การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ - ตอนที่ 204 ความคิดของชินโต
- Home
- การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~
- ตอนที่ 204 ความคิดของชินโต
ตอนที่ 204 ความคิดของชินโต
「พูดอะไรออกมาน่ะยามาโตะ!? เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไงกัน!」
รันพี่สาวของเขาคัดค้านออกมาเต็มที่กับแผนของยามาโตะ
คาซากิเองก็เช่นเดียวกัน
「ท่านรันพูดถูกแล้ว ท่านยามาโตะ ตอนนี้ท่านคือบุตรชายแห่งคาซานเพียงคนเดียวที่เหลือรอด ดังนั้นในฐานะผู้สืบสายเลือดอันยิ่งใหญ่ของท่านกิเอน ได้โปรดเตรียมใจให้พร้อมและยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวกว่านี้จะดีกว่านะครับ」
คาซากิพูดเหมือนจะดูมีเหตุและผล ทว่าเคิร์ทก็ยิ่มเยาะอยู่ในใจ เหมือนจะเป็นการบอกเลยว่าเด็กนี่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย แต่ไม่พยายามแสดงออกให้ชัดเจนเท่านั้นเอง
คนสุดท้ายพี่พูดก็คือคนจากลัทธิแห่งแสงอย่างชินโต ทว่าเขาไม่ได้พูดกับยามาโตะแต่เป็นทุกคนที่อยู่ที่แห่งนี้
「ท่านรัน ท่านคาซากิ และคนอื่นๆ ข้าก็เข้าใจความรู้สึกของพวกท่านดี แต่ตอนนี้ข้ามองว่าควรจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนให้สบายตัว ก่อนจะเริ่มมาคุยเรื่องต่างๆ ใหม่จะดีกว่านะครับ」
ชินโตนั้นทำตัวผยองต่อเคิร์ท แต่กลับปฏิบัติกับคนอื่นๆ ในกองทัพคาซานอย่างสุภาพ สมกับเป็นนักบวชเมื่อร่วมกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาช่วยดูแลเรื่องเสบียงของกองทัพ น้ำหนักในคำพูดของเขาก็สูงตามไปด้วย
พอชินโตพูดจบ ยามาโตะก็เหมือนจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกคาซากิหยุดไว้เสียก่อน
「อื้ม! ก็อย่างที่ท่านชินโตกล่าว มอนสเตอร์คงจะไม่เข้ามาโจมตีหลังจากนี้หรอก เราก็ควรจะไปหาสาเกและข้าวเพื่อเพิ่มกำลังกันสักหน่อย ถึงเสบียงจะเหลือไม่มาก แต่ข้ามั่นใจว่าเดี๋ยวท่านชินโตก็จะจัดหามาเพิ่มให้อีกไม่ช้าแน่!」
พอคาซากิหัวเราะออกมา ชินโตก็ตอบกลับอย่างสุภาพว่าให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง
สรุปก็คือไม่มีใครคิดจะฟังคำพูดของเด็ก 8 ขวบเลยสักนิด การประชุมถูกเลื่อนออกไป พวกทหารก็กลับไปประจำที่ของตน
ยามาโตะก็เดินไหล่ตกออกไปโดยมีพี่สาวของเขาช่วยประคอง เคิร์ทที่ได้รับหน้าที่ในการดูแลพวกเขาก็ตั้งใจจะเดินตามไป แต่ก็ถูกชินโตหยุดไว้ก่อน
ชื่อในตอนนี้ของเขาคือเคิร์ท พอเห็นว่าอีกฝ่ายบอกให้ตามมา เขาก็พยายามซ่อนความหงุดหงิดเอาไว้และตามไป
ชินโตได้พาเคิร์ทไปยังที่ลับตาคน ก่อนจะพูดอย่างรวดเร็ว
「เคิร์ท ฆ่ารันซะ」
「……หา? 」
