ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 106 เธอกล้ามาก
เมื่อเห็นคำพูดที่กดดันของฉู่เสี่ยวเสี่ยว นายหน้าที่ยืนอยู่ด้านหลังเมิ่งเทียนก็ดึงแขนเสื้อของเมิ่งเทียน และโน้มตัวเข้าไปข้างหูของเขาพร้อมกับกระซิบว่า "ช่างเถอะเทียนเอ๋อร์ อดทนรอให้ลมสงบลงเถอะ นายจะไปทะเลาะกับเธอทำไม ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิงนะ ถือซะว่ายอมๆให้เธอเถอะ”
เมิ่งเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้างั้นจะค้นก็เร็วๆ"
“ถึงจะค้นก็ไม่ควรมีแค่คนของคุณฉู่ฝ่ายเดียวนิ” เซี่ยอันหรานก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าคุณฉู่อยู่ระหว่างการค้นแล้วเอาสร้อยไปวางไว้กับใครคนใดคนหนึ่งตามใจชอบ แล้วไปกล่าวหาคนๆนั้นว่าเป็นคนขโมยสร้อยไป ถ้างั้นก็ถือว่าคนนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมนะสิ อันที่จริงฉันไม่ได้จะบอกว่าคุณฉู่จะทำแบบนี้หรอกนะ แต่เพื่อเห็นแก่ทุกคนก็ควรทำอย่างยุติธรรมหน่อย"
เมื่อเซี่ยอันหรานพูดจบ ก็ทำทุกคนที่อยู่ข้างๆตกใจกันหมด ใช่ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้ก็มักจะก่อเรื่องวุ่นวายตลอด ใครจะไปรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าใครแล้วจงใจจะใส่ร้ายคนใคร ในบรรดาทีมงานเหล่านี้จะมีสักกี่คนที่สามารถทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นที่พอใจได้? ถ้าหากเจอสร้อยบนตัวพวกเขาหรือในห้องของพวกเขา งั้นพวกเขาก็กลายเป็นแพะรับบาปฟรีๆเลยนะสิ?
เมิ่งเทียนลืมตาขึ้นเหลือบมองเซี่ยอันหรานแล้วพยักหน้าเบา ๆ "สิ่งที่อันหรานพูดคือต้องส่งทีมงานไปค้นพร้อมกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว มิฉะนั้นเราก็ไม่รู้ว่าใครที่จะถูกใส่ร้ายสินะ"
ในตอนนี้เมิ่งเทียนยังสังเกตเห็นว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเอะอะโวยวายเช่นนี้ อาจเป็นเพราะต้องการให้เซี่ยอันหรานลำบากใจ อย่างไรก็ตามในใจเขาก็เกลียดฉู่เสี่ยวเสี่ยวเหมือนกันและรู้สึกกลัวว่าแผนการชั่วร้ายของฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำให้เขาตกเป็นเหยื่อ เขาจึงรีบทำพูดความหมายที่เซี่ยอันหรานจะสื่อออกมา
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างเยาะเย้ยแล้วมองเมิ่งเทียนผ่านๆและหันไปมองที่เซี่ยอันหราน แล้วยกมุมปากของเธอขึ้น สิ่งที่เซี่ยอันหรานพูดนั้น ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เธอรู้ว่าวันนี้ทำให้เรื่องใหญ่โตเช่นนี้เซี่ยอันหรานจะต้องระวังตัวไว้อย่างแน่นอน แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าเซี่นอันหรานต้องคิดไม่ถึงแน่ๆว่าเป้าหมายจริงๆของเธอในวันนี้คือเฉิงเสี่ยวเถียนแถมสร้อยก็ถูกวางไว้บนตัวของเฉิงเสี่ยวเถียนเรียบร้อยแล้ว
ในคืนนี้แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนจะสวมปีกเธอก็ไม่สามารถบินหนีจากแผนการที่สมบูรณ์แบบของเธอได้หรอก
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเบะปากอย่างเย่อหยิ่งและพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ได้สิ พวกเธอจะหาคนมาตรวจสอบพร้อมกันก็ได้ กลับกันก็ทำให้การตรวจสอบยิ่งชัดเจนมากขึ้น หลักฐานของใครบางคนที่เป็นคนขโมยยิ่งโจ่งแจ้งมากขึ้น ถึงตอนนั้นก็จะยิ่งขายหน้ามากเท่านั้น"
หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เก๋อหงหงที่รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องนี้สำเร็จแล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า "นั้นสิ วันนี้มาดูกันว่าใครจะเป็นขโมย รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ มีโจรซ่อนอยู่ข้างตัวเรานี่เอง โธ่เอ้ย คุณฉู่ของเราพกเครื่องเงินเครื่องทองมามากมายทุกวัน คิดๆดูแล้วขโมยนี่จ้องอยู่รอบๆตลอดนี่เอง น่ากลัวจริงๆ”
ขณะที่เก๋อหงหงพูด เธอก็เหลือบมองเฉิงเสี่ยวเถียนอย่างได้ใจอย่างยิ่ง
ถ้าเฉิงเสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องราวก่อนแล้ว เขาก็คงยังไม่รู้ว่าสายตาของเก๋อหงหงหมายความว่ายังไง แต่เฉิงเสี่ยวเถียนรู้อยู่แล้วว่าเก๋อหงหงต้องการใส่ร้ายเธอ เมื่อมองดูท่าทางที่ได้ใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยว สิ่งที่เซี่ยอันหรานพูดก็ลอยเข้ามาในหัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอทำดีกับคนใจร้ายใจดำแบบนั้น กลับกันพวกเขาจะมาหัวเราะเยาะใส่เธอ!
