ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~ - ตอนที่ 30: มันก็ฝันหรอก! แต่มันไม่ใช่ฝัน!
- Home
- ขับไล่ไอ้มารตัณหา ~เพราะได้รับกิฟต์สุดอนาจารเลยโดนไล่ออกจากนครหลวง แต่แค่ทำเรื่องลามก (รวมช่วยตัวเองด้วย) ก็เวลอัพแบบพรวดพราดเฉย~
- ตอนที่ 30: มันก็ฝันหรอก! แต่มันไม่ใช่ฝัน!
หลับเห็นฝันที่โซเนียเอาไอ้จ้อนแท่งที่แยกตัวออกของผมไปใช้สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
แล้วจากนั้นเลเวลก็เพิ่มพุ่งพรวด
ขนาดตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากำลังพูดบ้าอะไรออกมา แต่ข้อมูลที่ถูกแสดงบนสเตตัสเพลทก็เป็นตัวบ่งชี้ว่านั่นแหละคือความเป็นจริงอย่างไร้ข้อกังขา
เอ้ยแต่มันเป็นไปได้เหรอ เรื่องจริงน่ะเหรอ……? เป็นในยามที่ผมยืนตะลึงอึ้งค้างอยู่เช่นนั้น
“ ……เอริโอ ทำไมเลเวลถึงขึ้นล่ะ? ”
“ ฟุว๊า!? ”
สงสัยใจจะไม่อยู่กับเนื้อตัวสุดขีดไปเลยมั้ง
พอเห็นอลิเซียที่ตื่นนอนแล้วมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ปุ๊บ ผมก็แผดเสียงร้องลั่นพร้อมถอยหลังกรูด
“ ……หรือว่า เมื่อคืนหลังจากจัดให้ฉันสลบไปแล้ว……จะแอบไปมีอะไรกับหญิงอื่น……? ”
อลิเซียไม่ได้มีท่าทางโกรธหรือเศร้าเป็นพิเศษ
เธอแค่สูดลมหายใจดังฟืดฟาดด้วยความหวังว่า “ถ้าสนิทสนมกับหญิงอื่นได้ ก็ต้องทำกับฉันเยอะๆ กว่านี้ได้ด้วยสินะ……?” พร้อมทำท่าจะจับผมปล้ำได้ทุกวินาทีแล้ว
“ มะ ไม่ชะ ไม่ได้เป็นแบบนั้นซะหน่อย……!? ”
ผมเรียงคำพูดดั่งกับข้อแก้ตัวออกมาโดยที่สับสนอลหม่าน
แต่ทางที่ผมซึ่งเป็น <มารตัณหา> จะสามารถเลเวลอัพขนาดนี้ได้ภายในช่วงเวลาเพียงคืนเดียวนั่นมันก็มีได้เพียงหนึ่งเท่านั้น……และถ้าเกิดว่าใช่ตามนั้น งั้นนี่ก็จะถือเป็นปัญหาที่ท่อนล่างของผมมีส่วนผิดเต็มๆ
หลังจากทำให้อลิเซียสงบลงแล้ว ผมก็รีบรุดหน้ามุ่งตรงไปยังสถานที่ซึ่ง ‘คาดว่าน่าจะใช่’ อย่างรวดเร็ว
“ ขอโทษด้วยนะคะ นานๆ ทีคุณหนูจะนอนตื่นสายแบบนี้……ถ้าไม่รังเกียจกรุณาช่วยรอที่ห้องรับแขกก่อนเถอะค่ะ ”
เมื่อมาถึงบ้านของโซเนีย คุณเมดก็เข้ามาต้อนรับพวกผมอย่างสุภาพที่บริเวณหน้าประตู
ผมกับอลิเซียไล่หลังคุณเมดที่ช่วยนำทางไปยังห้องรับแขก ก้าวเท้าไปตามห้องโถงขนาดใหญ่ของคฤหาสน์
เป็นในตอนนั้นเอง
“ เอะ เอริออร์!? ”
คงเพิ่งตื่นนอนและกำลังจะไปลูบหน้าแต่งตัวละมั้ง
บริเวณชั้นสองของห้องโถงที่ถูกสร้างให้เปิดกว้างนั่นเอง
ที่โซเนียในสภาพชุดนอนกำลังยืนอยู่เหนือบันไดที่เชื่อมจากชั้นนั้นขึ้นไปยังชั้นข้างบนอีกที
