ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ - ตอนที่ 103 จิตใจเลวทราม
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนได้ยินเซี่ยอันหรานพูดเช่นนี้ ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเก๋อหงหงจะวางแผนทำร้ายเธอ แต่เธอเองก็ไม่คัดค้านเซี่ยอันหราน เธอรู้สึกว่าเป็นเพราะเซี่ยอันหรานหวังดีต่อเธอ เฉิงเสี่ยวเถียนเดินตามเซี่ยอันหรานไปที่รถตู้
“ถ้างั้นฉันจะเอาทุกอย่างออกมานะ” เฉิงเสี่ยวเถียนกระซิบ
เซี่ยอันหรานพยักหน้าเบาๆ จริงๆเธอก็ไม่สะดวกที่จะค้นกระเป๋าเป้ของเฉิงเสี่ยวเถียน จึงทำได้เพียงเตือนเธอด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ: “เธอตรวจดูให้รอบคอบ ดูสิว่ามีอะไรเพิ่มมาหรือมีอะไรขาดหายไปไหม?”
แม้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนจะรู้สึกว่าเก๋อหงหงไม่ได้เลวทรามเช่นนั้น และคงไม่ใช้ประโยชน์จากความช่วยเหลือจากเธอเพื่อมาทำลายเธอ อย่างไรก็ตามเฉิงเสี่ยวเถียนก็ค่อยๆหยิบของทุกอย่างในกระเป๋าเป้ออกมา ในตอนที่เธอแตะไปที่ชั้นกลางของกระเป๋า สีหน้าของเฉิงเสี่ยวเถียนก็เปลี่ยนไปทันที
“เกิดอะไรขึ้น? เจออะไรงั้นเหรอ?” เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วและถามด้วยความเป็นห่วง
เฉิงเสี่ยวเถียนตกใจจนหน้าซีดและค่อยๆหยิบสร้อยเพชรที่เก๋อหงหงใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ออกมาอย่างช้าๆ เฉิงเสี่ยวเถียนตกใจจนน้ำเสียงเปลี่ยนไป: "นี่ นี่ไม่ใช่สร้อยคอของฉันนิ นี่… นี่มัน…ไม่ควรอยู่ในกระเป๋าฉัน อะไรกัน?"
เฉิงเสี่ยวเถียนตกใจจนอึ้งไปทั้งตัว เธอตื่นตระหนกเข้าแล้วจริงๆ เธอไม่รู้ว่าต้องแสดงออกอย่างไร แม้ว่าเธอจะเป็นเลขาในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยเจอใครที่มาใส่ร้ายเธอแบบนี้ เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยจริงๆ ทำไมเก๋อหงหงต้องทำร้ายเธอเช่นนี้ด้วย?
“สร้อยคอนี้ไม่ใช่ของเธอและไม่ใช่ของเก๋อหงหงด้วยเช่นกัน เขาจะมีสร้อยคอราคาแพงขนาดนี้ได้อย่างไร?” เซี่ยอันหรานเหลือบมองสร้อยเพชรก็ประเมินมูลค่าของสร้อยคอได้ทันที
แม้ว่าคุณภาพของเพรชบนสร้อยคอนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เก๋อหงหงไม่มีปัญญาซื้ออย่างแน่นอน มีเพียงฉู่เสี่ยวเสี่ยวนี่แหละที่สามารถให้เก๋อหงหงได้
เซี่ยอันหรานรู้จักฉู่เสี่ยวเสี่ยวดี ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเอาสร้อยเพชรมาใส่ในกระเป๋าเป้ของ เฉิงเสี่ยวเถียน ไม่ใช่เพราะฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องการเอาสร้อยเพชรนี้ให้เฉิงเสี่ยวเถียน แต่จุดประสงค์เพื่อใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าเป็นคนขโมยสร้อยเพชรของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไป
แต่สิ่งที่ทำให้เซี่ยอันหรานประหลาดใจก็คือ เธอคิดมาตลอดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเกลียดเธอและคงจัดการกับเธอแค่คนเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะลงมือกับเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยจริงๆ เฉิงเสี่ยวเถียนเป็นเพียงเลขาของเธอ ทำไมต้องจัดการเฉิงเสี่ยวเถียนด้วย? หรือเป็นเพราะฉู่เสี่ยวเสี่ยวเกลียดเธอมากจนเกลียดคนรอบข้างของเธอไปด้วยงั้นเหรอ?
