ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 33: ศัตรูบุก
“ เฮ้ยกวนตีนเหรอวะ! ”
ระหว่างที่ผมกินอาหารกลางวันกับอลิเซียอยู่ในร้านที่โซเนียแนะนำ ก็พลันมีเสียงคำรามอย่างก้าวร้าวดังก้องขึ้นมาภายในร้าน
“ มีหนูอยู่ในกับข้าวนี่หว่า! ร้านห่านี่ไม่มีมาตรฐานเลยรึไงวะ! ”
มองไปแล้วก็พบว่า เหล่าผู้ชายที่นั่งสุมหัวอยู่รอบโต๊ะที่นั่งตรงนั้นได้เรียกตัวคุณพนักงานมาตะคอกด่าซะยับ
เหล่าผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดูเป็นคนพาลอย่างชัดเจนพากันเอามือกระแทกโต๊ะดั่งกับขู่ขวัญไปพลาง กล่าวรัวไม่หยุดเข้าใส่คุณพนักงานที่ร่างสั่นระริก
“ ถ้าแดกของพรรค์นี้แล้วเกิดป่วยขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไงวะ!? ไปเรียกเจ้าของร้านมา! แสดงความจริงใจหน่อยเว้ยจริงใจให้ดูหน่อยเป็นป่าวว! ”
ดูเหมือนพวกผู้ชายจะกำลังเรียกร้องค่าทำขวัญเพราะเกือบจะกินหนูเข้าไปเนื่องจากความสะเพร่าของทางร้าน
แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีหนูปะปนเข้ามา
ผมลุกขึ้นยืน เนื่องจากไม่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำที่จะส่งผลให้ร้านอาหารสุดพิเศษที่โซเนียช่วยแนะนำให้รู้จักร้านนี้ต้องเสื่อมเสีย
“ อ่า ขอเวลาหน่อยได้รึเปล่าครับ? ”
“ อ๋าา? อะไรของเอ็งไอ้หนู ”
“ คุณบอกว่ามีหนูอยู่ในอาหาร แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเนอะครับ? ตามปกติแล้วร้านอาหารมีระดับแบบที่นี่จะทำการจ้าง <กิฟต์> ซึ่งมีความเป็นเลิศในด้านตรวจจับให้มาไล่กำจัดพวกแมลงและหนูอยู่ตั้งบ่อยไป ยิ่งถ้ามีหนูหลงเข้ามาทั้งตัวในระหว่างปรุงแบบนี้แล้วก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่ ต่อให้พูดยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ ”
ลองโต้แย้งแทนที่คุณพนักงาน
แต่เหมือนว่าฝั่งพวกผู้ชายจะไม่ได้คิดโต้เถียงด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม,
“ หาา? เอ็งรู้ตัวมั่งป่าวว่ากำลังหาเรื่องใครอยู่? พวกเรามี <กิฟต์> สายต่อสู้เลเวล 70 กันหมดทุกคนเลยเชียวนะเว้ย? ไม่รู้หรอกนะว่าเอ็งกำลังเหลิงเพราะเพิ่งได้ <กิฟต์> มาหมาดๆ รึไง แต่อย่าทะลึ่งมาเสือกไม่เข้าเรื่องเชียวนะโว้ยไอ้ควายพูดอะไรมั่วซั่ว! ”
ว่าแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมากระแทกร่างใหญ่อัดเข้าใส่
ไม่เชิงเป็นการโจมตี ออกไปในทำนองพุ่งชนเพื่อข่มขวัญมากกว่า
ตัดสินใจว่าหากหลบแล้วจะยิ่งโดนดูถูกเข้าไปใหญ่ ผมจึงลองเสี่ยงเอาตัวรับดู
ทว่า
“ เอ๊ะ? ”
“ เห๊ะ? ”
ผมกับผู้ชายคนนั้นต่างส่งเสียงแบบเซ่อซ่าออกมาพร้อมกัน
เพราะว่าตัวผมที่โดนพุ่งชนอย่างจังนั้นไม่ได้มีกระดิกเลยแม้แต่น้อย
กลับกันแล้วฝั่งผู้ชายกลับเป็นฝ่ายกระดอนออกไปล้มก้นจ้ำเบ้าเข้าอย่างจังเฉยเลยซะงั้น
เอ๊ะ? มะ มันยังไงกันน่ะ?