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนนึกหถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นจับไปที่ข้อมือของเซี่ยอันหราน เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองฉู่เสี่ยวเสี่ยวพร้อมกับส่งสายตาที่ดูปลอบใจให้เธอ เฉิงเสี่ยวเถียนถอนหายใจยาวและทำจิตใจให้สงบลง
ผู้กำกับจินขมวดคิ้วและมองดูความโกลาหลนี้ โดยรู้ว่าเพราะตัวเขากลัวอำนาจของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เลยไปรบกวนเวลาพักผ่อนของทุกคนให้เรียกทุกคนมาที่ล็อบบี้ดึกๆดื่นๆแบบนี้มันดูเกินไปหน่อย จากนั้นผู้กำกับจินก็พยักหน้าแล้วหันไปบอกรองผู้กำกับว่า "ถ้างั้นรองผู้กำกับไปตรวจพร้อมเธอ ถ้ายังมีใครกังวลก็ตามไปตรวจสอบพร้อมกัน พวกเราจะได้เสร็จไวๆแล้วได้พักผ่อนเร็วๆ มีใครมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม?”
เมื่อเห็นว่าจะไม่มีการคัดค้าน ผู้กำกับจินก็โบกมือ “โอเค ถ้างั้นก็รีบไปค้นเถอะ ค้นตัวฉันก่อนแล้วกัน มา…”
ขณะที่ผู้กับจินพูดก็ยืนขึ้นพร้อมกับกางมือออกเพื่อให้คนอื่นๆค้นตัว เมื่อคนอื่นๆ เห็นว่าผู้กำกับจินให้ความร่วมมือสำหรับการค้นตัว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไปและทุกคนก็ลุกขึ้นและให้ความร่วมมือในการค้นตัวเช่นกัน
หลังจากค้นตัวเสร็จก็ไม่พบอะไร ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจึงยิ้มและพูดว่า "เอาล่ะ ถ้างั้นก็เริ่มค้นห้องกันเถอะ"
การค้นตัวก็ถือว่าไม่เป็นไร แต่ห้องของทุกคนต่างก็มีของส่วนตัวกันทั้งนั้น ตอนนี้บอกจะค้นก็ค้นเลย ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วด้วยความโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าจ้องไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวในตอนที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ทันสังเกตเห็น
เซี่ยอันหรานยิ้มอย่างเย็นชา: “ถ้าจะค้น ก็ค้นให้ละเอียดหน่อย ค้นทั้งที่นอน กระเป๋าแล้วก็เสื้อผ้าด้วยเลย ไม่ใช่ถึงเวลาหาสร้อยไม่เจอแล้วจะมาค้นอีกรอบ พวกเราทำไม่มีเวลามาเล่นกับคุณฉู่หรอกนะ"
คำพูดของเซี่ยอันหรานนั้นเป็นรสชาติของการประชดประชัน พอคนอื่นๆได้ยินต่างก็รู้สึกว่ากำลังโกรธมาก แต่จุดประสงค์ในคำพูดของเซี่ยอันหรานคือเพื่อเตือนให้คนเหล่านี้ค้นอย่างระมัดระวังและหาสร้อยเพชรที่อยู่ใต้เตียงของเก๋อหงหงให้เจอ ไม่เช่นนั้นความพยายามของเธอก็จะสูญเปล่า
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆหรอก” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวนึกว่าเซี่ยอันหรานกำลังบ่นด้วยความโกรธและไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเซี่ยอันหราน
แต่จางหมิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆรู้แล้วว่าสร้อยเพชรถูกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนของเก๋อหงหงและอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเซี่ยอันหราน ในใจจางหมิ่นคิดว่า: หรือเก๋อหงหงเอาสร้อยเพชรไปใส่ไว้ในกระเป๋าเป้เฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว แต่เซี่ยอันหรานรู้เรื่องที่จะใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าขโมยสร้อยก่อนแล้วงั้นเหรอ? ถ้างั้นเธอก็ต้องระวังตัวมากๆเลยจริงๆ
