ข้ามมิติมาทั้งที ก็กลายเป็นตัวร้ายลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปซะแล้ว - ตอนที่ 67
“ไม่ต้องสาบาน ฉันเชื่อนาย” ฟางซวนตอบทันที
เธอเชื่อในสิ่งที่ฟางเฮิงพูดจริงๆ
อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าชามเครื่องลายครามขายได้ 5 ล้านไม่ใช่ความสามารถของฟางเฮิง
ด้วยคําพูดของฟางเฮิง ฟางซวนมั่นใจได้ว่าชามเครื่องลายครามต้องเป็นของปลอม
ใช้เงิน 5 ล้านหยวนซื้อชามเครื่องลายคราม ต้องเป็นหวังฮ่าวหลานแน่นอน 100% ที่ช่วยเหลือเด็กคนนี้
น้องชายคนนี้โง่จริงๆ คิดเหรอว่าตนเองจะสามารถประเมินสมบัติได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับความตั้งใจของฟางซวน
น้องชายใช้การประเมินสมบัติพื่อหาเงินและแก้ปัญหาทางการเงินของครอบครัวในที่สุด
จากการทําสิ่งที่น่าอับอายและได้รับเงินจํานวนมากนั้นก็ได้แหล่งที่มาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
ด้วยวิธีนี้ฉันก็จะไม่ถูกซุบซิบนินทา
ฟางซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถึงหวังฮ่าวหลานจะยังเด็ก แต่เขาก็ยังคิดอย่างรอบคอบ
“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”
ฟางซวนหันหลังกลับและต้องการกลับไปที่ห้อง แต่เมื่อเธอหันหลังกลับ ความเจ็บปวดอันบีบคั้นใจก็กระทบกระเทือนเธอจนเกือบทําให้ล้มลงกับพื้น
โชคดีที่ยึดกับกําแพงไว้ทันและยืนอย่างมั่นคงได้พอดี
“พี่สาว ทําไมพี่เดินไม่ค่อยดีเลย เป็นเพราะฉันหาเงินได้เยอะ พี่เลยตื่นเต้นมาก ใช่ไหม?” ฟางเฮิงคาดเดาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ใช่ๆ” ฟางซวนบีบเสียงหัวเราะออกมา
“พี่ ฉันว่าพรุ่งนี้พี่ควรลาออก งานเลขาจบลงแล้ว แล้วฉันจะเลี้ยงดูพี่ในอนาคตเอง” ฟางเฮิงมองไปที่ฟางซวนด้วยสายตาที่ลุกโชนและแนะนำ
เขารักฟางซวน แต่ยิ่งกว่านั้นเขามีความรักในแบบพิเศษ
เป็นเพียงว่าฟางเฮิงรู้สึกว่าเขาด้อยค่ามาก่อนและมีความนับถือตัวเองต่ำ เพราะงั้นเขาจึงซ่อนความรู้สึกที่พิเศษนี้ไว้ในใจเสมอ
แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เขาหาเงินได้มาก เขาสามารถเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวได้ และเขาสามารถปล่อยให้ฟางซวนมีชีวิตที่ร่ำรวยได้
“ถ้านายมีความคิดแบบนี้ได้ พี่สาวคนนี้ของนายจะมีความสุขมาก แต่ฉันยังคงต้องทํางานต่อไป”
“ถ้าพี่สาวคนนี้ไม่อยากทํางานสักวันฉันจะลาออกเอง”
ฟางซวนแสดงรอยยิ้มบางอย่าง
แต่ในใจกลับถอนหายใจ
น้องชายโง่ๆ ถ้าฉันไม่ไปทํางาน นายหาเงินได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง
5 ล้านหยวน นายคิดว่ามีเงินหล่นจากท้องฟ้าได้จริงๆเหรอ?
