ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 99 คุณไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้ว่าภายในใจของเฉิงเสี่ยวเถียนจะรู้สึกว่าเซี่ยอันหรานดูน่ารักเพราะด้วยท่าทีที่ร้อนรนจากการรักใครสักคนหนึ่ง แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ยุแหย่เซี่ยอันหรานต่อ เพียงแค่ทำปากยื่นออกมาเล็กน้อย แล้วหันไปยิ้มและพูดขึ้นว่า "อันหรานที่เป็นแบบนี้ ถึงค่อยจะดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่อายุอ่อนกว่าฉันขึ้นมาหน่อย ในเมื่ออันหรานเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว มากินซุปสักหน่อยเถอะ ดีกับผิวของเธอมากเลยนะ ฉันใช้เวลาต้มให้ตั้งนานเลย………."
"ขอบคุณ" เซี่ยอันหรานยิ้มขึ้นมาบางๆ และถามกลับไปเบาๆ ว่า "เธอได้กินหรือยัง"
เฉิงเสี่ยวเถียนส่ายหน้า "เธอกินก่อนเลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก"
"พวกเราสองคนกินด้วยกันสิ" เซี่ยอันหรานยิ้มพลางพูด "ไม่ใช่ว่าดีต่อผิวเหรอ พวกเราสองคนผิวดีเหมือนกัน ถึงจะได้ดูเหมือนว่าเป็นคู่หูกันหน่อย"
ความจริงแล้วในวงการบันเทิง ผู้ช่วยก็คือแม่นมและคนใช้ของดารา มักจะต้องทนรับคำขอร้องอันไร้เหตุผลของดาราอยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าเซี่ยอันหรานนั้น ไม่เคยที่จะใช้ท่าทางที่เหนือกว่ามาปฏิบัติต่อเฉิงเสี่ยวเถียนเลย ถึงขนาดที่พูดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนก็คือคู่หู
เซี่ยอันหรานที่รับผิดชอบตั้งใจทำงานก็เป็นการสร้างรายได้ให้กับเฉิงเสี่ยวเถียน และเฉิงเสี่ยวเถียนก็เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบจากการที่รับผิดชอบในการดูแลเซี่ยอันหราน คอยช่วยเหลือเธอให้อยู่ในสถานะที่ทำให้การทำงานนั้นออกมาดีที่สุด
เฉิงเสี่ยวเถียนอยู่ตรงหน้าของเซี่ยอันหราน และก็รู้สึกสบายใจกว่าที่จะต้องไปดูแลดาราหญิงคนอื่นเสียอีก บางครั้งก็ไม่ได้มองเซี่ยอันหรานว่าเป็นดารา แต่ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเป็นเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น เพราะฉะนั้นแล้วเฉิงเสี่ยวเถียนจึงได้เผลอถามเซี่ยอันหรานออกไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะสำหรับผู้ช่วยความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นการล้ำเส้น
ขณะนั้นเอง เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนได้ยินเซี่ยอันหรานพูดดังว่า ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอีก หยิบแก้วเปล่าขึ้นมาหนึ่งใบ และแบ่งซุปกินกับเซี่ยอันหรานจนหมด
ในสถานที่ที่ไกลออกไปเล็กน้อย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ยังคงไม่ได้ไปจากกองถ่ายนั้นก็มองไปยังเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียนที่นั่งพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอดที่จะส่งเสียงเย็นๆ ขึ้นมาในลำคอไม่ได้ "ยัยเซี่ยอันหราน แสดงเก่งจริงๆ เลยนะ"
เธอพูดไปพลาง และหันไปถามจางหมิ่นด้วยเสียงเย็นๆ "คิดไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยอันหรานกับผู้ช่วยของเธอดีมากเลย?"