ในตอนที่คนอื่นๆกำลังค้นตัวและค้นห้อง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ลงมือเลยสักนิด ทำแค่เพียงนั่งรออยู่บนโซฟาเท่านั้น เธอพักผ่อนมาแล้ว และตอนนี้เธอรอแค่เพียงค้นสร้อยเพชรที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียนให้เจอ จากนั้นเธอก็ใช้โอกาสนี้จับเฉิงเสี่ยวเถียนในฐานะที่เป็นขโมยและทำร้ายเซี่ยอันหรานอีกครั้ง
“เจอแล้ว! เจอสร้อยเพชรแล้ว!” คนค้นห้องที่อยู่ชั้นบนวิ่งลงมาพร้อมกับถือสร้อยเพชรในมือและตะโกนไปด้วย
รอข่าวนี้มานานแล้ว ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่รออย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นสร้อยเพชรที่หาเจอแล้วก็ลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็ตะโกนใส่เฉิงเสี่ยวเถียน: “นี่คือสร้อยเพชรของฉันเอง ไงล่ะโจรนี่กล้าดียังไงมาขโมยสร้อยของฉัน เธออยากตายหรือไง"
“ก็จริง…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองเซี่ยอันหรานอย่างดูถูกเหยียดหยาม: “มีเจ้านายแบบไหน ลูกน้องก็เป็นแบบนั้น เป็นนักแสดงทำตัวแย่ๆ เป็นเลขาแถมยังเป็นโจรด้วย แต่ก็ไม่แปลใจเลยอะ……”
เซี่ยอันหรานก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วบังเฉิงเสี่ยวเถียนไว้ข้างหลังพร้อมกับขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้พูดแค่ว่าสร้อยของเธอหาเจอแล้ว ไม่ได้บอกว่าเจอในห้องของเฉิงเสี่ยวเถียนสักหน่อย เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าเลขาฉันเป็นขโมย? เธอมีตาทิพย์หรือไง”
หลังจากที่เซี่ยอันหรานพูดจบ คนที่รออยู่ล็อบบี้มาตลอดและทีมงานที่ไม่พอใจมานานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“นั้นนะสิ ไม่ได้บอกว่าเจอในห้องของเฉิงเสี่ยวเถียนสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเฉิงเสี่ยวเถียนเป็นคนขโมย?”
“จะให้ใครเป็นโจรแค่ให้เธอพูดออกมาลอยๆ แล้วจะให้เรารอค้นตัวอยู่ที่นี้ทำไม?”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรีบร้อนเกินไปจึงใช้คำพูดที่ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนเป็นขโมยมาประชดเซี่ยอันหรานโดยละเลยสิ่งนี้ไป แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังคงปากแข็งแล้วชี้ไปที่เฉิงเสี่ยวเถียนพร้อมกับพูดด้วยความโกรธว่า: “เขานี่แหละมีพิรุธที่สุด หึ พวกเธอไม่เชื่อหรอว่าเธอเป็นขโมย?”
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหันไปมองคนที่ถือสร้อยคอแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอพูดมาสิว่าเจอสร้อยนี้ในห้องของเฉิงเสี่ยวเถียนใช่ไหม”
“เอ่อ…” คนที่เจอสร้อยคอนั้นเป็นรองผู้กำกับของทีมงาน เขามองดูสถานการณ์ปัจจุบันและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่เก๋อหงหง: “ไม่ใช่ ไม่ได้เจอในห้องของเฉิงเสี่ยวเถียน แต่เจอในห้องของเก๋อหงหงเลขาของคุณฉู่”
"อะไรนะ?"