「ก็บอกว่าให้ฆ่ารันทิ้งไง แล้วก็ฆ่าให้ดูสภาพน่าอนาถที่สุดด้วยล่ะ ตัดมือเท้าเอาให้กลิ้งไปมาเหมือนดารุมะเลย จากนั้นก็โบ้ยให้เป็นฝีมือของนากายามะ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าเด็กนั่นจะไม่ได้พูดเรื่องอย่างการยอมจำนนอีก」
ยามาโตะจะถูกปลูกฝังความเกลียดชังต่อนากายามะมากขึ้นไปอีก เนื่องจากการตายของพี่สาวเขา ชินโตหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
กลับกันเคิร์ทได้จ้องมองชินโตด้วยท่าทางที่อยากจะถ่มน้ำลายอัดหน้าไอ้ระยำนี่สักรอบ
「ถ้าอยากจะทำก็ทำเองสิฟะ อย่ามายืมมือคนอื่นเขา」
「หืม? ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่พูดอะไรอย่างไม่อยากจะฆ่าเด็กหรือผู้หญิงอะไรงี้หรอกนะ? ยังไงการสังหารพวกคิจินและสิ่งชั่วร้ายก็เป็นกฎเหล็กของมิตสึรุกิอยู่แล้วนี่ หากทางนั้นรู้ว่าเจ้าเกิดสงสารพวกมันขึ้นมาจะว่ายังไงล่ะ? 」
「ท่านผู้นำบอกแค่เพียงให้สังหารพวกมัน แต่ไม่ได้บอกให้ฆ่าอย่างทรมานหรือทำให้ศพดูอนาถอะไรสักหน่อย」
หากชิกิบุสั่งให้เขาฆ่ารัน เคิร์ทไม่สิคลิมก็คงจะรับคำสั่งนั้นอย่างว่าง่าย เช่นเดียวกับตอนที่อยู่อิชกะ เขาไม่ได้มีความลังเลที่จะฆ่าซูซูเมะเลยสักนิด ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเด็กหรือผู้หญิงคลิมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ใช่พวกที่อยากจะทรมารอีกฝ่ายโดยไม่มีเหตุผล เขาไม่ได้ตั้งใจจะเล่นอะไรกับศพอีก ในฐานะของนักรบแห่งผืนป่าแล้ว การฆ่าพวกคิจินไม่ได้เกิดมาจากความเคียดแค้น แต่พวกคิจินมีความเชื่อมโยงกับเทพปีศาจหากปล่อยทิ้งเอาไว้ ทั่วทั้งทวีปบนโลกคงไม่พ้นกลายเป็นดินแดนรกร้างเหมือนคิไคตอนนี้
ในมุมของคลิม คำพูดของชินโตก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดของพวกโง่เง่าที่ไม่เข้าใจถึงกฏจริงๆ ของตระกูล เขาไม่คิดจะฟังหรือทำตามสักนิด
เหนือสิ่งอื่นใดเหตุผลเดียวที่เขายังติดตามชินโตอยู่ก็เพราะเบาะแสของสมบัติลับ และการฆ่ารันทิ้งมันก็ไม่มีทางจะทำให้เขาได้สมบัติลับนั้นแน่ๆ จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะฟังคำของอีกฝ่าย
และแล้วก็มีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัวคลิม
จะว่าไปก็ดีเสียอีก หากชินโตคิดจะฆ่ารันด้วยตัวเอง เขาก็จะได้ช่วยรันและฆ่าชินโตทิ้งเสีย ถ้าทำแบบนั้นเขาก็จะได้ความชอบจากทางรันและยามาโตะเพิ่มก่อนจะขอให้อีกฝ่ายช่วยเรื่องหาสมบัติลับในฐานะผู้สืบทอดของคาซาน ถึงสุดท้ายอาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นก็ได้
เอาเถอะสุดท้ายมันก็เป็นแค่ความเป็นไปได้ที่แตกหน่อออกมาจากสมอง แต่มันก็เหมือนจะค้างคาอยู่ในใจของคลิมไม่จางหายไปเสียที นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ที่คลิมต้องกังวลเพิ่มด้วย