ถึงจะเตรียมรอรับแรงกระแทกอยู่พอควร แต่โดยหลักแล้วผมแค่ยืนหัวโด่อยู่เฉยๆ เท่านั้นเองนะ
ฝั่งผู้ชายก็มึนงงไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นยังไงเหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดใบหน้านั้นก็ถูกย้อมฉาบไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ เอ็งไอ้บรรลัย ใช้สกิลอะไรบางอย่างสินะ!? ไม่งั้นละก็ตัวฉันที่เป็น <นักดาบ> เลเวล 70 คนนี้ไม่มีทางจะล้มคะมำหรอก……! บังอาจมาทำให้ฉันขายหน้าซะได้ อย่าหวังว่าจะออมมือให้อีกเลยไอ้เวร! ”
เสียงกรีดร้องดังก้องขึ้นภายในร้าน
เนื่องจากผู้ชายคนนั้นชักดาบแล้วทะยานตรงเข้ามาฟันใส่ผมนั่นเอง
“ เหวย!? เดี๋ยว จู่ๆ เล่นฟันกันเลยแบบนั้นมัน—!? ”
เกินไปแล้วแบบนี้
แต่จะเปิดฉากสู้แบบจริงจังในที่แบบนี้ก็ไม่ได้ ผมจึงเลือกปัดการโจมตีของผู้ชายในทันตา และในฉับพลันนั้นแหละ
“ ห้ะ—!? อ๊าาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกก!? ”
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงง!
ผู้ชายปลิวกระเด็น กวาดเอาพวกพ้องทุกคนลอยทะลุไปกองแผ่อยู่หน้าร้าน
แล้วเหล่าผู้ชายที่ล้มหงายในสภาพมีฟองท่วมปากก็ไม่มีดุกดิกอีกเลย
เหล่าผู้คนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ล้วนต่างแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกกันไปทุกราย
แน่นอนว่าทางผมเองก็ตึ๊บไปเลยเช่นกัน
“ ………………ห้ะ? ”
เปล่งเสียงออกมาอย่างมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าอะไรเป็นยังไง
แต่หลังจากผ่านไปได้หลายวินาที ผมที่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองก็อึ้งตะลึงงัน
จริงด้วย ตัวผมในตอนนี้เป็นเลเวล 140 ไปแล้วนี่นา
“ ไม่สิแต่ว่า นี่แกร่งขึ้นถึงระดับไหนเลยเชียวน่ะ……!? ”
<นักดาบ> เลเวล 70 นี่หากให้ว่าแล้ว ก็ถือเป็นนักผจญภัยระดับกลางที่ใกล้เคียงกับระดับมืออาชีพ
ประสิทธิภาพของ <กิฟต์> แต่ละตัวจะแตกต่างกันไปก็เลยเปรียบเทียบแบบง่ายๆ ไม่ได้หรอกนะ แต่หากคิดว่าคุณเรนนี่ที่เป็นผู้ทดสอบคนนั้นคือเลเวล 80 แล้ว พวกผู้ชายเหล่านี้ก็จะถือว่าไม่ได้อ่อนแอเลย
เป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่แค่ปัดหน่อยเดียวก็ปลิวกระเด็นไปกันทั้งก๊วนแล้วเนี่ยนะ……
แถมคราวนี้ <ได้เปรียบต่างเพศ> ก็ไม่ได้ทำงานด้วยอีกต่างหาก
