ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 68 พบกันอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยอันหรานพาเฉิงเสี่ยวเถียนขึ้นเครื่องบินไปถึงเมืองที่จะถ่ายทำก็รีบนั่งรถไปยังสถานที่ถ่ายทำ ทันทีที่เธอไปถึงเซี่ยอันหรานก็เห็นข้างๆที่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่และมีผู้ช่วยผู้จัดการอีกกลุ่มหนึ่ง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่สวมชุดสีขาวทั้งตัวและสวมแว่นกันแดดสีดำเดินมา
ทันทีที่เขาเห็นเซี่ยอันหราน ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็หยุดเดินแล้วหันไปยิ้มพร้อมกับพูดกับนักข่าวว่า: “ลำบากทุกคนจริงๆที่มาสัมภาษณ์ฉัน ถ้าอย่างนั้นก็สัมภาษณ์ตรงนี้แหละ ฉันจะตอบคำถามของทุกคนอย่างตั้งใจค่ะ"
ความจริงฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นคนเชิญนักข่าวมาโดยที่ต้องเสียค่าใช่จ่ายเอง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาก็ถามคำถามตามที่ตรียมเอาไว้ทันที โดยเริ่มถามว่า: "คุณฉู่เสี่ยวเสี่ยว นี่เป็นการถ่ายทำครั้งแรกของคุณ คุณรู้สึกกดดันไหมคะ"
"แม้นี้จะเป็นการถ่ายทำครั้งแรกของฉัน แต่ในระหว่างการออดิชั่นผู้กำกับจินก็มักจะชมฉันว่ามีพรสวรรค์ ดังนั้นฉันก็เลยไม่รู้สึกกดดันเลยค่ะ ฉันกลับคิดว่ามันเป็นเกมที่น่าสนใจมากน่ะ" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้ม ขณะที่พูดเขาก็เหลือบไปมองเซี่ยอันหรานอย่างภาคภูมิใจ
“งานเลี้ยงวันเกิดของคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยว เมื่อสองวันก่อนจัดงานเลี้ยงได้ใหญ่โตมาก ไม่ทราบว่าวันนั้นคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวปรารถนาถึงสิ่งใดเหรอครับ?” นักข่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ความปรารถนาของฉันในตอนนั้นคือการหวังให้โลกใบนี้สงบสุข ฉันมักจะดูข่าวและเห็นเด็กๆในพื้นที่เกิดเหตุสงครามต่างก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่เลย มันรู้สึกน่าสงสารมากจริงๆ ฉันหวังว่าจะมีนักแสดงคนอื่นๆที่เป็นเหมือนฉัน ให้ความสำคัญกับเด็กในพื้นที่เกิดเหตุสงคราม"ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดพลางหันหน้าไปมองเซี่ยอันหรานและถอนหายใจ:" เช่นเดียวกับคุณอันหรานคนนี้ หากเธอสามารถสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมน้อยลงสักชิ้น แล้วนำเงินที่เหลือไปบริจาคให้กับคนยากจน คงกำกัดความอดอยากให้กับใครหลายๆคนและคงช่วยเหลือได้อีกหลายชีวิตเลยล่ะค่ะ "
เมื่อนักข่าวได้ยินสิ่งที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด พวกเขาก็หันกล้องไปทางเซี่ยอันหรานทันที: “คุณผู้หญิงคนนี้คือคุณอันหราน ที่เคยมีเรื่องอื้อฉาวกับหมิงเยี่ยนเฟยมาก่อนใช่ไหมคะ? คุณคิดอย่างไรกับข้อเสนอของคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวคะ? คุณเห็นด้วยหรือไม่คะ?”