ทุกคนถามคำถามออกมาพร้อมกันเกือบทั้งหมด ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาขโมยมาครึ่งวัน แต่สร้อยเพชรของเธอกลับถูกเลขาของเธอขโมยไปงั้นเหรอ? แล้วเธอยังยึกยักเวลาพักผ่อนของลูกทีมทั้งหมดไปๆมาๆตลอดทั้งคืนทำไม? เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนได้ยินรองผู้กำกับพูดเช่นนี้ เธอก็โล่งออกขึ้นมาในทันที ความขุ่นเคืองและความกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาทั่วศีรษะของเธอ เธอกำแขนของเซี่ยอันหรานไว้แน่นและพิงไปที่เซี่ยอันหรานพร้อมกับร้องไห้ออกมา
“ฉันเหรอ? ไม่ใช่ฉัน! จะเป็นไปได้ยังไง?” เก๋อหงหงผู้ซึ่งถูกระบุว่าเป็นขโมยส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดด้วยความตื่นตระหนก: “เป็นเฉิงเสี่ยวเถียนไม่ใช่เหรอ? ต้องมีใครเล่นของแน่ๆ! เป็นไปไม่ได้ว่าเป็นฉัน เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นเฉิงเสี่ยวเถียน!"
เก๋อหงหงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งๆที่เธอใส่สร้อยลงไปในกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว ตอนนี้ควรจะเจอสร้อยในกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียนสิ ทุกคนต้องเยาะเย้ยถากถางเฉิงเสี่ยวเถียนสิจะเป็นเธอได้อย่างไร?
“แต่เจอสร้อยเพชรอยู่ใต้ที่นอนของเธอ” รองผู้กำกับที่เป็นคนเจอสร้อยเพชรขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ฉัน!” เก๋อหงหงถูกทุกคนมองด้วยสายตาเหยียดหยาม เธอรีบตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว: “ไม่ใช่ฉันจริงๆ! เป็นเฉิงเสี่ยวเถียนต่างหาก! ทั้งๆที่ฉัน…”
“เก๋อหงหง!” จางหมิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่เก๋อหงหงและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: "ในเมื่อเจอสร้อยเพชรอยู่ใต้ที่นอนของเธอ เธอก็ต้องยอมรับ! ตอนนี้เธอจะมาปฏิเสธมันก็สายไปแล้ว!"
ในใจจางหมิ่นกลัวว่าเก๋อหงหงจะพูดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะการเจอสร้อยเพชรอยู่ฝั่งเก๋อหงหง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ต้องสงสัยว่าเก๋อหงหงทำเรื่องไม่สำเร็จหรือไม่ก็เป็นเพราะเก๋อหงหงจะขโมยสร้อยเพชรไป ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็จะแสดงความคับแค้นใจใส่เก๋อหงหงคนเดียว
แต่ถ้าเรื่องที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าเป็นขโมยสร้อยถูกเปิดโปง ก็จะทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขายหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำให้จางหมิ่นเป็นคนพูดระบายความโกรธของเธอออกมาแทน
เสียงตะโกนของจางหมิ่น ทำให้เตือนสติฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอมองไปที่สายตาของผู้คนมากมายที่บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจและทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองได้กลับไปที่ครอบครัวตระกูลเซี่ยอีกครั้ง
ในคืนที่เธอถูกไล่ออกจากครอบครัวตระกูลเซี่ย คนในครอบครัวตระกูลเซี่ยมีคนมากมายต่างก็ใช้สายตานี้มองเธอ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตกใจจนทำให้ตัวสั่นเทา ราวกับว่าเธอกลายเป็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนที่ยากจนซึ่งต้องเอาใจคนอื่นทุกวันเพื่อจะได้ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมและสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมไว้บนหลังเธอและเป็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวผู้น่าสงสารที่โดนเซี่ยอันหรานกดขี่ตลอดเวลา
ความรู้สึกนี้ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทั้งกลัวทั้งโกรธ แต่ก็ทำให้เธอได้สติกลับมาแล้วชั่งน้ำหนักสถานการณ์อย่างระมัดระวัง ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าจางหมิ่นทำถูกแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธว่าเก๋อหงหงเป็นคนขโมยสร้อยไป สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือห้ามให้ตัวเองถูกเปิดโปงว่าเธอจะใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าเป็นคนขโมยสร้อยไป
ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรีบลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็ชี้ไปที่เก๋อหงหงและพูดว่า "เธอกล้ามาก กล้าดียังไงมาขโมยของของฉัน!"