จางหมิ่นมองไปยังทิศทางที่เซี่ยอันหรานอยู่ จากนั้นก็เม้มปากจนแน่น และไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกไป เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ เล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่าเซียวเทียนหลีไม่ได้กล่าวลาอะไรก่อนจากไป หลายวันมานี้อารมณ์ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจึงรุนแรงมากกว่าเดิม เธอไม่ได้ไปเหวี่ยงอารมณ์ใส่คนอื่น เพียงแค่ทรมานจิตใจของจางหมิ่นอย่างไม่หยุดหย่อนเท่านั้นเอง
เมื่อคืนนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวให้จางหมิ่นมายืนอยู่ที่ข้างเตียง และไม่ยอมให้จางหมิ่นนอนหลับพักผ่อนเลยตลอดทั้งคืน จางหมิ่นในตอนนี้รู้สึกเวียนหัวมาก จึงไม่มีแรงพอที่จะมาครุ่นคิดวิเคราะห์กับคำถามเลยแม้แต่น้อย แต่แม้ว่าสมองจะไม่กระจ่างชัด แต่จางหมิ่นก็ยังคงจำได้เรื่องหนึ่งว่า ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเกลียดชังเซี่ยอันหราน เกลียดจนถึงขั้นชนิดที่รุนแรงเอามากๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับเซี่ยอันหรานโดยเด็ดขาด
จางหมิ่นที่พึ่งจะส่ายหน้าออกไป จึงเป็นการแสดงออกว่าปฏิเสธถึงคำพูดของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเซี่ยอันหรานและผู้ช่วยดีเท่าไหร่นัก
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเห็นจางหมิ่นส่ายหน้า เธอจึงยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ "ถือว่าแกยังมีตาอยู่นะเนี่ย ถึงได้ดูเซี่ยอันหรานออก ว่าเป็นคนกะล่อนขนาดไหน ตอนแรกเธอก็ทำกับฉันแบบนี้แหละ ดูภายนอกแล้วเห็นว่าที่เธอทำกับฉันนั้นแสนดี แต่เพียงเพราะว่าเธอไปหลงชอบผู้ชายคนหนึ่งที่เขามาตกหลุมรักฉัน ถึงได้ไล่ฉันออกมาจากตระกูลเซี่ย แถมเธอยังขัดขวางไม่ให้ฉันอยู่ด้วยกันกับพี่ชายของเธอ แต่ว่า…….."
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดมาถึงตรงนี้ ก็บิดเอวตนเองเล็กน้อย แล้วหัวเราะออกมาด้วยความยินดี "แต่ว่า ตอนนี้ฉันได้เจอกับเทียนหลีแล้ว เทียนหลีจะต้องให้พี่ชายที่กลวงและปลอมเปลือกของเซี่ยอันหรานชดใช้มากเป็นหลายเท่า เซี่ยหมิงเซวียนคนนั้น ฉันอยากจะเห็นตระกูลเซี่ยในอนาคตที่จะต้องล้มละลายแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วเขายังจะเย็นชาต่อฉันอีกไหม และแน่นอนว่าถ้าฉันสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็จะต้องทำ…………เหมือนกับ…….."
เดิมทีแล้วฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดที่อยากจะพูดออกไป ว่าเป็นเหมือนกับถังรั่วชิว แต่ว่าเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าจางหมิ่นเป็นคนที่เซียวเทียนหลีหามา ถ้าหากว่าเธอพูดถึงถังรั่วชิวออกไปต่อหน้าของจางหมิ่น ต่อไปในอนาคตจางหมิ่นก็จะเอาเรื่องของเธอกับถังรั่วชิวไปบอกเซียวเทียนหลี ถ้าอย่างนั้นก็คงจะแย่แล้ว
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเบาะที่นั่งบนรถก่อนและหัวเราะอย่างโอหัง "ช่างมันเถอะ พูดไปแล้ว เธอเองก็คงไม่เข้าใจ"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเสร็จแล้วก็ปิดเปลือกตาลง นึกถึงกล้ามเป็นมัดๆ ของถังรั่วชิว และจึงพยายามกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ ลมหายใจของเธอก็พลันเร็วถี่ขึ้นมา
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดอยู่ในใจว่า แม้ว่าถังรั่วชิวจะเป็นไอ้ไร้ประโยชน์ ที่ไม่มีดีเลยสักอย่าง แต่ว่าตอนที่เขาอยู่บนเตียงทำเรื่องอย่างว่านั้นกลับทำได้ดีเอามากๆ เลย เดี๋ยวอีกสักพักติดต่อไปหาเขา แล้วเรียกให้เขามาหาดีกว่า
เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับชายอื่น ถังรั่วชิวคนนี้ที่เคยมีอำนาจอยู่เหนือผู้อื่น เป็นผู้ชายที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องทุ่มเทแรงกายและใจเพื่อให้เขามาทำดี มาคอยเอาอกเอาใจเธอ แต่ว่าตอนนี้กลับตกต่ำเสียจนต้องเข้าหาเธอ แล้วมาพาเธอขึ้นเตียงเพื่อที่จะหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตตนเอง เรื่องนี้ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพึงพอใจอย่างถึงขีดสุด
ถังรั่วชิว จางหมิ่น ทั้งสองคนนี้ต่างก็มีชาติตระกูลที่ดี การศึกษาก็เป็นเลิศ เป็นคนที่ดีกว่าล้ำเหนือกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นไหนๆ การที่สามารถทรมานพวกเขาได้นั้น ก็ได้ให้ความรู้สึกรูปแบบหนึ่งกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว เป็นความรู้สึกที่ราวกับว่าเธอกำลังได้ทรมานเซี่ยอันหรานและเซี่ยหมิงเซวียนอยู่
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าในอนาคตเธอจะสามารถให้เซี่ยอันหรานกลายมาเป็นจางหมิ่นแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ ที่หวาดกลัวเธอ และยอมทำตามคำสั่งเธอทุกประการ ส่วนเซี่ยหมิงเซวียนก็จะกลายมาเป็นถังรั่วชิวในตอนนี้ เพียงเพื่อเงินก็ยอมที่จะกลายเป็นหมาที่คอยมาเกาะแข้งขาของเธอ ทำดีต่อเธอ
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดได้เช่นนั้น ในใจก็รู้สึกมีความสุขเสียจนอกแทบระเบิด และอดที่จะเผลอหัวเราะออกมาไม่ได้
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน ก็ได้ทำให้จางหมิ่นตกใจเสียจนหวาดผวา และนึกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวนึกวิธีใหม่ๆ ในการที่จะทรมานเธอออก แต่ว่าเรื่องทรมานนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่จางหมิ่นรู้สึกกลัวมากจริงๆ ก็คือการที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะใช้แม่ของเธอมาข่มขู่เธอ
จางหมิ่นรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความร้อนรน พูดออกไปอย่างตื่นตระหนกด้วยความหวาดผวา "คุณหนูฉู่คะ คุณ…..คุณต้องการที่จะทำอะไรหรือคะ"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งจินตนาการอยู่นั้น เมื่อถูกจางหมิ่นขัดจินตนาการความฝันของตนเองขึ้นมา ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที แล้วฟาดฝ่ามือตบลงไปที่จางหมิ่นในทันทีทันใด "จู่ๆ จะส่งเสียงอะไรออกทำไมกัน ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังใช้ความคิดอยู่"
จางหมิ่นเอามือกุมใบหน้าอยู่ที่พื้น ไม่กล้าพูดออกไปว่าเธอกำลังหวาดกลัวว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะข่มขู่เธอ จึงรีบเอ่ยคำแก้ตัวออกไปอย่างร้อนรน "ฉัน ฉันแค่คิดว่า คิดว่าคุณหนูฉู่รู้เรื่องที่ผ่านมาของเซี่ยอันหรานแล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่สู้พูดออกไปสักเรื่องสองเรื่อง อาจจะสามารถทำร้ายเธอก็ได้นะคะ ตอนนี้เพราะว่าเธอตกเป็นข่าวกับหมิงเยี่ยนเฟยถึงได้ดังขึ้นมา แต่ว่าเธอก็ยังไม่ได้สร้างผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันออกมา ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่ไฟดวงเล็กๆ แฟนคลับของหมิงเยี่ยนเฟยหลายคนก็กำลังโจมตีเธอเรื่องที่เกาะกระแสหมิงเยี่ยนเฟยดัง คุณหนูฉู่…….."