แต่ท่าทางของเธอนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าแหม่งๆ
“ ทะ ทำไมถึงมาตั้งแต่ยังเช้าแบบนี้……ระ หรือว่าเรื่องที่ฉันทำลงไปมันโป๊ะแตกเข้าซะแล้ว……!? กะ ก็รู้หรอกว่าต้องขอโทษ แต่ไม่นะกะทันหันฉุกละหุกแบบนี้ ไม่ไหว……! ”
จังหวะที่สบตากับผม เธอก็สะดุ้งโหยงแทบหงายหลังด้วยใบหน้าแดงแปร๊ด
หนำซ้ำโซเนียยังเอาสองมือปิดใบหน้าแล้วพยายามจะวิ่งหนีอย่างกะทันหันด้วยอีก—ก็เลยก้าวขาพลาดเข้าให้
“ เอ๋—!? ”
นั่นเค้าลนลานมากถึงขนาดไหนกันเลยเชียว โซเนียที่เสียศูนย์อย่างใหญ่หลวงนั้นก้าวขึ้นบันไดพลาด กลายเป็นร่วงดิ่งตกลงมาในสภาพเอาหัวลง
“ ฮึก!? อันตราย! ”
ก่อนที่ตัวโซเนียเองและคุณเมดจะทันได้แผดเสียงกรีดร้อง ร่างกายของผมก็ได้ขยับออกไปเองโดยพลการ
แล่นทะยานประหนึ่งเหินขึ้นบันไดด้วยเรี่ยวแรงกำลังกายที่ต่อให้คิดยังไงก็พาวเวอร์อัพขึ้นมายิ่งกว่าเมื่อวาน แล้วจึงรับตัวโซเนียเอาไว้ได้แบบหวุดหวิด
“ โซเนีย ไม่เป็นอะไรนะ!? ”
“ ฮะวะ อะหวาหวาหวาหวาหวาหวา!? ถ้าถูกเอริออร์กอดแบบนี้ เดี๋ยวความทรงจำเมื่อวานมันก็……! ”
ลองส่งเสียงเรียกเช็คดูอาการ แต่เหมือนท่าจะอาการหนักมั้งแบบนี้
โซเนียที่หน้าแดงแจ๋ไปยันปลายหูนั้นลนลานสติหลุดโดยสมบูรณ์ คำพูดคำจาก็ฟังไม่รู้เรื่อง ถึงแม้จะเพิ่งหวิดตายมาได้หมาดๆ แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่สถานะปกติเลยซักนิด
(……แค่สบตากับผมก็ร่วงลงมาจากชั้นสองมั่งละ แค่โดนกอดก็ลนลานหนักถึงขั้นประหลาดมั่งละ……บวกเข้ากับเรี่ยวแรงกำลังกายของผมที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน ไม่มีทางเป็นคิดไปเองหรือสเตตัสเพลททำงานผิดพลาดไปได้เลย……)
คำตอบมันชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋อยู่ต่อหน้าแล้ว
ผมเลือกจะกล่าวเข้าประเด็นแบบห้วนๆ ขวานผ่าซากไปเลย
“ ……นี่โซเนีย เมื่อวาน โซเนียได้เก็บอะไร……หรือทำอะไรแปลกๆ ในที่พักแรมของพวกผมรึเปล่า? ”
“ ……อึ๊ก!? ขะ ขอโทษค่าาา! ”
ผมกระซิบถามข้างหูโซเนีย เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเมดที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาใกล้ทางนี้ได้ยินเข้า
เท่านั้นแหละไม่รู้ทำไมโซเนียถึงเอาต้นขาถูไถพร้อมทำร่างกายสั่นเทิ้มเล็กๆ ไปพลาง พยักหน้ารับด้วยท่าทางเหมือนยอมจำนน
ซักระยะหลังจากนั้น
“ ให้พูดอีกครั้งเถอะ ขอโทษด้วยจริงๆ นะ! ”
ณ ห้องรับแขก
โซเนียที่ใจเย็นลงมาจนพูดจาเป็นภาษาผู้ภาษาคนได้แล้วนั้นกำลังก้มหัวขอโทษขอโพยพวกผมอยู่อย่างสุดฤทธิ์