ดูเหมือนว่าการเลเวลอัพแบบก้าวกระโดดทะลุเกินเลเวล 100 ครั้งนี้มันจะฉุกละหุกเกินไป จนร่างกายไม่อาจจะรับรู้และปรับแรงได้ทันแน่ะ ช่วงนี้ผมก็งดเข้าพิชิตดันเจี้ยนเพื่อป้องกันเผื่อในกรณีที่ดุ้นซึ่งถูกเอาไปกระจายขายเกิดสร้างผลเสียตีกลับมาด้วยไง เลยยิ่งทำให้รู้ตัวช้าหนักเข้าไปใหญ่น่ะนะ เนื่องจากดันเจี้ยนระเบิดใกล้จะสงบลงเต็มที ก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องรีบไปลุยดันเจี้ยนแล้วด้วย……
เป็นตรงนั้นเองที่ผมตื่นจากภวังค์
จัดการพวกผู้ชายได้นี่มันก็ดีหรอก แต่พลั้งมือไปทำร้านพังซะยับเยินเข้าให้แล้ว
“ ขอโทษนะครับผมดันก่อเรื่องซะได้! จะจ่ายค่าซ่อมแซมให้นะครับ! ”
แม้คุณเจ้าของร้านจะยืนกรานว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณช่วยปกป้องร้านเราไว้ให้นี่นา!” แต่ผมที่สำนึกผิดสุดฤทธิ์ก็กล่าว “ไม่รับไม่ได้นะครับ!” แล้วบีบให้เค้ารับเหรียญทองไปจนได้
ต้องรีบเข้าใจขอบเขตพลังเต็มที่ของตัวเองโดยเร็ว แล้วหาโอกาสฝึกซ้อมคุมพลังในตอนต่อสู้แล้ว……
แต่คู่มือที่แกร่งพอให้ใช้เรี่ยวแรงของเลเวล 140 เข้าใส่ได้จังๆ นี่มันก็คงหาไม่ได้ง่ายๆ หรอกเนอะ……ผมคิดอย่างกลัดกลุ้ม—และเป็นในจังหวะนั้นเอง
ที่เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเหลือเกิน
ถ้ามีคู่มือที่แกร่งพอจะทุ่มพลังเข้าใส่ได้จังๆ ก็ดีสิ……ดั่งกับว่าความคิดดังกล่าวของผมได้กลายเป็นจริงในรูปแบบเลวร้ายที่สุด—พลันมีเสียงไซเรนเสียดหูดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งเมือง
[เตือนภัยฉุกเฉิน! เตือนภัยฉุกเฉิน! นักผจญภัยเตรียมอุปกรณ์เครื่องสวมใส่ให้พร้อม แล้วมุ่งมายังบริเวณหน้าประตูทิศเหนือเดี๋ยวนี้!]
“ ……เอ๊ะ? ”
[ฝูงอาร์เมอร์แอนท์กำลังบุกเข้ามาจากทางตอนเหนือของเมือง! จำนวนมีมากกว่า 400 ตัว! ชนิดกองทัพค่ะ! นักผจญภัยทุกคนรีบเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้โดยด่วน! ชาวเมืองทุกคนโปรดลี้ภัยไปยังประตูทิศใต้ด้วยค่ะ!]
“ ……ฮึก!? ”
เสียงประกาศจากผู้ใช้เวทเสียงได้ทำให้ดวงตาของผมเบิกโพลง
อาร์เมอร์แอนท์ชนิดกองทัพ!?
แถมจากทางตอนเหนือของเมืองนี่……
“ ……ทิศที่ตั้งของหมู่บ้านอาร์โก……ที่พวกเราใช้เป็นแหล่งดำเนินมาตรการรับมือกับดันเจี้ยนระเบิด……? ”
“ เกิดบ้าอะไรขึ้นน่ะ……!? ”
ดันเจี้ยนระเบิด—ภัยพิบัติที่อาจกลายเป็นต้นเหตุนำไปสู่การอุบัติขึ้นของมอนสเตอร์จำนวนมากได้นั่นมันใกล้จะสงบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ผมกับอลิเซียหันมองหน้ากัน ก่อนจะวิ่งทะยานไปตามถนนหลักที่เปี่ยมล้นไปด้วยความอลหม่าน