จางหมิ่นในตอนนี้นั้น เพื่อที่จะลดการด่าทอลง จึงจำเป็นที่จะต้องคิดหาวิธีต่อกรกับเซี่ยอันหราน ในตอนนี้วิธีนี้เองก็เป็นวิธีที่จางหมิ่นคิดได้อย่างฉับพลัน แต่ว่าในตอนแรกนั้นจางหมิ่นที่คิดวิธีจัดการเซี่ยอันหรานให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้น ก็ยังคงมีความลังเลและความรู้สึกผิดอยู่ แต่ว่าตอนนี้แม้แต่จิตใจที่รู้สึกผิดก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินดังว่า ก็กลอกตาขึ้นไปข้างบน "หึ อดีตของเธอจะไปมีอะไรน่าเอามาพูดกัน เธอนึกวิธีดีกว่านี้ไม่ออกเลยหรือไง"
ความจริงแล้ววิธีที่จางหมิ่นคิดออกมานั้น ก็ไม่ใช่ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเองจะไม่เคยนึกถึง แต่แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะเข้าวงการไปด้วยชื่อ "อันหราน" แต่ว่าก็ใช่ว่าเธอจะถูกหยามเกียรติด้วยเรื่องอดีตที่ผ่านมาของเธอ
ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่คิดที่อยากจะยอมรับมันนัก แต่ว่าอดีตที่ผ่านมาของเซี่ยอันหรานนั้นโดดเด่นมากจริงๆ มาจากชาติตระกูลอันมีเกียรติ เรียนจบมหาวิทยาลัยชื่อดังจากต่างประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังพูดได้หลายภาษา และยังเก่งทางด้านการดนตรีอีก
สิ่งเดียวที่จะสามารถเป็นอดีตอันดำมืดของเซี่ยอันหรานได้ก็คือ การที่เซี่ยอันหรานเคยคบกับถังรั่วชิว แต่ว่าเรื่องนี้นั้นถ้าหากว่าจัดการไม่ดีขึ้นมา ป่าวประกาศสู่สาธารณชนออกไปอย่างไม่คิด อาจจะไม่เป็นการส่งผลเสียต่อตัวเซี่ยอันหราน แต่จะทำให้ไฟลามมาถึงตัวของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้อีกด้วย
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว แต่เพียงแค่กังวลว่าเซียวเทียนหลีจะหึงหวงเธอ แต่ถ้าหากว่าเซียวเทียนหลีรู้สึกหึงเพราะด้วยเรื่องของถังรั่วชิว และทำการตรวจสอบเรื่องของเธอกับถังรั่วชิวขึ้นมา ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะตรวจสอบเจอเรื่องที่เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนที่ช่วยเขาเอาไว้ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นทั้งหมดที่เธอลงแรงมาก็จะสูญเปล่า! อาจถึงขั้นที่เธอจะต้องสูญเสียซึ่งทุกอย่างไป
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไปทำเรื่องที่ไม่ได้ประโยชน์พรรค์นั้นขึ้นมาทำไม เธอไม่เพียงแต่จะไม่ประกาศเรื่องในอดีตของเซี่ยอันหรานออกไป แต่กลับยังจะช่วยปกปิดเสียด้วยซ้ำไป!
เพราะด้วยข้อเสนอแนะของจางหมิ่น ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะนึกย้อนกลับไปถึงวันคืนตอนที่อยู่ที่ตระกูลเซี่ยในตอนแรก จิตใจที่เคียดแค้นต่อเซี่ยอันหรานก็ยิ่งข้นคลั่กมากขึ้นไปอีก ถ้าหากว่าตระกูลเซี่ยใส่ใจเธอเหมือนกับที่ใส่ใจเซี่ยอันหราน ตัวเธอเองก็จะจบจากมหาวิทยาลัยอันมีชื่อเสียง และก็เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเซี่ย แต่ว่าเธอก็ไม่ได้โง่เหมือนกับเซี่ยอันหราน ที่จะปกปิดสถานะตนเองแล้วเข้าสู่วงการบันเทิงไป
เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดถึงตรงนี้ ก็ส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างเย็นๆ ก่อนจะหันหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่าง มองดูเซี่ยอันหรานที่กำลังช่วยเฉิงเสี่ยวเถียนสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดอยู่
ทันใดนั้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นๆ โม่เซ่าเหยียนก็คอยหนุนหลังเซี่ยอันหรานอยู่ จึงไม่กล้าที่จะจัดการกับเธอเป็นการชั่วคราว แล้วคิดหรือว่าตัวเธอนั้นจะไม่สามารถจัดการกับผู้ช่วยตัวน้อยๆ ที่อยู่ข้างกายเซี่ยอันหรานได้