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันหรานโกรธจนตัวสั่นและทำให้เซี่ยอันหรานขนลุกขนพองยิ่งกว่านั้นคือเธออาศัยอยู่กับฉู่เสี่ยวเสี่ยวผู้มีจิตใจเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ภายใต้หลังคาเดียวกันและใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งหลายปี ในชาติที่แล้วเธอยังนับว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นน้องสาวแท้ๆของเธอด้วย ไม่ว่าอะไรก็จะเผื่อไว้ให้เธอ ไม่ว่าของดีๆก็จะแบ่งไว้ให้เธอ
สุดท้ายก็เลี้ยงหมาป่าจิตใจเหี้ยมโหดไว้นี่เอง
“ดูเหมือนกับว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะเป็นคนให้เก๋อหงหงใส่สร้อยนี้ลงไปในกระเป๋าเป้ของเธอแน่ๆ แล้วก็กล่าวหาว่าเธอเป็นคนขโมยสร้อยคอของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไป” เซี่ยอันหรานหรี่ตาลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เฉิงเสี่ยวเถียนไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มาก่อน เธอตกใจจจนใบหน้าซีดเผือดและพูดในขณะที่ตัวสั่นว่า “เป็น เป็นไปได้ไง? ฉัน…ฉัน…"
เฉิงเสี่ยวเถียนอยากพูดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พอคิดเรื่องนี้อยู่นาน นอกจากเหตุผลที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องการจะใส่ร้ายเธอว่าเป็นคนขโมยสร้อยไปแล้ว เธอก็คิดไม่ออกเลยว่าจะมีเหตุผลอะไรที่สร้อยนี้มาปรากฏในกระเป๋าเป้ของเธออีก
เฉิงเสี่ยวเถียนตกใจจนอึ้งไปทั้งตัว เธอทนไม่ไหวจนร้องไห้และพูดว่า: "ฉันก็ปฏิบัติต่อเก๋อหงหงไม่เลวเลยนิ เธอ ทำไมเธอถึงช่วยฉู่เสี่ยวเสี่ยวมาทำร้ายฉัน"
"เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันไงล่ะ" เซี่ยอันหรานหายใจเข้าลึกๆและขมวดคิ้วเล็กน้อย: “อาจจะเป็นเพราะเขาไม่สามารถจัดการกับฉันได้ ก็เลยมาระบายความโกรธที่เธอ สำหรับเก๋อหงหง ตอนนี้ก็มีหมาป่าจิตใจเหี้ยมโหดเพิ่มมาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แล้วเขาจะจดจำความดีของเธอแล้วปฏิบัติต่อเธอด้วย 'ความดี' แบบเดียวกัน"
เฉิงเสี่ยวเถียนยังคงเบิกตากว้าง ดูเหมือนเธอไม่อยากจะเชื่อมันเลยสักนิด
เซี่ยอันหรานถอนหายใจเล็กน้อย ในชาติก่อน ตอนที่เธอเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวกับถังรั่วชิวอยู่ด้วยกัน เธอก็ตะลึกแบบนี้เหมือนกับ ใช่ ทำไมทำดีกับพวกเขาขนาดนี้ พวกเขายังทรยศเรา?
แต่บางคนในโลกนี้เรื่องบางเรื่องพวกเขาช่างไร้เหตุผล พวกเขาไม่จดจำความดีของผู้อื่นและยอมสละใครก็ได้เพื่อผลประโยชน์และเป้าหมายของตนเอง
ในการจัดการกับคนแบบนี้ ไม่สามารถเป็นผู้บริสุทธิ์ได้อีกต่อไป เพราะรู้สึกว่าคนแบบนี้ค่อยๆทำดีเพื่อเปลี่ยนพวกเขาให้ดีขึ้นไม่ได้ ทำได้เพียงต้องเลวทรามกว่าคนพวกนี้ ก่อนที่พวกเขาจะลงมือต้องลงโทษพวกเขาให้ตายเสียก่อน
ดังนั้นในตอนที่เซี่ยอันหรานจัดการฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอไม่มีทางเมตตาเขาแน่นอน
“ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้เก๋อหงหงเอาสร้อยใส่ไปในกระเป๋าเป้ของเธอแล้ว ต่อไปฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็จะเริ่มตามหาสร้อย ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะรอหลังจากที่พวกเรากลับไปที่โรงแรม ก็จะเริ่มพูดเรื่องนี้ออกมาเพื่อจับ'ขโมย'" เซี่ยอันหรานพูดในขณะที่ขมวดคิ้ว
“ทำยังไงดี?” เฉิงเสี่ยวเถียนถามด้วยความตื่นตระหนก: “หรือไม่ก็ให้ฉันโยนสร้อยทิ้งไปเลยไหม”
เซี่ยอันหรานถอนหายใจ: “ไปทิ้งที่ไหนล่ะ? นี่มันสร้อยเพชรเลยนะ เธอเข้าไปในรถของเก๋อหงหง ทีมงานเยอะขนาดนี้ต้องมีคนเห็นแน่ๆ ถ้าเธอเอาสร้อยเพชรไปทิ้ง แล้วมีใครมาเห็นเธอเอามันไปทิ้ง ถ้างั้นก็แสดงว่าเธอก็กลายเป็นขโมยเข้าแล้วจริงๆน่ะสิ กลับกันก็ยิ่งอธิบายอะไรยากมากขึ้น”
เฉิงเสี่ยวเถียนเบิกตากว้าง: “ถ้า ถ้างั้นควรทำยังไงดี?”
เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วและถามเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่าเธอยังอยากเป็นผู้ช่วยของฉันอยู่หรือเปล่า? วันนี้เธอถูกใส่ร้ายก็เพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดต่อเธอมากๆ ถ้าหากเธอไม่อยากเป็นเลขาของฉันแล้วล่ะก็… … "
“ไม่ อันหราน ฉันยังอยากเป็นเลขาของเธอ” เฉิงเสี่ยวเถียนส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยอันหราน นี่เป็นความผิดของเก๋อหงหงกับฉู่เสี่ยวเสี่ยว ทำไมเธอต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะ ถ้าเธอกลัวว่าพวกเขามาทำร้ายฉันแล้วฉันจะเลิกเป็นเลขาของเธอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะขี้ขลาดมากเลยแหละ แม้ว่าฉันจะโง่มากๆ แต่เหตุผลแค่นี้ ฉันก็เข้าใจดี”
เมื่อเซี่ยอันหรานได้ยินเฉิงเสี่ยวเถียนพูดเช่นนี้ เธอก็รู้สึกประทับใจในทันใด แม้ว่าจะมีคนจิตใจชั่วร้ายเช่นถังรั่วชิว ฉู่เสี่ยวเสี่ยวและเก๋อหงหงอยู่บนโลกนี้ แต่ก็ยังมีคนจิตใจดีอย่างเฉิงเสี่ยวเถียนอยู่
เซี่ยอันหรานเม้มริมฝีปากของเธอแล้วยิ้ม: "ไหนๆเสี่ยวเถียนก็เต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างฉันต่อ ถ้างั้นก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้ได้”
“วิธีไหน?” เฉิงเสี่ยวเถียนเบิกตากว้างด้วยความสงสัย
เซี่ยอันหรานยิ้มและพูดว่า “เก๋อหงหงเอาสร้อยใส่เข้าไปในกระเป๋าของเธอ ใส่ร้ายเธอ ถ้างั้นฉันก็จะเอาสร้อยคอนี้คืนกลับไปไว้ในมือของเก๋อหงหง ห้องของเก๋อหงหงอยู่ไหน?”
เฉิงเสี่ยวเถียนกระพริบตาปริบๆ: “ห้องของเก๋อหงหงงั้นเหรอ? อยู่ด้านล่างของห้องฉัน"
“ดีเลย ฉันเองก็ถ่ายจบแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ฉันจะตามเธอไปที่ห้องเธอเอง” เซี่ยอันหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดเบา ๆ
เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว: “ได้เลย ฉันจะเชื่อฟังเธอ”
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนพูดจบ ก็ขมวดคิ้วและมองไปที่สร้อยเพชรด้วย: "แล้วนี่…"
เฉิงเสี่ยวเถียนกลัวสร้อยเพชรนี้มากจริงๆ พอเธอเห็นสร้อยนี้ก็นึกถึงเก๋อหงหงและรู้สึกชาไปทั้งหลัง เฉิงเสี่ยวเถียนยังคงไม่เข้าใจว่าเก๋อหงหงที่ปากหวานเรียกเธอว่า "พี่เสี่ยวเถียน" ในขณะที่แทงข้างหลังเธอไปด้วยได้ยังไง? ทำไมถึงมีคนตีสองหน้าได้ถึงขนาดนี้ ทำให้ตอนนี้เฉิงเสี่ยวเถียนนึกถึงฉากนั้นขึ้นมาแล้วรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
เซี่ยอันหรานก้มศีรษะลงและถือสร้อยเพชรไว้ในมือ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่ต้องกังวล สร้อยเพชรนี้เก็บไว้ที่ฉันเอง ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน"
เฉิงเสี่ยวเถียนกดริมฝีปากล่างของเธออย่างแรงและพยายามประคองเสียงที่กำลังสั่นเทาเอ่ไว้: "ถ้างั้นฉันไปบอกผู้กำกับจินแป๊บหนึ่ง"
เซี่ยอันหรานพยักหน้าเบา ๆ เมื่อรอเฉิงเสี่ยวเถียนกลับมาหลังจากที่บอกผู้กำกับจินเสร็จ ก็รีบให้คนขับรถไปส่งที่โรงแรมทันที เมื่อถึงโรงแรมที่ทีมงานพักอยู่ เซี่ยอันหรานกับเฉิงเสี่ยวเถียนก็เดินไปที่ห้องของเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยกัน
เซี่ยอันหรานหยิบเชือกปีนเขาที่ซื้อมานานแล้วออกมาแล้วเปิดหน้าต่าง เอาหัวยื่นออกไปเหลือบมองข้างนอกหน้าต่าง จากนั้นเซี่ยอันหรานก็ผูกเชือกปีนเขากับหน้าต่าง พร้อมที่จะปีนลงไปทางหน้าต่าง
เมื่อเฉิงเสี่ยวเถียนเห็นว่าเซี่ยอันหรานกำลังจะหันหลังและปีนออกจากหน้าต่าง เธอก็รีบเอื้อมมือออกไปคว้าเซี่ยอันหรานไว้และถามด้วยความตื่นตระหนก “เธอ เธอจะทำอะไรกันน่ะ นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว"
“ฉันจะออกไปทางหน้าต่างไปที่ห้องของเก๋อหงหงแล้วเอาสร้อยเพรชใส่ไว้ในห้องของเธอ ไม่ต้องห่วง ฉันเคยเรียนปีนเขามาแล้ว ไม่มีปัญหาหรอก หายากนะที่หน้าต่างของเธอจะเปิดทิ้งไว้ แถมในห้องก็ไม่มีใครอยู่ อีกอย่างที่นี้ก็ไม่มีกล้องวงจรด้วย” เซี่ยอันหรานหันกลับไปมองนอกหน้าต่างและพูดเบา ๆ
“แบบนั้นก็ไม่ได้ มันอันตรายเกินไปจริงๆ ฉันไม่ยอมให้เธอลงไปหรอก” เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว สีหน้าดูกังวลอย่างมาก: “เราไปที่ห้องของเก๋อหงหงเลยก็ได้หนิ แค่แอบเข้าไปก็ได้แล้ว”
"แต่มีกล้องวงจรที่ทางเดิน เราไม่มีเวลาพอที่จะลบภาพทั้งหมดในกล้องวงจรหรอก" เซี่ยอันหรานถอนหายใจ: "ทำได้เพียงเท่านี้แหละ"
เฉิงเสี่ยวเถียนพูดด้วยความตื่นตระหนก: "นี่มันอันตรายเกินไป"
“ไม่เป็นไรหรอก เชื่อฉันสิ!” เซี่ยอันหรานพูดด้วยรอยยิ้ม: “เรารอต่อไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยวถ้าฉู่เสี่ยวเสี่ยวโวยวายจะหาขโมยขึ้นมา เราก็ไม่สามารถอธิบายอะไรให้ชัดเจนได้แล้ว”
เฉิงเสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเธอแดงขึ้นมาทันที: "ต้องโทษฉันที่ประมาทเกินไป เชื่อใจคนอื่นไปทั่ว ทำให้เธอต้องเสี่ยงขนาดนั้น อันหราน ฉัน…"
"ไม่อันตรายเลยสักนิด" อันหรานกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เอาล่ะ ช่วยฉันดูรอบๆด้วย อย่าให้คนอื่นเห็นฉันล่ะ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วแถมยังอยู่ด้านหลัง ไม่น่าจะมีใครผ่านมา แต่เธอก็ต้องคอยสังเกตให้ดีๆด้วยล่ะ"
เฉิงเสี่ยวเถียนถูจมูกและพยักหน้า เซี่ยอันหรานยิ้มและรีบหันไปทันทีโดยที่ห้อยเชือกปีนเขาลงไปถึงด้านล่างตรงด้านหน้าหน้าต่างห้องของเก๋อหงหง เมื่อแกว่งไปมาเล็กน้อย ก็เหวี่ยงเข้าไปในห้องของเก๋อหงหงสำเร็จ
แต่เมื่อเซี่ยอันหรานเข้ามาในห้องและพึ่งหยิบสร้อยเพชรออกมา ก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาที่ประตู นี่เก๋อหงหงกลับมาแล้วงั้นเหรอ? ทำไมเร็วขนาดนี้?
เซี่ยอันหรานรีบวางสร้อยเพชรไว้ใต้ที่นอนในห้องของเก๋อหงหงและรีบกระโดดออกจากหน้าต่างด้วยเชือกปีนเขาทันที
ช่วงที่เซี่ยอันหรานกระโดดออกจากห้องของเก๋อหงหง ห้องของเก๋อหงหงก็เปิดออกทันที เก๋อหงหงเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆพร้อมกับหาวไปด้วย เมื่อเธอเห็นหน้าต่างที่เปิดอยู่ เก๋อหงหงก็เปล่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ: "เอ๊ะ? มีคนเข้ามางั้นเหรอ?”