——
[ติ๊ง โฮสต์ควบคุมเบื้องหลังทําให้ตัวเอกฟางเฮิงที่ได้รับเงินก้อนแรกแล้วอวดนางเอกฟางซวนล้มเหลว ได้รับ 200 แต้มตัวร้าย! 】
หวังฮ่าวหลานถอดชุดหูฟังบลูทูธออกและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
ทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างราบรื่นอย่างที่เขาคาดไว้
ฟางซวนเข้าใจผิดคิดว่าเงิน 5 ล้านหยวนที่น้องชายเธอได้รับมานั้น เป็นเงินที่น้องชายเธอได้รับมาจากตนเองโดยทางอ้อม
หากคํานวณอย่างรอบคอบดูเหมือนว่าตัวฉันที่ได้เพิ่มเงินเดือนหนึ่งแสนต่อเดือนให้กับฟางซวน
ซึ่งสําหรับความงามที่ยิ่งใหญ่อย่างระดับของฟางซวนนั้นราคานี้ค่อนข้างถูก
ถ้าฟางซวนอยากเป็นคนเลวจริงๆ บวกกับว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ แล้วถ้าเจ้าขุนมูลนายใหญ่ๆ กว่านี้เต็มใจเสนอราคาให้ล่ะ เขาคงไม่ต้องให้เงินเป็นเดือนละห้าแสนหยวนเลยเหรอ
ทุกเดือนหนึ่งแสนหยวนจะส่งไปยังฟางซวน
ฉันมันเลวได้ใจจริงๆ
อย่างไรก็ตามมันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้ตัวฉันกลายเป็นตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่
หวังฮ่าวหลานหัวเราะเยาะตัวเองสักครู่แล้วเปิดหน้าต่างสถานะเพื่อดูการเก็บเกี่ยว
แต้มตัวร้ายสะสมถึง 3300 แต้มแล้ว
คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะสุ่มรางวัล แต่เลือกที่จะปรับปรุงความสามารถในการเอาชนะศัตรูโดยตรง
มีสองวิธีในการทําเช่นนี้
หนึ่งคือการอัปเกรดทักษะการใช้พิษและอีกอย่างคือการแลกเปลี่ยนพลังภายใน
เสี่ยวอี้เฟิงมีทักษะทางการแพทย์ระดับปรมาจารย์และแม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้สุตราพิษระดับสูงสุด แต่เขาเพิ่งเข้าใจทักษะพิษขั้นสูงในปัจจุบัน
หากต้องการใช้ยาพิษเพื่อจัดการกับเสี่ยวอี้เฟิงด้วยการระงับเทคนิคพิษให้อยู่ในระดับปรมาจารย์นั้นนับว่าไม่เพียงพอแต่ต้องอยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มีค่าใช้จ่ายรวม 4,000 แต้มตัวร้าย
นี่ยังไม่เพียงพอสําหรับเวลานี้
และแม้ว่าจะยกระดับเทคนิคพิษให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ ก็อาจไม่สามารถฆ่าเสี่ยวอี้เฟิงได้
ออร่าตัวเอกเสี่ยวอี้เฟิงสูงกว่าออร่าตัวร้ายของเขาหลายร้อยแต้ม
เมื่อเกิดวิกฤติร้ายแรงขึ้นเสี่ยวอี้เฟิงผู้มีออร่าตัวเอกคุ้มกะลาหัวจะต้องได้รับโชคอย่างมหาศาล ซึ่งจะช่วยขจัดวิกฤตที่ร้ายแรงออกไปได้
เพราะออร่าตัวร้ายไม่ได้ข่มออร่าตัวเอกของเสี่ยวอี้เฟิง หวังฮ่าวหลานไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเสี่ยวอี้เฟิงตอนนี้
การใช้พิษต้องได้รับการอัปเกรด แต่ไม่ใช่ตอนนี้
พินิจพิเคราะห์ หวังฮ่าวหลานใช้แต้มตัวร้าย 3000 โดยตรงเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะสองอย่าง
หนึ่งคือประสบการณ์ฝึกฝนสามปีและสองคือประสบการณ์ฝึกฝนหกปี
ในขณะเดียวกันค่าพลังต่อสู้ของหวังฮ่าวหลานก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
เพิ่มขึ้นจาก 289 เป็น 559
กล่าวอีกนัยหนึ่งในเวลาเพียงหกปีมีการเพิ่มค่าพลังต่อสู้ 270 แต้ม
การปรับปรุงคราวนี้ยังคงสูงมาก
แน่นอนว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างค่าพลังต่อสู้ของเขา 559 และค่าพลังต่อสู้ 983 ของเสี่ยวอี้เฟิง
มันยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเสี่ยวอี้เฟิง
นอกจากนี้ยังพยามยามต่อเพื่อฟาร์มแต้มร้ายและออร่าให้มีมากขึ้น
ฟางเฮิงตัวเอกที่ระดับความคุกคามต่ําต้องได้รับการดูแลและฟาร์มแต้มจากเขาให้มากขึ้นไปอีก