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วก็พลันคิดถึงวิธีหนึ่งออก หลังจากนั้นเธอก็เอียงหัวเล็กน้อย ขมวดคิ้วตนเองเบาๆ แล้วส่งรอยยิ้มอันแสนแปลกประหลาดไปให้จางหมิ่น "จางหมิ่น ผู้ช่วยที่อยู่กับเซี่ยอันหราน เธอรู้จักไหม"
"คุณหนูฉู่……..ท่านกำลังพูดถึงเฉิงเสี่ยวเถียนเหรอคะ" จางหมิ่นขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะว่าเธอเป็นผู้ช่วยของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จึงต้องไปช่วยขนชุดสำหรับแสดงมาให้เธออยู่บ่อยครั้ง จึงได้เคยคุยอยู่กับเฉิงเสี่ยวเถียนอยู่บ้าง
สำหรับจางหมิ่นแล้ว เฉิงเสี่ยวเถียนเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ไร้เดียงสาและร่าเริงสดใส แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะไม่ถูกกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว แต่ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนที่เห็นเธอถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวด่าทอ ก็จะมีแนะนำเธอถึงเรื่องวิธีที่จะต้มน้ำซุปน้ำแกงให้อย่างไร และวิธีที่จะดูแลดาราอย่างไร ทำให้จางหมิ่นไม่ต้องได้รับการทรมานที่มากเช่นเคย
"แต่ว่า…….." จางหมิ่นเงยหน้าขึ้นมากวาดตาสังเกตท่าทีของฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ ว่า "ไม่ใช่ว่าคุณหนูฉู่เกลียดแค้นแค่เซี่ยอันหรานเหรอคะ มีคำพูดที่ว่า คิดจะจับโจรต้องเล่นงานหัวหน้าก่อน คุณหนูฉู่จัดการแค่เซี่ยอันหรานก็เพียงพอแล้วนะคะ ทำไมถึงจะต้องไปเล่นงานเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยคะ ไปเล่นงานเธอที่เป็นผู้หญิงที่ไร้พิษไร้ภัยไร้อำนาจ ไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะคะ"
คำพูดของจางหมิ่นนั้นลดทอนคุณค่าของเฉิงเสี่ยวเถียน แต่ว่าจุดประสงค์หลักที่สำคัญที่สุดก็คือ การยกเลิกความคิดที่อยากจะเล่นงานเฉิงเสี่ยวเถียนของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเซี่ยอันหราน จึงไม่มีทางที่จะแก้ปัญหานั้นได้เลย แต่ว่าจางหมิ่นไม่อยากที่จะเห็นคนที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยถูกดึงเข้ามาสู่สงครามที่ไฟยังคงโหมกระหน่ำอยู่ของสองคนนี้
"ทำไมถึงจะไม่มีประโยชน์กันล่ะ" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาแล้วจึงพูดขึ้นว่า "เธอทำดีต่อเซี่ยอันหราน ก็ถือว่าเป็นศัตรูของฉัน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจคนสำคัญ หรือว่าจะเป็นลูกน้องของศัตรู ฉันก็จะเล่นงานให้หมด ฉันจะคอยดูว่าใครกล้าคิดที่จะช่วยเซี่ยอันหรานอีกไหม! ไหนแกคิดว่าไง ให้ยัยคนที่ชื่อเฉิงเสี่ยวเถียนนั่นไปนอนกับขอทานดีไหม ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเป็นแบบนั้นเซี่ยอันหรานก็จะต้องไปแสร้งร้องไห้เสียหนึ่งรอบอีกอย่างแน่นอน แค่คิดก็สนุกแล้ว"
จางหมิ่นได้ยินคำพูดของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ก็ค่อยๆ มีสีหน้าที่เย็นเยียบขึ้น จากนั้นก็เงยหน้าและมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวโดยใช้สายตาที่เย็นชาเสียจนไม่อาจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้จางหมิ่นยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยู่ ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ก็เป็นความเกลียดชังต่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว
ผู้หญิงด้วยกัน ทำไมฉู่เสี่ยวเสี่ยวถึงได้คิดทำเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวผู้หญิงคนนี้นั้น ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริงๆ!