ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ - ตอนที่ 44 ความรักของไอ้อ้วน
บ่ายวันนั้น เย่เทียนเตรียมตัวจะไปที่บาร์
ซึ่งบาร์ที่เขาจะไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เขาพักอยู่ ใช้เวลาเดินเท้าเพียงแค่สิบนาทีก็ถึง
เอี๊ยด!
เมื่อเขาเดินไปได้แค่ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็มีรถโตโยต้าเอสยูวีคันหนึ่งมาจอดขวางหน้าเขา ในขณะที่เย่เทียนกำลังงุนงงอยู่นั้น หน้าต่างรถก็ค่อยๆ เลื่อนลง ทำให้เขาเห็นใบหน้าที่อ้วนพลิ้วและเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ในรถ
“เย่เทียน!”
เย่เทียนหันไปมองอีกฝ่าย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ตะโกนออกไปอย่างลังเลว่า “ใช่ไอ้อ้วนห่าวไหม?”
“ไอ่บัดซบเอ๊ย! ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว นายลืมพี่ใหญ่คนนี้เลยเหรอ?”
ไอ้อ้วนห่าวเปิดประตูรถออกมา จากนั้นรัวหมัดทั้งเบาและหนักไปที่เย่เทียนแล้วกอดไหล่ของเย่เทียนและพูดอย่างได้ใจว่า “เป็นไง รถใหม่ของข้า ตั้งสองแสนกว่าหยวนเลยนะเนี่ย!”
เมื่อเย่เทียนเห็นแบบนี้ เขาก็ส่ายหัวตอบด้วยรอยยิ้ม “ก็พอใช้ได้”
“อย่าแสร้งไปหน่อยเลยน่า อิจฉาล่ะสิไม่ว่า จะบอกให้นะ รถคันนี้จ่ายด้วยเงินสดนะ! เบาะหนังหรูหราของแท้ พื้นที่ภายในก็กว้าง กลางค่ำกลางคืนจะแวะข้างทางหรือจะพลิกสามร้อยหกสิบองศาก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก!”
ไอ้อ้วนห่าวยังคงพูดจาเย้ยหยันและชมตัวเองต่อหน้าเย่เทียนอย่างไม่หยุด
ซึ่งชายอ้วนคนนี้ชื่อเต็มชื่อว่าห่าวเหริน เป็นเพื่อนสนิทของเย่เทียนในสมัยที่เรียนมหาลัย
หลังจากจบมา ห่าวเหรินก็มาช่วยงานของพ่อในที่ทำงานรับเหมา เขาจึงถือได้ว่าเป็นคนที่มั่นคงเมื่อเทียบกับคนในรุ่นเดียวกันก็ได้
ห่าวเหรินค่อนข้างมีเงิน ด้วยทรัพย์สินหลายล้านหรือมากกว่านั้น แต่เมื่อเทียบกับเย่เทียนแล้วเขาถือว่าไม่เลวเลยล่ะ และเขาก็มักจะชวนเย่เทียนทำตัวเกลือกกลั้วไปทั่ว
“ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นนายเลยล่ะ? โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด ไปแอบทำตัวเหลวไหลที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย?”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ห่าวเหรินก็ถามขึ้น
เย่เทียนยักไหล่ตอบ “เปล่า โทรศัพท์ของข้ามันเสียไปแล้ว ก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนเบอร์ไปด้วยเลย โทษทีนะที่ไม่ได้บอกนาย!”
หลังจากที่เย่เทียนฟื้นมาจากความตาย มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอห่าวเหริน เขาคงจะลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้ว
“เอาล่ะ พี่น้องกัน จะพูดอะไรเยอะแยะ ไป วันนี้ข้าขอเลี้ยงเหล้านายสักวัน! ช่วงนี้ข้าเจอเทพธิดาในฝันที่บาร์แห่งหนึ่ง! นายไม่รู้หรอกว่าเธอสวยขนาดไหน เดี๋ยวข้าพาไปรู้จักซ้อใหญ่ในอนาคตของนายเอง!”
เมื่อห่าวเหรินพูดถึงเรื่องนี้ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาไม่ปล่อยโอกาสให้เย่เทียนปฏิเสธและรีบพาเขาขึ้นรถไปทันที
แต่เมื่อไปถึงที่หมาย เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เพราะที่ที่ห่าวเหรินพามาคือร้านดรุณียั่วรัก!
เมื่อนึกถึงซูเหมย เย่เทียนมองไปที่ห่าวเหรินด้วยความสงสัย
“ที่นายบอกว่าเป็นเทพธิดา คงไม่ได้หมายถึงเจ้าของบาร์นี้ใช่ไหม?”
“ใช่ เธอนั่นแหละ ชื่อซู……”
ห่าวเหรินขมวดคิ้ว อย่ามองว่าเขาพูดจาสวยหรู ความจริงแล้วเขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้สองสามครั้งเท่านั้น เขาไม่แม้แต่จะกล้าคุยกับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าไม่รู้จักชื่อจริงของซูเหมยอยู่แล้ว!
“ซูเหมย!” เย่เทียนต่อประโยคให้เขาอย่างไม่เกรงใจ
“ใช่ เธอชื่อซูเหมย อ้าว เย่เทียน แล้วนายรู้ได้ไงว่าเจ้าของบาร์ชื่อซูเหมย?”
ห่าวเหรินตบต้นขาตัวเองแล้วมองไปที่เย่เทียนอย่างประหลาดใจ
เย่เทียนตอบอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เพราะข้ารู้จักเธอไงล่ะ ความสัมพันธ์ก็ถือไม่เลวด้วยนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ห่าวเหรินถึงกับหัวเราะออกมาเพราะไม่เชื่อเขา
“อย่างนายนะ? ตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมกันยังไม่ถึงพันเลย แล้วจะไปรู้จักประธานซูได้ยังไงกันล่ะ? พอทีเถอะน่า ไม่จำเป็นต้องแต่งเรื่องหรอก!”
เมื่อพูดจบ เขาก็จอดรถและพาเย่เทียนเดินเข้าไปด้วยท่าทีที่คุ้นเคยต่อที่นี่
อันที่จริงแล้วห่าวเหรินแค่อวดต่อหน้าเย่เทียนก็เท่านั้น ซึ่งร้านดรุณียั่วรักนั้นถือเป็นสถานที่ผลาญเงินที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลยล่ะ ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก็เป็นเงินหลักหมื่น แม้แต่ห่าวเหรินที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านก็ไม่อาจมาผลาญเงินที่นี่บ่อยๆ ได้
เย่เทียนไม่ได้ขัดความเจตนาของเขา เพราะในอดีตห่าวเหรินช่วยเขาไว้เยอะ ดังนั้นห่าวเหรินจึงถือว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่หายากที่สุด
“เดี๋ยวให้เซี่ยวลิ่วลงบิลฟรี ถือว่าเราเป็นคนเลี้ยงก็แล้วกัน”
เย่เทียนคิดในใจและทั้งสองก็เดินเข้าไปในบาร์
ในขณะนี้ มีพนักงานคนหนึ่งที่เห็นเย่เทียน เขาจึงจะรีบเข้ามากล่าวทักทาย
ห่าวเหรินชิงพูดก่อนว่า “ขอมุมวีไอพีให้พวกเราด้วยนะครับ!”
พนักงานตะลึงและเหลือบมองไปที่เย่เทียนด้วยความสงสัย แต่เย่เทียนพยักหน้าให้ เขา เขาจึงยิ้มตอบกลับว่า “ได้ครับ เชิญทั้งสองท่านทางนี้เลยครับ”
ห่าวเหรินยังไม่ลืมที่จะโชว์พาวให้เย่เทียนดู “เป็นไงล่ะ เจ๋งพอไหม? ข้าเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้เลยนะ ขนาดพนักงานยังเข้ามาทักทายข้าก่อนเลย!”
เย่เทียนได้แต่หัวเราะเบาๆ โดยที่ไม่พูดอะไร
เขาไม่ได้คิดจะบอกเรื่องที่เขาเป็นผู้จัดการของบาร์นี้ให้กับห่าวเหรินรู้อยู่แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็นั่งอยู่ในที่นั่งวีไอพีที่ใกล้กับเคาน์เตอร์บาร์ที่สุด
ห่าวเหรินสั่งบัดไวเซอร์มาสองโหล และทั้งสองก็หยิบขวดขึ้นมาชน
“เย่เทียน มา หมดขวด เราสองคนพี่น้องไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว วันนี้ไม่เมาไม่เลิกสักหน่อย!”
เย่เทียนยิ้มจางๆ การที่เขาบังเอิญเจอกับห่าวเหริน ทำให้เขานั้นนึกถึงความทรงจำในอดีต และมีเรื่องมากมายที่จะคุยกับห่าวเหรินด้วย
แต่เมื่อเห็นห่าวเหรินขมวดคิ้วแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“เป็นไร ช่วงนี้นายมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรต้องเครียดหรอก ในโลกนี้ที่ต้องเครียดที่สุดก็คือผู้หญิงกับเงินทอง แต่พี่ชายคนนี้มีทั้งเงินมีทั้งผู้หญิงแล้ว ยังมีเรื่องอะไรต้องเครียดอีก?”
ถึงเขาจะพูดอย่างนั้น แต่การแสดงออกของเขาไม่ตรงตามที่พูดเลย
เย่เทียนจำได้คร่าวๆ ว่าเมื่อก่อนห่าวเหรินเคยมีผู้หญิงที่เขาชอบมากๆ อยู่คนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็หักอกห่าวเหริน
เรื่องนี้ก็ทำให้ห่าวเหรินต้องทำใจเป็นเวลานานมาก
เมื่อได้เห็นห่าวเหรินที่เป็นแบบนี้ มันเริ่มคล้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถึงเย่เทียนจะเก่งขนาดไหน เรื่องความรู้สึกนั้นเขาก็ช่วยห่าวเหรินไม่ได้หรอก เขาจึงทำได้เพียงตบไหล่ห่าวเหรินเบาๆ แล้วดื่มด่ำและพูดคุยไปด้วย
“เสี่ยวเหวิน มานั่งที่นี่สิ?”
ในขณะนั้น ก็มีเสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นข้างหู
เย่เทียนและห่าวเหรินหันไปดูทันที และพวกเขาก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะที่นั่งถัดไปของพวกเขา
ผู้ชายดูหนุ่มมาก ทั้งตัวเขามีแต่ชุดแบรนด์เนมและเขาดูหล่อเหลามาก
ส่วนผู้หญิงก็แต่งตัวดูดีตามแฟชั่นและดูสวยใสมาก ในขณะที่เธอเกาะแขนผู้ชายคนนั้น เธอเหมือนกับนกน้อยที่น่ารักตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนไหล่คน
แค่มองไปห่าวเหรินก็กำขวดเบียร์ไว้แน่นๆ ทันที!
เย่เทียนเห็นว่าเขามีบางอย่างแปลกไป เมื่อลองสังเกตดูอีกที เขาก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหยูเสี่ยวเหวินที่เคยเรียนด้วยกันในมหาลัย และยังเป็นแฟนเก่าที่เคยหักอกห่าวเหรินด้วย!
ในอดีต ห่าวเหรินรักหยูเสี่ยวเหวินมาก เขาตามจีบเธอตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสาม จนกระทั่งปีสุดท้ายทั้งสองถึงลงเอยกันจนได้
แต่ถึงอย่างนั้น เย่เทียนก็ดูความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาออกตั้งนานแล้ว
ถึงหยูเสี่ยวเหวินจะเป็นคนหน้าตาดี แต่เธอนั้นเห็นแก่เงินมากเกินไป การที่เธอยอมคบหากับห่าวเหรินก็เพราะเห็นแก่เงินของเขาเท่านั้น!
และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เย่เทียนเดานั้นไม่ผิด หลังจบมาไม่นาน ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ทั้งคู่ก็ได้เลิกรากันไป
เย่เทียนรู้เรื่องนี้ เขาจึงยื่นมือออกไปตบไหล่ของห่าวเหรินเบาๆ และพูดปลอบใจว่า “ไอ่อ้วน ช่างมันเถอะน่า เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว! ข้าว่าหยูเสี่ยวเหวินคนนี้ไม่คู่ควรกับนายเลยด้วยซ้ำ