และจุดสําคัญของฟาร์มแต้มคือฟางซวน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หวังฮ่าวหลานก็โทรศัพท์ไปหาเจิ้นหลี่
“ลูกรัก ลูกยังไม่ได้นอนอีกเหรอ ทําไมจู่ๆ ถึงโทรหาแม่ล่ะ”
เสียงของเจิ้นหลี่มีพลังมากและสามารถได้ยินเสียงพลิกกระดาษเบา ๆ
เห็นได้ชัดว่าเธอยังยุ่งอยู่กับที่ทํางาน
นี่คือข้อเสียของการเป็นเจ้าของบริษัท แม้ว่าจะทําเงินได้มาก แต่เวลาที่ว่างนั้นน้อยมาก
“พรุ่งนี้โรงเรียนจะมีการประชุมผู้ปกครอง-ครู”
“พรุ่งนี้แม่ไม่ว่างนะ แล้วทําไมลูกไม่ไปตามปกติล่ะ” เจิ้นหลี่ถามด้วยน้ําเสียงเชิงคำถาม
หวังเซียงและเจิ้นหลี่ต่างก็บริหารบริษัทและในอดีต เมื่อมีการประชุมผู้ปกครอง-ครูคนขับรถที่มารับลูกชายจะไปที่นั่นในนามของทั้งสอง
อย่างไรก็ตามเจิ้นหลี่ได้ตัดสินใจแล้วว่าหากลูกชายของเธอเอ่ยปากของเขาว่าต้องการให้เธอไป เธอก็จะไปแน่นอน
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมไม่ต้องการให้แม่มาหรอก แค่คราวนี้ผมต้องการเปลี่ยนเป็นคนอื่น”
“ไม่มีปัญหา ลูกอยากให้ใครใครไป”
“เลขาของแม่”
——
วันรุ่งขึ้น
หวังฮ่าวหลานไปเรียนตามปกติ
ในช่วงปิดภาคเรียน นักเรียนบางคนกังวลเกี่ยวกับการประชุมผู้ปกครองครู (ใครงงตรงนี้คือปล่อยผ่านไปนะครับ เพราะระบบการศึกษาของจีนไม่เหมือนกับบ้านเรา ซึ่งผมก็งงเหมือนกันว่าทำไมช่วงปิดเรียนถึงมีประชุมผู้ปกครอง-ครู555)
นักเรียนบางคนเป็นเพราะพ่อแม่ขมาไม่ได้
ส่วนคนอื่นๆ เป็นเพราะเกรดและผลงานที่ทำออกมาไม่ดีของพวกเขาเอง ก็กลัวว่าเมื่อผู้ปกครองมาก็จะโดนบ่นเอาได้
“ถ้าฉันเป็นฉู่ป๋ายฉันเองก็จะไม่มาเหมือนกัน” ในฐานะนักเรียนที่ยากจนเฉินซีมองไปที่นั่งด้านข้างที่ว่างอยู่ของเขา
ที่นั่งว่างนั้นหวังฮ่าวหลานก็สังเกตเห็นเช่นกัน
หวังฮ่าวหลานเข้าใจว่าเหตุผลที่ฉู่ป๋ายไม่มาไม่ใช่เพราะการประชุมผู้ปกครอง-ครู
แต่พวกบ้าทางวิทยาศาสตร์ที่เคลื่อนไหวเร็วเหล่านั้นได้เริ่มต้นลงมือแล้ว
ในเวลานี้ฉู่ป๋ายน่าจะอยู่ระหว่างเดินทางไปยังห้องทดลองเพื่อทำการทดลอง
การหายตัวไปของฉู่ป๋ายไม่ได้ทําให้เกิดการเคลื่อนไหวมากนัก
การสูญเสียออร่าตัวเอกของเขาทำให้เขากลายเป็นตัวประกอบดาดๆ และไม่มีใครสนใจ
หวังฮ่าวหลานออกจากห้องเรียนและไปในทิศทางของทางเดินระเบียง
ในเวลานี้ฉินหยุนหานกําลังเอนบนขอบระเบียงและกังวลอยู่คนเดียว
“อารมณ์เสียเพราะประชุมผู้ปกครองครู?” หวังฮ่าวหลานเข้าหาฉินหยุนหานและถาม
“ใช่ แต่ฉันชินกับมันแล้ว พ่อฉันไม่เคยมาประชุมผู้ปกครอง-ครูเลย และตอนบ่าย ฉันก็จะยืนอยู่นอกห้องเรียนตลอดทั้งบ่าย” ฉินหยุนหานแสร้งทําเป็นพูดอย่างชิวๆ
“พ่อแม่ของฉันไม่เคยเข้าร่วมการประชุมผู้ปกครอง-ครูและพวกเขามักจะปล่อยให้คนอื่นมาในนามแทนพวกเขาเหมือนกัน” ทันใดนั้นหวังฮ่าวหลานก็ถอนหายใจเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเราจะเหมือนกัน…”
เมื่อฉินหยุนได้ยินสิ่งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองและหวังฮ่าวหลานมีความรู้สึกน่าสงสารซึ่งกันและกัน
ทั้งสองเป็นลูกของตระกูลที่ร่ำรวย ญาติสนิทของทั้งสองนั้นเป็นผู้นำทางธุรกิจและมักจะยุ่งอยู่เสมอ อย่างการประชุมผู้ปกครอง-ครูเช่นนี้และพวกก็จะไม่ได้มาเข้าร่วม
เธอกับหวังฮ่าวหลานเป็นคนประเภทเดียวกัน
ฉินหยุนมองไปที่หวังฮ่าวหลานโดยไม่หันหน้าเข้าหาเขาและทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนได้พบมิตรสหาย
[ติ๊ง หนึ่งในนางเอกฉินหยุนหานได้เพิ่มระดับความชื่นชอบใจต่อโฮสต์ 5 แต้ม ระดับความชื่นชอบโดยรวมในปัจจุบันคือ 35 (เป็นมิตรมาก)]
[ติ๊ง โฮสต์มีผลต่อทิศทางของเนื้อเรื่องได้รับ 100 แต้มตัวร้าย!]