี้รูปหยดน้ำสีแดง
หลินเมิ้งหยาเงยหน้า ก่อนจะได้เห็นใบหน้างดงามเพริศพริ้ง
แม้ใบหน้าของนางจะไม่งดงามเท่าหงอวี้ แต่กลับมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
ท่วงท่าอรชรอ่อนหวานทำให้เลือดในกายของบรรดาบุรุษแล่นพล่าน
ทว่าดวงตาเย้ายวนคู่นั้นกลับเจือไว้ซึ่งความเย็นชา เสียงเตือนกู่ร้องขึ้นในใจของหลินเมิ้งหยา ผู้หญิงคนนี้จะต้องไม่ใช่คนที่รับมือง่ายเป็นแน่
ขณะเดียวกันสายตาของนางยังเยียบเย็นลึกซึ้งราวกับสามารถมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
นับตั้งแต่ตอนที่หงอวี้เห็นผู้หญิงคนนี้ ร่างกายของนางพลันแข็งเกร็ง
หลินเมิ้งหยายกมือขึ้นกุมมือนาง มือเล็กสัมผัสได้ถึงความเปียกชุ่มบริเวณฝ่ามือของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงบีบมือของนางเบาๆ
ต่อให้สตรีตรงหน้าจะเป็นนางจิ้งจอกเก้าหางต๋าจี่ แต่หลินเมิ้งหยาไม่มีวันปล่อยให้นางทำลายแผนการช่วยชีวิตคนของตนเองเป็นแน่
“เล่นกับเจ้า? เกรงว่าข้าจะหมดสนุกเสียแล้ว อะไรกัน แม้แต่หญิงงามเช่นเจ้าเองก็เหงาเป็นด้วยหรือ?”
หลินเมิ้งหยาตั้งสมาธิ ก่อนจะแสดงท่าทางประหนึ่งพวกผู้ชายหื่นกามในละครทีวี
มือเล็กออกแรงโอบเอวของหงอวี้ ก่อนจะแสยะยิ้มมีเลศนัย
ไหวพริบของหงอวี้ว่องไว แขนยื่นขึ้นไปโอบคอหลินเมิ้งหยา ขณะเดียวกันนางพยายามปิดบังร่างกายท่อนบนของหลินเมิ้งหยาเอาไว้ สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องราวกับกำลังยั่วยุ ซ้ำยังชายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลน
พวกนางทั้งสองราวสตรีที่กำลังสาดไฟริษยาใส่กัน
“จื่อหยุน ข้าว่าเจ้าช่างไม่รู้จักกฎระเบียบเอาเสียเลย แม้เจ้าจะเป็นดอกไม้งามประจำเดือนนี้ แต่เดือนหน้าจะเป็นผู้ใดก็ยังไม่แน่ เจ้าบังอาจเข้ามาชิงแขกของข้าถึงห้องอย่างเปิดเผยเช่นนี้ มิกลัวนายท่านจะลงโทษเจ้าหรือ?”
นอกจากอาการตื่นตระหนกในคราวแรก ตอนนี้หงอวี้กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง
มือเล็กยื่นขึ้นลูบไล้ใบหน้าของหลินเมิ้งหยา อีกทั้งยังตำหนิจื่อหยุนคนนั้นอย่างไม่ไว้หน้า
จื่อหยุนไม่ตอบโต้ แต่กลับยิ้มกว้างพลางออดอ้อนยั่วเย้าหลินเมิ้งหยามากกว่าเดิม
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าเหงาเหลือเกิน คุณชายมาอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”
พูดจบ นิ้วเรียวยาวเคลือบสีทาเล็บม่วงเข้มก็กรีดกรายลงบนริมฝีปากเอิบอิ่มแดงระเรื่อดั่งผลเชอรี่
หลินเมิ้งหยาหาใช่เด็กสาวไร้เดียงสา ดังนั้นนางย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
ชายแท้ย่อมต้องรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นแน่แท้ สายตาเคลื่อนมองตามนิ้วมือที่กำลังกรีดกรายอยู่บนเนินอกขาวนวล
ทว่าหัวใจกลับรู้สึกคันยุบยิบ งี่เง่า!
ตอนแรกจื่อหยุนไม่มั่นใจเท่าไรนัก เหตุเพราะคุณชายคนนี้มีใบหน้างดงามราวกับอิสตรี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันที่นางจะทำอะไรออกนอกหน้า คุณชายน้อยจะหรี่ตามองเผยอาการหลงใหลเช่นนี้
ดูเหมือนจะมิต่างอันใดจากพวกผู้ชายหยาบช้าข้างนอกนั่น
สุดท้ายนางก็หมดความอดทนที่จะทดสอบคุณชายน้อยผู้นี้
“ช่างเถิด คงมีเพียงเจ้าที่ชอบผู้ชายเช่นนี้ คุณชายน้อย ข้าว่าท่านมีชาติกำเนิดไม่เลว เช่นนั้นข้าจะบอกอะไรท่านให้ก็ได้ว่าอีกเดี๋ยวจะมีการประมูลสาวพรหมจรรย์ หากท่านถูกใจก็สามารถลงไปประมูลร่วมกันได้ ข้าคงไม่รบกวนท่านแล้ว เจอกันใหม่คราวหน้า”
หลินเมิ้งหยารีบพยักหน้าลงคล้อยตาม
หลังจากจื่อหยุนส่งสายตายั่วยวนให้นางอีกหนึ่งครั้ง ร่างอรชรจึงเดินออกไปจากห้อง
หลินเมิ้งหยาและหงอวี้พลันถอนหายใจ หงอวี้รีบลุกไปถุยน้ำลายหน้าประตู
“ฮึ นางจิ้งจอกหน้าไม่อาย!”
จากนั้น นางจึงปิดประตูแรงๆ
“เฮ้อ…”
ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน หลินเมิ้งหยาเก็บอาการหื่นกามของตนเองเมื่อครู่
คิดไม่ถึงเลยว่าท่าทีแทะโลมเช่นนี้จะสามารถทำให้นางเอาตัวรอดมาได้
“น้องชิงเกอ เจ้าเกือบทำข้าตกใจตายไปแล้ว ทั้งที่อายุยังไม่มาก เหตุใดจึงรู้ความเช่นนี้!”
หงอวี้ประหลาดใจเบาๆ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะแสดงได้อย่างสมจริงเช่นนี้
สายตาและท่าทางเสมือนถูกผีสิงก็มิปาน แม้แต่นางที่ได้สบตาด้วยยังอดที่จะรู้สึกใจวาบหวามไม่ได้
“ข้า….เอ่อ ชินแล้ว ชินแล้ว”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเก้อเขิน นางคงมิอาจพูดออกมาได้ว่าเห็นเรื่องราวเช่นนี้ในละครทีวีจนชินชา
“เอาล่ะ พวกเรามาเตรียมการกันสักหน่อยเถิด ในเมื่อถูกจื่อหยุนเห็นเข้าแล้ว เช่นนั้นพวกเราคงทำได้เพียงลงไปนั่งด้านล่างอย่างผ่าเผย”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าคล้อยตาม จากนั้นหงอวี้จึงเล่าแผนการของตนเองให้ฟัง
อันที่จริงมีโอกาสที่จะลงมือไม่มาก แน่นอนว่าพวกนางมิอาจทำอะไรได้ก่อนการประมูลจะเริ่ม
เพื่อป้องกันมิให้สินค้าหลบหนี เช่นนั้นพวกนางจะต้องถูกคุ้มกันอย่างเข้มงวดแน่นอน
ขณะประมูลยิ่งไม่ได้ใหญ่ เหตุเพราะคงมิต่างอันใดจากการรนหาที่ตาย
โอกาสเดียวที่เหลืออยู่คือช่วงเวลาหลังจากประมูลเสร็จ พวกหญิงสาวเหล่านั้นจะถูกส่งตัวเข้าห้อง ฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดี
ตามธรรมเนียมผู้ประมูลจะร่วมนั่งอยู่ที่โต๊ะสองสามตัวในงาน จากนั้นจะทำการเลี้ยงฉลองแขกทุกคนหลังจากประมูลเสร็จ
รูปแบบของงานมิต่างอันใดจากการเลี้ยงฉลองว่าที่เจ้าบ่าว จากนั้นจึงทำพิธีเข้าหอ ส่วนหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเจ้าสาวล้วนรอท่าอยู่ภายในห้อง
หลังจากผู้ประมูลเข้าไปในห้องแล้ว ความทรมานของหญิงสาวเหล่านั้นจึงจะเริ่มต้นขึ้น
แผนการของหงอวี้คือนางจะแอบเข้าไปในห้อง จากนั้นทุบหัวผู้ประมูลจนสลบ ก่อนจะหาวิธีพาน้องสาวของตนเองมายังห้องของนาง สุดท้ายจึงหาโอกาสหนีไป
แม้แผนการของหงอวี้จะรัดกุม แต่หลินเมิ้งหยากลับมองว่ายังไม่มากเพียงพอ
เหตุเพราะเวลานี้มีปัจจัยหลายอย่าง เช่นหากผู้ประมูลมีวิทยายุทธ์ขึ้นมา เช่นนั้นหงอวี้จะมิกลายเป็นผักไปหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่หุยชุนฟางยังอยู่ การค้ามนุษย์ก็ยังคงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น
นางรู้ดีว่าป๋ายหลงและเฮยฮู่มีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่เนื้อร้ายเหล่านี้ หากนางกำจัดทีละคนก็มิใช่เรื่องยาก