“ นอกจากจะแอบเอาของในที่พักแรมกลับมาโดยพลการแล้วไม่พอ ยังจะ เอ่อ เอามาใช้งานซะสุดเหวี่ยงเลยด้วยอีกต่างหาก……ขอโทษด้วยนะที่ฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายแบบนี้…… ”
“ มะ ไม่ต้องขอโทษถึงขนาดนั้นหรอกนะ! เท่าที่ฟังแล้ว เหมือนว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมันจะคล้ายๆ เป็นผลมาจากการที่พวกผมเลินเล่อนอนตื่นสายด้วยนี่! ”
เห็นโซเนียที่ก้มหัวขอโทษด้วยใบหน้าแดงแจ๋และร่างกายที่สั่นเครือแล้ว ผมก็รีบก้มหัวให้อย่างแตกตื่นด้วยเช่นกัน
“ แถมยัง คือ ก็อย่างที่อธิบายไปตะกี้แหละ ไอ้จ้อนนั่นมันเป็นของที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมาด้วยสกิลบ้าๆ ของผมเอง ให้พูดแล้วก็คือแทบจะเป็นของจริงเลย……อาจจะพลาดทำให้โซเนียเสียความบริสุทธิ์อย่างไม่เจตนาก่อนหน้าจะทันได้แต่งงาน……ฝั่งผมต่างหากต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะ! ”
ผมสบหาจังหวะที่โซเนียใจเย็นลง แล้วจึงอธิบายเกี่ยวกับสกิลของตัวเองเป็นการปิดเรื่อง
แม้จะบอกไปจนถึงรายละเอียดของ <กิฟต์> ไม่ได้ แต่คิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะพูดให้ฟังซักหน่อยเพื่อเป็นการไถ่บาปน่ะ
แต่กระนั้นแล้ว โซเนียก็ยังยืนกรานว่าตัวเองผิดไม่เลิก,
“ ไม่หรอกๆ! เอริออร์ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยซักนิด! จะว่ายังไงดีละ รูปการณ์มันออกจะเหมือนกับว่าฉันลักพาตัวไอ้จู๋ของเอริออร์มากระทำชำเราโดยพลการเลยหรือว่าไงดี ควรจะก้มกราบขอบพระคุณซะด้วยซ้ำหรือว่าไงดี……! ”
“ ไม่ๆ! ถึงจะว่างั้นแต่ผมเองก็ดูแลไม่ดีเลย ต้องขอโทษแทนไอ้จ้อนที่ทะลึ่งโด่สู้ศึกไม่ดูตาม้าตาเรือด้วยจริงๆ……! ”
พวกเราต่างแตกตื่นลนลานกันทั้งคู่จนห่วงโซ่การขอโทษยืดยาวไม่หยุดซะที
แต่แล้วลูปอนันต์ดังกล่าวก็สงบลงได้ซะทีด้วยคำพูดไกล่เกลี่ยอันเยือกเย็นของอลิเซียที่ว่า “……พูดกันไปก็ไม่จบ คิดเสียว่าผิดกันทั้งคู่แล้วปล่อยผ่านไปดีกว่า”
“ ……อะ อือ ก็จริงนะ ขุดคุ้ยกลับขึ้นมาก็มีแต่จะชวนให้บรรยากาศอึมครึมซะเปล่า ”
“ คิดซะว่าเป็นอุบัติเหตุอันโชคร้าย แล้วทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ น่าจะดีกว่าเนอะ……? ”
จึงได้ข้อสรุปแบบพอดูได้ด้วยประการฉะนี้
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปพลาง หันเข้าหาโซเนียที่หน้าแดงก่ำ
“ ถะ ถ้างั้นก็ ผมขอไอ้จ้อนคืน แล้วกลับเลยดีกว่ามั้ง ”
“ เอ๊ะ? ”
“ เอ๊ะ? ”
ได้ยินคำพูดของผมแล้ว โซเนียก็ตอบสนองแบบพิลึกกลับคืนมา
เอ๊ะ? ไหงพอขอคืนแล้วโซเนียถึงลังเลเฉยเลยล่ะ?