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเซี่ยอันหรานก็ไม่ได้แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลนแต่อย่างใด จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ : “ขอโทษนะคะ ฉันคิดว่าก่อนที่ฉันจะตอบคำถามนี้ ฉันขอแก้ไขคำพูดของคุณสักเล็กน้อย นั่นคือฉันกับคุณหมิงเยี่ยนเฟยไม่ได้สร้างกระแสเรื่องอื้อฉาวแต่อย่างใดๆ เป็นเพราะมีคนเบื่อๆเห็นภาพเข้าก็เลยพูดแต่งเรื่องขึ้นมา ส่วนข้อเสนอของคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวฉันรู้สึกดีมากเลยค่ะ อันที่จริงเสื้อผ้าทั้งหมดที่ฉันใส่ก็มักจะนำไปขายในภายหลังค่ะ จากนั้นก็จะนำเงินเหล่านั้นไปบริจาค ฉันไม่คิดเลยว่าความคิดของคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวกับฉันจะเหมือนกัน เสื้อผ้าที่คุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวใส่นั้นคงจะแพงกว่าของฉันมากเลยล่ะค่ะ ฉันคิดว่าถ้าสามารถขายได้แล้วนำไปบริจาคให้กับพื้นที่ยากจน มันน่าจะช่วยคนอื่นๆได้อย่างมากเลยนะคะ ถ้าเป็นเช่นนี้ฉันคงรู้สึกมีความสุขอย่างมากเลยค่ะ "
เซี่ยอันหรานไม่ได้โกหกเลยสักนิด ทั้งในชาติที่แล้วและในชาตินี้เธอมักจะขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่เธอเคยใส่แล้วนำไปบริจาคให้กับพื้นที่ยากจน
เนื่องจากเซี่ยอันหรานตอบคำถามได้ดีมาก ตามคุณสมบัติพื้นฐานในระดับมืออาชีพของนักข่าว พวกเขาจึงหันกล้องไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกครั้งและถามประโยคที่ไม่ได้เตรียมเอาไว้: "คุณฉู่เสี่ยวเสี่ยว เสื้อผ้าที่คุณใส่เป็นไปได้ไหมคะที่คุณจะนำไปบริจาค?"
เสื้อผ้าแบรนด์เนมของฉู่เสี่ยวเสี่ยวทั้งตัวและสร้อยเพชรที่สวมบนคอ นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะได้ใส่เลยด้วยซ้ำ เธอจะยอมขายได้อย่างไร?
แต่ต่อหน้ากล้องฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงยิ้มอย่างแข็งกร้าวและพูดว่า: “ฉันเหรอ?ฉันจะบริจาคแน่นอน"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหันศีรษะและยิ้มให้เฉิงเสี่ยวเถียน แล้วหยิบนามบัตรจากมือของเฉิงเสี่ยวเถียนและยื่นให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพร้อมกับยิ้มต่อหน้าผู้สื่อข่าวทุกคนและกล่าวว่า “ปกติฉันมักจะบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลนี้ พวกเขามุ่งมั่นจัดการเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานของเด็กในพื้นที่ยากไร้บนภูเขาอย่างมาก ซึ่งสามารถเป็นข้อมูลสำหรับคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้นะคะ "
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบนามบัตรที่เซี่นอันหรานส่งมาและพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เต็มใจว่า "ขอบคุณนะ!"
เซี่นอันหรานส่ายหัวและยิ้มและกล่าวว่า “ยินดีค่ะ ฉันต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วแหละ แล้วพบกันนะคะ"
หลังจากพูดจบเซี่นอันหรานก็บอกลาสื่อมวลชนทุกคน จากนั้นก็หันหลังจากไปพร้อมกับเฉิงเสี่ยวเถียน ท่าทีทั้งความใจกว้างและดูเหมาะสมของเซี่นอันหราน ทำให้ผู้สื่อข่าวที่ได้รับคำสั่งจากฉู่เสี่ยวเสี่ยวให้เขียนข่าวเชิงลบของเซี่นอันหรานไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนจากตรงไหน
หลังจากรอฉู่เสี่ยวเสี่ยวสัมภาษณ์กับนักข่าวเสร็จ ทีมงานก็เริ่มพิธีไหว้เทพเจ้าและเตรียมตัวเริ่มเปิดกอง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวและเมิ่งเทียนที่นับบทเป็นประเอกซ่างกวนหลิงยืนอยู่ตรงกลางและสักการะเทพเจ้าด้วยกัน คนที่รับบทเป็นเถียนเฟยเฟยเพื่อนสนิทของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นนักแสดงที่แสดงละครมาแล้วเยอะมาก แต่ก็เป็นนักแสดงตัวเล็กๆที่ไม่เคยได้รับความนิยมมาก่อน เธอชื่อหลี่เคอเธอและเซี่นอันหรานยืนอยู่ด้านหลัง หลี่เคอหน้าตาน่ารักมาก เธอเป็นคนชอบยิ้มพอเธอยิ้มออกมาก็จะเผยให้เห็นลักยิ้มขนาดใหญ่
เมื่อเห็นว่าหมูหันถูกใช้ในการไหว้เจ้า เธอจึงหันหน้าไปและยิ้มให้เซี่นอันหราและพูดว่า “หลังจากไหว้เจ้าเสร็จ ก็ได้กินหมูหันแล้ว อ๊า หมูหันของกองถ่ายผู้กำกับหลี่อร่อยที่สุดแล้ว"
เซี่นอันหรามองไปที่หลี่เคอและยิ้มเบาๆ จากนั้นก็หันหน้าไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกครั้ง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเอง
ก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน บนใบหน้านั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่หม่นหมองออกมา
หลังจากไหว้เจ้าเสร็จ เซี่นอันหรากำลังเตรียมตัวเพื่อไปแต่งหน้าและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เฉิงเสี่ยวเถียนมองไปที่ห้องแต่งตัวเล็กๆและขมวดคิ้ว“สภาพแวดล้อมนี้แย่เกินไปแล้วมั้ง”
เซี่นอันหรายิ้มและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก ดีกว่ากองถ่ายครั้งก่อนมากแล้วแหละ"
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบ เธอก็ได้ยินคนที่อยู่ด้านนอกประตูพูดขึ้น: “โอ้ย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกงั้นเหรอ?"
“อืม เธอบอกว่าไม่ชอบชุดในกองถ่ายไม่สวย ก็เลยจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะเปลี่ยนยังไง? เอาเสื้อผ้าของคนที่รับบทเป็นสามัญชนเปลี่ยนไปเป็นชุดที่สวยขนาดนั้นยังไม่พอยังให้เปลี่ยนเสื้อผ้าพวกนี้อีก หรือต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ราชินีควรได้ใส่งั้นหรอ? “มีคนบ่นว่า:"นี้มันไม่เข้ากับบทบาทเลย ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ "
“พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว ยังดูไม่ออกเหรอเบื้องหลังเธอเป็นคนแข็งแกร่ง ตอนนี้บทละครก็ตามใจเธอไม่ใช่หรือไง?เสื้อผ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง?นับประสาอะไรกับเราล่ะ?หลังจากถ่ายทำเสร็จ พวกเราก็ถือว่าเสร็จสิ้นการรับใช้เฉิงเสี่ยวเถียนองค์หญิงตัวน้อยคนนี้แล้วแหละ”
“เบื้องหลังเธอคืออะไร?"
“ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนก็ดูลึกลับแบบนี้แหละ นั่นก็หมายความว่าเธอมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งมากนะสิ โอ้ย นักแสดงหญิงพวกนี้ต่างก็มีคนหนุนหลังเพื่อขึ้นตำแหน่งทั้งนั้นแหละ"
คำพูดจากด้านนอกประตูค่อยๆดังผ่านเข้ามาทางประตู เฉิงเสี่ยวเถียนได้ยินเช่นนั้นก็หายใจเข้าลึกๆด้วยความสงบ: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้ดูนุ่มนวลและอ่อนโยน คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะเอาแต่ใจขนาดนี้"
"เอาแต่ใจ?" เซี่นอันหรานกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "นั่นเป็นเพราะเธอยังไม่รู้จักฉู่เสี่ยวเสี่ยวมากพอ เดี๋ยวเธอก็ค่อยๆรู้เองแหละ"
เฉิงเสี่ยวเถียนหดตัวกลับด้วยความตกใจ: "ยังมีอย่างอื่นอีกเหรอ?"
เซี่นอันหรานหัวเราะ สำหรับผู้หญิงอย่างฉู่เสี่ยวเสี่ยวหากอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเธอ เธอก็จะเอาใจและแสร้งทำเป็นคนน่าสงสารต่อหน้าอีกฝ่าย แต่เมื่อเธอเป็นฝ่ายแข็งแกร่งกว่า ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็จะหยิ่งผยองและแผลงฤทธิ์ออกมาต่อหน้าตำแหน่งของคนที่ด้อยกว่าเธอ เช่นเดียวกับที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวปฎิบัติกับคนรับใช้ในครอบครัวตระกูลเซี่ย
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอาจไม่สามารถทำอะไรเซี่ยอันหรานได้ แต่เป็นไปได้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะไปลงที่คนรอบตัวเธอแทน ข้อโต้แย้งระหว่างเธอกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว เซี่ยอันหรานเพียงแค่พยายามต้องการไม่ให้ผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“สรุปได้ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้ เราจำเป็นต้องป้องกันเธอเอาไว้ ต่อไปถ้าเธอเผชิญหน้ากับเธอ เธอต้องระมัดระวังให้ดี" เซี่ยอันหรานเตือนเฉิงเสี่ยวเถียนเบา ๆ
เฉิงเสี่ยวเถียนพยักหน้า: "ฉันเข้าใจแล้ว"
ทันทีที่เซี่ยอันหรานเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ได้ยินเสียงผู้ช่วยผู้กำกับเคาะห้องแต่งตัวของเซี่ยอันหราน: “อันหราน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมาได้แล้วนะ เตรียมถ่ายทำแล้ว"
แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะรับบทเป็นเฟิ่งรุ่ยฮวาสุภาพสตรีชั้นสูง แต่ดูจากการแต่งตัวกลับไม่ได้ดูดีเท่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่รับบทเป็นหลินสุ่ยเซียวสามัญชนทั่วไป เมื่อผู้กำกับจินเห็นทั้งสองยืนด้วยกันก็ขมวดคิ้วทันที แต่กับฉู่เสี่ยวเสี่ยวเขาไม่สามารถรุกรานเธอได้ ส่วนเซี่ยอันหรานตอนนี้เธอก็เป็นนักแสดงคนโปรดของโอวหยางเชี่ยนหรง เขาเองก็ไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงเกินไป เขาจึงหันหน้าไปที่ฝ่ายจัดการเครื่องแต่งกายแล้วขมวดคิ้ว
แต่เนื่องจากหลินสุ่ยเซียวแต่งตัวสวยมากอยู่แล้ว ถ้าให้เธอปรับแต่งเครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายของเซี่ยอันหรานก็จะต้องงสวยมากขึ้นกว่านี้ด้วย ถ้าถ่ายทำขึ้นมา มันก็เหมือนกับการร้องเพลงบนเวทีแบบนั้นคงดูน่าเกลียดเกินไป
ในที่สุดผู้กำกับจินก็หายใจเข้าลึกๆแล้วพยักหน้า พร้อมกับเม้มริมฝีปากและบังคับตัวเองตะโกนออกมาว่า "เริ่มถ่ายทำได้!"
ฉากแรกไม่มีบทของเซี่ยอันหราน เป็นฉากที่หลินสุ่ยเซียวรับบทโดยฉู่เสี่ยวเสี่ยวและเถียนเฟยเฟยเพื่อนสนิทของเธอได้พบกับซ่างกวนหลิง ฉากนี้ง่ายมากก็คือหลินสุ่ยเซียวกำลังอุ้มกระต่ายตัวน้อยอยู่ เพียงแค่แสดงความมีเมตตาของเธอออกมา จากนั้นก็ทำให้ซ่างกวนหลิงรู้สึกทึ่งในตัวเธอก็พอแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าในชีวิตจริงฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะแสดงท่าทีเหมือนผู้หญิงที่น่าสงสารได้เก่งมาก แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้ากล้องการแสดงของเธอก็กลายเป็นคนทื่อๆไปซะอย่างงั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ฉากหลังของหลี่เคอที่แสดงได้ค่อนข้างราบรื่น ก็ทำให้การแสดงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวดูเก้งก้างมากขึ้น
ความจริงในชาติที่แล้ว ทักษะการแสดงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่าไม่ค่อยดีนัก ในตอนที่เธอแสดงได้แย่ที่สุดเธอก็ได้รับบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบเล็กๆและไม่มีใครสังเกตเห็นทักษะการแสดงที่เงอะงะของเธอ หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว เริ่มแสดงเป็นบทนำทักษะการแสดงของเธอก็ได้รับการฝึกฝนได้ดีมากยิ่งขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก้าวข้ามจุดนั้นแล้วมารับบทเป็นนางเอกโดยตรง ทำให้ปัญหาเรื่องทักษะการแสดงของเธอถูกเปิดเผยออกมาทันที
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่พึ่งพูดออกมาได้ประโยคเดียวก็ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก ผู้กำกับจินรีบขัดจังหวะฉู่เสี่ยวเสี่ยวไว้อย่างรวดเร็วและเดินไปหาเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ: "หยุดๆ คุณฉู่บทพูดของคุณควรพูดนุ่มนวลกว่านี้แล้วก็เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ได้ไหม?"
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วและพูดด้วยความน่าสงสาร “ฉันรู้สึกว่าบทพูดของฉันดีมากแล้วนิ เมื่อวานฉันฝึกนานมากเลยนะ"
ผู้กำกับจินไม่กล้าทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขุ่นเคือง เขาจึงทำได้แค่พูดเสียงต่ำว่า: “ไม่ใช่บอกว่าคุณแสดงได้ไม่ดี แต่แค่ … การแสดงของหลี่เคอดีมาก ทำให้การแสดงของเธอดู … ”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงออดอ้อนเบาๆ “นั่นก็เป็นความผิดของเธอ ผู้กำกับก็ไปขอให้เธอแสดงให้แย่ลงหน่อย แบบนี้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ผู้กำกับจินขมวดคิ้ว: “อะ อะไรนะ?”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างไร้เดียงสาและพูดว่า: “ก็เพราะเธอแสดงดีเกินไปเลยทำให้การแสดงของฉันดูแย่ ก็ให้เธอแสดงให้แย่ลงหน่อย แบบนี้ก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันเป็นผู้กำกับมานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคนบอกให้ฉันขอให้คนอื่นแสดงให้แย่ลง!” ผู้กำกับจินขมวดคิ้วและมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่เซี่ยอันหรานและพูดด้วยความภาคภูมิใจ: "ผู้กำกับอย่าลืมว่าใครเป็นคนลงทุนหนังเรื่องนี้"
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขึ้นๆลงๆ จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ เขาทำได้แค่หันหน้าตะโกนบอกหลี่เคอ: “ฉากนี้เธอแสดงยังไงกัน?เธอรู้วิธีการแสดงไหม?ฉันต้องสอนวิธีแสดงให้เธอด้วยไหม?”
ทุกคนในทีมงานต่างเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะทักษะการแสดงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ดีเอง เลยทำให้ทีมงานต้องเดือดร้อน แต่ในที่สุดผู้กำกับกลับไปด่าหลี่เคอที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทีมงานทุกคนรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างมาก แต่ทำอะไรได้ล่ะ? ใครใช้ให้สปอนเซอร์อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวล่ะ?