ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 10 บทที่ 296 แผนการของแต่ละคน
ไท่จื่อคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรเช่นนี้
การช่วยเหลือฮ่องเต้เป็นเรื่องใหญ่ เพียงเท่านี้ความสงสัยในตัวหลงเทียนอวี้ก็หายไปเกินครึ่ง
หากเขายังคงกล่าวทักท้วง เกรงว่าคนที่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยคงกลายเป็นเขา
ไท่จื่อจ้องหลงเทียนอวี้เขม็ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยเขาไป
แต่เมื่อนึกได้ว่าหลินเมิ้งหยาจะตกอยู่ในเงื้อมมือของตนเอง หัวใจของเขาพลันปรากฏแผนร้าย
ขอเพียงนางอยู่ที่นี่ หลงเทียนอวี้จะไม่มีวันได้นางกลับไป
“อวี้เอ๋อร์เข้าไปดับเพลิงด้วยความกล้าหาญ เปิ่นกงควรตบรางวัลให้แก่เจ้า แต่เพราะวันนี้เกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน แม้แต่เปิ่นกงเองก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ชายาอวี้กลับวังพร้อมกับเปิ่นกงเลยเถิด หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ไปแล้ว จากนี้ไปจะต้องมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น ไท่จื่อ เจ้าจะต้องปลอบโยนญาติพี่น้องของพวกเราให้ดี อวี้เอ๋อร์ หานเอ๋อร์ เปิ่นกงขอมอบหน้าที่ในการดูแลองครักษ์ให้กับพวกเจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ เอ๋อร์เฉินน้อมรับพระบัญชา”
หลงเทียนอวี้เพิ่งจะได้รู้ว่ามือสังหารคนนั้นใส่ร้ายป้ายสีเขาก่อนจะตาย
ยิ่งไปกว่านั้น ชายาของเขายังต้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ในวังหลวง ซ้ำยังต้องรักษาอาการประชวรของเสด็จพ่ออีกด้วย
หลินเมิ้งหยาก้าวเดินพร้อมทั้งผินหน้ากลับมามอง หลงเทียนอวี้ทำได้เพียงกำหมัดแน่น
ไม่เป็นไร ในเมื่อฮองเฮาประกาศต่อหน้าทุกคนเรื่องส่งนางเข้าไปอยู่ในวังหลวง เช่นนั้นฮองเฮาจะไม่มีทางทำอะไรนางได้อย่างแน่นอน
เพียงแค่…คำปลอบใจเช่นนี้ดูจะไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นได้เลยแม้แต่น้อย
สายตาเหลือบมองทางไท่จื่อซึ่งกำลังปลอบโยนญาติพี่น้อง
ไท่จื่อรู้เรื่องกลอุบายในคราวนี้มากน้อยเพียงไหน?
แม้จะเกิดเหตุอุกฉกรรจ์ในตำหนักฉงชิ่ง แต่บริเวณอื่นในวังหลวงกลับเงียบสงบ
ภายในสวนดอกไม้ แม้อากาศจะเย็น แต่สวนแห่งนี้ถูกเก็บกวาดอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเทียบกับภยันอันตรายเมื่อครู่ ฮองเฮาในเวลานี้น่ากลัวยิ่งกว่ามาก
เดินผ่านสวนดอกไม้ ก่อนจะมองเห็นตำหนักหย่งเล่อของฮองเฮาที่อยู่ไกลๆ
หัวใจของหลินเมิ้งหยาบีบเข้าหากัน แต่ถึงกระนั้นนางก็ทำได้เพียงเดินตามหลังฮองเฮาเข้าไปในตำหนักหย่งเล่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มาเยือนตำหนักของฮองเฮา ดูเหมือนตลอดหลายปีที่ผ่านมานางจะได้รับความเลื่อมใสไม่น้อย ดังนั้นการตกแต่งในตำหนักจึงหรูหรางดงามเช่นนี้
ฮองเฮาเดินนำเข้าไปในห้องหลัก ก่อนจะมีนางในปรี่เข้ามาถอดเสื้อคลุมตัวนอกให้ พร้อมทั้งช่วยจัดแต่งทรงผม
สุดท้ายก็มีคนเข้ามายกน้ำชา
“ล้วนเป็นญาติมิตรกันทั้งนั้น เหตุใดเจ้าจึงเกรงอกเกรงใจเช่นนี้เล่า เข้ามา ยกเก้าอี้ให้พระชายา”
ดูเหมือนฮองเฮามีเรื่องต้องการจะพูดกับนาง มิเช่นนั้นเมื่อครู่จะปล่อยให้นางยืนแข็งทื่อเป็นต้นไม้ทำไม
“ขอบพระทัยเพคะ”
หลินเมิ้งหยาแสดงความใจกว้าง ก่อนจะนั่งลง นางไม่กล่าวอะไร ทั้งยังแสดงท่าทางว่านอนสอนง่าย แต่ใครจะรู้เล่าว่านางจะมีท่าทางเช่นนี้เพียงครู่เดียว
ดวงตาคมกริบของฮองเฮาจับจ้องใบหน้าของหลินเมิ้งหยา จึงได้เห็นว่านางดูอ่อนโยนกว่าตอนที่เพิ่งแต่งงานเข้ามามาก แต่ทว่านางรู้ดีว่าจริงๆ แล้วเด็กคนนี้มีอุปนิสัยเช่นไร
ดูเหมือนนางจะมีความหยิ่งทะนงไม่น้อย
“เปิ่นกงได้ยินมาว่าเจ้ามีความสามารถทางการแพทย์ เช่นนั้นลองจับชีพจรเปิ่นกงดูได้หรือไม่ จะได้ไม่ต้องรบกวนท่านหมอหลวง”
ให้นางจับชีพจร? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตอบตกลง
เดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา หลินเมิ้งหยายื่นมือเข้าไปจับข้อมือของนาง
แม้นางจะเก่งกาจด้านวิชาแพทย์พิษ แต่กลับมีความรู้ทางด้านแพทย์แผนจีนเพียงขั้นพื้นฐาน
แต่เพราะป๋ายหลี่รุ่ยเป็นปรมาจารย์แพทย์พิษ เขาชำนาญในเรื่องนี้ยิ่งกว่าหมอหลวงธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้มีความรู้เล็กน้อยเท่าหางอึ่งอย่างแน่นอน
“ทูลหมู่โฮ่ว ร่างกายของพระองค์ปกติดี ขอเพียงดื่มยาบำรุงร่างกายก็เพียงพอแล้วเพคะ”
ไม่รู้ว่าภายในตำหนักเหลือเพียงพวกนางสองคนตั้งแต่เมื่อใด
เงียบกริบ ก่อนที่ฮองเฮาจะหยักยิ้ม
“ตอนนี้เจ้าคงประหลาดใจมากว่า เพราะเหตุใดพระสนมเต๋อเฟยที่ไม่ยอมออกจากประตูจวนกลับมาอยู่ในเงื้อมมือของเปิ่นกงได้ใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาตื่นตระหนก ฮองเฮาเอ่ยเรื่องนี้ออกมาตรงๆ เห็นได้ชัดว่าฮองเฮามั่นใจอย่างที่สุดว่านางไม่มีทางออกไปจากวังหลวงได้
“ฮองเฮาเป็นคนเฉลียวฉลาด แม้แต่หม่อมฉันยังต้องครุ่นคิดอยู่นาน”
หลินเมิ้งหยาตอบเสียงเย็น ตอนนี้เหลือเพียงพวกนางสองคนแล้ว พวกนางไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อม ยิ่งไปกว่านั้น นี่มิใช่ครั้งแรกที่ได้ปะทะฝีปากกับฮองเฮา
“เด็กคนนี้ปากหวานเหลือเกิน คำพูดของเจ้าทำให้ข้ามิอาจปฏิเสธได้ แต่น่าเสียดาย เจ้าเกิดผิดที่ แต่งงานผิดคน เปิ่นกงไม่กลัวเลยที่จะบอกเจ้าว่าสนมเต๋อเฟยที่อยู่ในจวนของพวกเจ้าเป็นคนของเปิ่นกง ส่วนเต๋อเฟยตัวจริงตอนนี้อยู่ในวังหลวงที่เปิ่นกงดูแล พวกเราเป็นพี่น้องกันมานานหลายปี จึงยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ฉะนั้นเปิ่นกงยังคงเห็นใจนาง เปิ่นกงไม่หวังให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ เจ้าเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดมิควรทำ”
เตือนนางเท่านั้นหรือ? หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ดูเหมือนเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่าที่นางคาดไว้
“ในเมื่อเจ้ามีความกตัญญูรู้คุณอยากรักษาอาการของฮ่องเต้ เช่นนั้นเปิ่นกงก็รู้สึกยินดี แต่เมื่อเจ้าอยู่ในวังหลวงแล้ว เจ้าต้องเคารพกฎระเบียบของที่นี่ หากกระทำการอันใดที่มิถูกมิควร เช่นนั้นจะต้องมีคนรับผิดชอบแทนเจ้า”
ร่องรอยของความเย็นชาปรากฏในแววตาของฮองเฮา
นางกล่าวเตือนอย่างชัดเจน หากหลินเมิ้งหยาคิดตลบหลังนางแล้วล่ะก็ เช่นนั้นชีวิตของพระสนมเต๋อเฟยจะต้องตกอยู่ในอันตราย
น่ารังเกียจ! นางกล้าเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ตนเอง
ทว่าครุ่นคิดชั่วครู่ หลินเมิ้งหยาเองก็เคยใช้ไท่จื่อข่มขู่ฮองเฮาเช่นเดียวกัน
ความแค้นย่อมชำระด้วยความแค้น นางเองก็มิได้เสียเปรียบ
“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชา ฮองเฮาเป็นคนฉลาดเฉลียว หม่อมฉันเลื่อมใสยิ่งนัก แต่หม่อมฉันมีคำพูดหนึ่งอยากเอ่ยกับพระองค์เช่นเดียวกัน มีคนเคยกล่าวว่าหากเราเดินทางในความมืดมากเกินไป อาจจะต้องเจอกับภูตผี ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ จะมีใครบ้างที่ไม่เคยมีข้อผิดพลาด หม่อมฉันหวังว่าฮองเฮาจะไม่ถูกวิญญาณร้ายเข้ามารบกวนยามหลับใหลนะเพคะ”
หลินเมิ้งหยากล่าวโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ ฮองเฮารู้จักอุปนิสัยใจคอของนางดี หากนางยังคงยอมอ่อนข้อ เช่นนั้นฮองเฮาจะคิดว่านางเหยียบย่ำได้ง่ายๆ
เมื่อเทียบกับแต่ก่อน ตอนนี้นางหาใช่หญิงสาวผู้น่าสงสารอีกต่อไป
แม้นางจะยังไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรกับฮองเฮาได้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ
“คุณหนูหลินตัวดี ฮึ เรื่องของเปิ่นกงหาใช่กงการอันใดของเจ้าไม่ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงไปอยู่ที่เรือนเล็กข้างตำหนักชิงกง เข้ามา พาพระชายาไปพักผ่อน”
ตลอดหลายปีมานี้ไม่มีผู้ใดกล้าลบหลู่นางเช่นนี้เลย
สายตาจับจ้องเด็กสาวที่ถวายคำนับอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบค่อยๆ ถอนตัวออกไป
ภายในตำหนักชิงกงปรากฏเพียงความว่างเปล่า ใบหน้าของฮองเฮาแข็งทื่อ
“ฮองเฮา หนู่ปี้ส่งชายาอวี้ไปที่เรือนเล็กเรียบร้อยแล้วเพคะ”
ชิงหลานนางในคนสนิทของฮองเฮาก้มหน้าลง ก่อนจะเอ่ยรายงาน
“เด็กคนนี้หาใช่คนธรรมดา เจ้าสั่งให้พวกเขาระมัดระวังตัวให้มาก ตอนนี้อาการของฮ่องเต้เป็นเช่นไร?”
ใบหน้างดงามของฮองเฮาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา
“เหนียงเหนียงโปรดวางพระทัย คนของพวกเราสลายตัวออกมาหมดแล้วเพคะ ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับฮ่องเต้ ทั้งหมดล้วนมิใช่ความผิดของพวกเรา”
ชิงหลานเหยียดยิ้มพึงพอใจ
ฮองเฮาผงกศีรษะลง หันไปมองทางตำหนักชิงกงของฮ่องเต้ คนคนนั้นเอ่ยว่าขอเพียงฮ่องเต้ได้รับยาของเขา เช่นนั้นจิตวิญญาณของฮ่องเต้จะล่องลอยและไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก
พวกขุนนางและท่านอ๋องกลับยังไม่ตัดใจ ดังนั้นจึงคิดส่งหลินเมิ้งหยาเข้าวังเพื่อรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ แต่นั่นมิต่างอันใดจากการส่งนางเข้ามาตาย
สกุลหลินจะต้องล่มสลายไปพร้อมกับหลินเมิ้งหยาเช่นเดียวกัน!
“ทูลฮองเฮา ไท่จื่อขอเข้าเฝ้า”
ด้านล่างตำหนัก เสียงของขันทีดังขึ้น ร่องรอยของความเกลียดชังปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
แต่นางพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ แม้แต่นางในคนสนิทยังมองความคิดของนางไม่ออก
“ให้เขาเข้ามา ชิงหลาน เจ้าออกไปก่อน”
“เพคะ”
ชิงหลานรีบถอยออกไป ไท่จื่อที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินเข้ามาภายในตำหนัก
“ถวายพระพรหมู่โฮ่ว คืนนี้หมู่โฮ่วต้องตื่นตกใจ ลูกรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ฉะนั้นจึงมาดูอาการของหมู่โฮ่วพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่อพยายามเก็บซ่อนความกังวลเอาไว้ในใจ
เมื่อเทียบกับแต่ก่อน ตอนนี้ฮองเฮาแทบจะไม่ใส่ใจเขาอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะปฏิบัติตัวไม่ได้เรื่อง แต่ฮองเฮาก็ไม่เคยประณาม
ทั้งที่ฮองเฮาเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เขาสนิทที่สุด แต่เขากลับรู้สึกว่านางอยู่ไกลจากเขามากเหลือเกิน
“เจ้าเอาใจใส่เกินไปแล้ว เปิ่นกงไม่เป็นอะไร เจ้าจัดการญาติพี่น้องเช่นไรบ้างเล่า? อย่าทำให้ความแตกเป็นอันขาด หากเปิ่นกงจำไม่ผิด ไท่จื่อเป็นคนดูแลองครักษ์ในค่ำคืนนี้ใช่หรือไม่?”
โทสะแล่นพล่านในใจของฮองเฮา
นางรู้จักการเคลื่อนไหวของหลงเทียนอวี้ดี เขาต้องการพาตัวฮ่องเต้ออกไป ดังนั้นนางจึงตั้งใจส่งมอบกล่องของขวัญให้หลินเมิ้งหยาเพื่อหยุดการกระทำของหลงเทียนอวี้
ตอนนี้หาใช่เวลาฉีกหน้าหลงเทียนอวี้
นางวางแผนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าคนไร้ประโยชน์นี่ไม่เพียงทำลายแผนการของนาง ซ้ำยังบังอาจจุดไฟเผาตำหนักฮ่องเต้
ทั้งที่ตรวจสอบอย่างดีแล้วว่าดอกไม้ไฟไม่มีทางกระเด็นใส่ตำหนักชิงกงของฮ่องเต้อย่างแน่นอน หากมิใช่เพราะความตั้งใจของไท่จื่อแล้วล่ะก็ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
“หมู่โฮ่วได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วย ลูกเห็นว่าองครักษ์ในวังหลวงมีมากเกินไป อาจจะส่งผลต่อการพักผ่อนของเสด็จพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ล้วนมีแต่ญาติพี่น้อง ไม่มีทางมีคนนอก ดังนั้น…ดังนั้น…ลูกจึงส่งคนบางส่วนออกนอกวังไปพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่อเองก็รู้สึกหดหู่ไม่น้อย เขาวางแผนทุกอย่างมาอย่างดีแล้ว
ขอเพียงหมู่โฮ่วให้ความร่วมมือ คนร้ายผู้วางแผนการสังหารญาติพี่น้องจะต้องกลายเป็นหลงเทียนอวี้
หัวใจเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เหตุใดตั้งแต่เล็กจนโต หมู่โฮ่วไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง? นี่เป็นโอกาสที่จะได้โค่นล้มหลงเทียนอวี้แท้ๆ แต่กลับต้องล้มเหลวเพราะเหตุผลของหมู่โฮ่ว!