ไอ้ของแบบนั้น สำหรับโซเนียที่ยังไม่ถึงช่วงแต่งงานแล้ว เก็บติดตัวไว้ก็มีแต่จะเป็นภัยอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ……
“ ……อ๊ะ ปะ เปล่าๆ นั่นสิเนอะ! ว่ากันแต่แรกเริ่มแล้วมันก็เป็นของของเอริออร์ด้วยนี่เนอะ ฉันต่างหากที่ทะลึ่งเอากลับมาโดยพลการ ดังนั้นก็สมควรต้องส่งคืนแน่อยู่แล้วเนอะ! ขะ คิดอะไรอยู่กันนะฉันเนี่ยไม่ได้เรื่องเล้ย! ”
ว่าแล้วโซเนียก็กระโจนออกจากห้องรับแขก ก่อนจะกลับมาพร้อมลูกชายของผมที่ถูกหุ้มอยู่ภายในผ้าคลุม
แล้วจากนั้นจึงยื่นส่งมาให้กับผมหรอกนะ……
กึดกึดกึด
แต่ไหงโซเนียถึงจับไอ้จ้อนที่แยกตัวออกของผมอย่างแน่นหนาไม่ยอมปล่อยเฉยเลยซะงั้น
“ ……โสะ โซเนีย? ถ้าไม่ปล่อยผมก็รับเอาไว้ไม่ได้นะ……? ”
“ ห้ะ! อ๊ะ ตายแล้วขอโทษด้วยนะ! ตายๆ ทำไมวันนี้ฉันถึงได้พิลึกคนแบบนี้นะ! ”
โซเนียกล่าวดังว่าพร้อมปล่อยมือจากไอ้จ้อนของผมอย่างลนลาน และผมกับอลิเซียก็จากเรือนหรูของโซเนียมาโดยที่มีเธอเดินมาส่งถึงหน้าบ้าน
……เหมือนท่าทางของโซเนียจะดูประหลาดจนหยดสุดท้ายเลยนะนั่น ไหวแน่รึเปล่าหว่า
ชักกังวลนิดหน่อยเหมือนกัน
แต่ความคิดดังกล่าวของผมก็ถูกย่ำยีบีฑาโดยอลิเซียที่พลังเงี่ยนเพิ่มพูนด้วยความหึงหวง ทำให้ไม่อาจคิดอะไรลึกไปได้มากยิ่งกว่านั้น
*
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พวกเอริออร์เอาไอ้จ้อนกลับคืนไป
“ ……อู๊วว~ ”
โซเนียเดินร่อนไปตามเมืองพลางส่งเสียงครวญคราง
ที่อัดแน่นอยู่เต็มอกข้างนั้นก็คือ ความทรงจำจากเอริออร์ของเอริออร์ที่สอนให้เธอรู้จักความเสียวซ่านอย่างไม่เคยพบเคยสัมผัสมาหมาดๆ เมื่อวานซืน
“ ไม่ไหว……ลองมาเดินเล่นปรับอารมณ์ดูก็แล้ว……แต่ก็ลืมความฟินในวันนั้นไม่ได้เลย…… ”
ตั้งแต่ที่ส่งไอ้จ้อนคืนให้เอริออร์ไปเมื่อวาน โซเนียก็จิตงุ่นง่านเช่นนี้เรื่อยมา
ลองคิดหาตัวมาใช้แก้ขัดแทนอยู่มากมายนับแต่เมื่อวาน แต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ทั้งหัวใจและร่างกายของเธอรู้สึกเติมเต็มได้เลยซักนิด
“ อู้วว……ถ้ารู้จักอะไรแบบนั้นเข้าแล้ว ก็อิ่มเอมใจด้วยอะไรอย่างอื่นไม่ได้กันพอดีสิ…… ”
แน่นอนว่าไม่ได้เสี้ยนหนักมากระดับจะคุมไม่อยู่
แต่พอคิดว่าหลังจากนี้จะไม่ได้ลิ้มรสสัมผัสเช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง ใจมันก็ยิ่งรู้สึกอยากมากขึ้นเข้าไปใหญ่
“ ถ้าแบบนี้ก็ลองไปขอเอริออร์เลยตรงๆ……ไม่สิแต่อะไรบัดสีแบบนั้น……อู้วว พอจะมีทางได้เอริออร์ของเอริออร์มาอยู่ในครอบครองแบบลับๆ และชอบธรรมบ้างมั้ยนะ…… ”
เป็นในจังหวะที่โซเนียกลัดกลุ้มไม่รู้จะทำยังไงกับร่างกายพลางเดินเตร่ไปเรื่อยนั่นเอง
“ โอ๊ะ? ยัยหนูทอมบอยจากบ้านแมคชิเอลไม่ใช่เรอะนั่น ไหงทำหน้าหมองงั้นเล่า? ”
เผอิญเจอะกับคนรู้จักในตอนที่แวะเข้าซอกเล็กๆ
ช่างตีเหล็กที่มีฝีมือดีสุดในเมือง……ไม่สิ ดีที่สุดภายในภูมิภาคแห่งนี้อย่างแน่นอน—เวพุสนั่นเอง
เวพุสเข้ามาชวนโซเนียพูดคุยเรื่อยเปื่อยด้วยท่าทางแจ่มใสเช่นทุกที
แล้วพอสนทนาแบบนั้นกันไปได้ซักพัก เวพุสก็เอามือลูบคางพร้อมกล่าว “อ๊ะ จะว่าไปแล้ว” ออกมาราวกับเพิ่งนึงออก
“ แกช่วยไปถามแม่แกที่เป็น No.2 ของกิลด์การค้าทีดิ พอจะแนะนำแผนทำกำไรให้ทีได้ป่าว ”
“ เอ๊ะ? มีอะไรเหรอคะกะทันหันจัง หายากนะเนี่ยคุณเวพุสกลุ้มเรื่องเงินแบบนี้? ”
“ เอ้ยไม่ใช่ฉันหรอกนะ? เป็นเจ้าสองคนนั่น เอริออร์กับแอลลี่ต่างหากเล่า อีกไม่นานเจ้าพวกนั้นคงจะต้องใช้เงินก้อนโตเพื่อจัดหาอาวุธใหม่ไง ก็งั้นแหละ เลยหวังว่าจะขอใช้เส้นสายของแกเพื่อแนะนำงานดีๆ ให้พวกมันไปอะไรทำนองนี้ ”
“ แบบนี้เอง……ถ้าอย่างนั้นก็อยากจะขอร่วมมือด้วยอย่างยิ่งเลยหรอกนะคะ แต่แผนทำกำไรระดับที่คุณเวพุสพูดออกมานี่มันคงมีไม่มาก— ”
เป็นในฉับพลันนั้นแหละ
ที่เซลล์สมองสีชมพูจุ๊กกรู๊ของโซเนียซึ่งมีแม่เป็น No.2 ของกิลด์การค้า เริ่มจะหมุนทำงานอย่างรวดเร็วไวดั่งกับได้รับเสียงจากสวรรค์
(เป็นการเดิมพันพอตัวเลย……ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเอริออร์……! แต่ดูจากการปฏิกิริยาเมื่อวานของแอลลี่ที่ตามเดิมน่าจะเป็นอุปสรรคอันดับหนึ่งแล้ว ไม่แน่แอลลี่อาจจะยอมช่วยเหลือสนับสนุน ความคิดนี้ ของฉันก็ได้……!)
โซเนียมั่นใจเช่นนั้นด้วยประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิสัมพันธ์กับนักผจญภัยและนักธุรกิจมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พริบตาให้หลัง โซเนียก็วิ่งตรงแหน่วออกไปแล้ว
“ อ๊ะ!? เฮ้ยโซเนีย!? จู่ๆ เป็นอะไรไปนั่นเฮ้ย! ”
“ ขอบคุณนะคุณเวพุส! แล้วจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้วันหลัง! ”
“ อ๋าา!? ”
ทิ้งเวพุสที่มึนงงไว้เบื้องหลัง โซเนียปล่อยตัวไปกับความร้อนรุ่มของร่างกาย พุ่งทะยานเข้าไปในกิลด์การค้าเพื่อนัดหมายกับคนรู้จัก
*
“ เอ๊ะ? มีอะไรเหรอโซเนีย มาซะเย็นเลย ”
ยามเย็นของวันถัดมาหลังจากที่ได้ไอ้จ้อนคืนมาจากโซเนีย
เห็นโซเนี่ยที่โผล่มายังที่พักแรมในสภาพหายใจหอบแล้วผมก็ถึงกับเป็นงง
พอกำลังฉงนว่าเค้ามาทำไมอยู่,
“ นี่เอริออร์ แอลลี่ เห็นว่าในภายภาคหน้า พวกเธอจะต้องใช้งบเพื่อจัดหาอาวุธสินะ? ”
โซเนียทำตัวยุกยิกอย่างอึมครึมอยู่ไม่สุขไปพลาง กล่าวออกมาด้วยแววตาที่อาบไว้ด้วยไอร้อนลึกลับ
“ คือว่า……แน่นอนว่ามีเงื่อนไขสำคัญคือเอริออร์ต้องยินดีกับการบอกเรื่องสกิลนั้นให้คนอื่นทราบหรอกนะ……แต่ว่ามีข้อเสนอดีๆ จะแนะนำน่ะ ลองฟังดูหน่อยมั้ยล่ะ? ”