โพชั่นฟื้นฟูพลังที่เขาได้รับมาจากไดรอาทเริ่มน้อยลงไปทุกที จากจุดนี้ถึงเวลาแล้วที่คลิมต้องรีบเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น ในขณะนั้นชินโตก็ได้พูดอะไรไปเรื่อย แต่คลิมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักและประเมินความเป็นไปได้ในแผนการที่เขาคิด
「เคิร์ท นี่เจ้ากล้าดียังไงเป็นแค่ขี้ข้าของชิกิบุแท้ กลับมาดูถูกข้าเช่นนี้!」
หลังจากที่เคิร์ทเดินจากไป ชินโตก็เตะไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความหงุดหงิด
จากมุมของชินโตแล้ว มิตสึรุกิก็ไม่ต่างอะไรกับตระกูลระดับล่างสุดของตระกูลโฮโซ ส่วนเคิร์ทที่เป็นข้ารับใช้ของตระกูลนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับลูกน้องของลูกน้องเขา เดิมทีเคิร์ทควรจะต้องอยู่ในท่าคลานเข่าเข้ามาหาเขาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็คงไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ จึงไม่ได้แสดงความเคารพต่อชินโตนัก แล้วพอพยายามจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงตำแหน่งตัวเองโดยการฟันเพื่อเตือนสติ แต่สุดท้ายทัศนคติของเคิร์ตก็ไม่เปลี่ยนแปลง จนชินโตเกิดสงสัยจริงๆ ว่าชิกุบุสั่งสอนลูกน้องตัวเองมาแบบไหนกัน
ทว่าจะไปโกรธพวกที่ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางก็เสียเวลาเปล่า ตอนนี้เห็นทีว่าเขาจำเป็นจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด
เดิมทีชินโตและลัทธิแห่งแสงนั้นที่ทำการช่วยเหลือพวกกบฏคาซานก็เป็นเพราะไม่ต้องการให้นากายามะรวมคิไคได้เป็นปึกแผ่น
สำหรับลัทธิแห่งแสงแล้ว การที่พวกคิจินรวมกันเป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี หากพวกมันสามัคคีกัน อิทธิพลของลัทธิก็จะเบาบางลงไปด้วย นอกจากนี้ลัทธิอาจจะถูกบีบให้ต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายแทน
ดังนั้นลัทธิจึงได้ดำเนินการอย่างลับๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเอกภาพขึ้นในคิไค เมื่ออีกฝ่ายมีอำนาจมากขึ้น เขาก็จะช่วยเสริมฝั่งตรงข้ามให้แกร่งขึ้นตามเพื่อถ่วงดุลกันและกัน
อันที่จริงการที่การที่นากายามะมีอำนาจมากจนสามารถเทียบกับคาซานได้ก็เพราะการช่วยเหลือจากลัทธิ ทว่าความเร็วในการเติบโตของนากายามะนั้นรวดเร็วกว่าที่ลัทธิคิดเอาไว้มากจนคุมไม่อยู่ ตอนนี้ทางลัทธิก็เลยต้องมาช่วยเหลือคาซานแทนและชินโตคือผู้รับผิดชอบหลัก
สิ่งที่ชินโตคาดไม่ถึงก็คือนากายามะนั้นมีมันสมองและพลังมากกว่าที่คิด ทั้งที่เขาคิดจะใช้ยามาโตะซึ่งมีคาซากิเป็นหัวหอกช่วยยุแยงกบฏ ทว่าก็กลับไม่มีใครเล่นด้วยมากเท่าที่ควร กบฏคราวนี้จึงมาถึงทางตันอย่างรวดเร็ว
พลังของมันช่างห่างไกลกับคำว่าถ่วงดุลอำนาจนากายามะ ทางชินโตที่เป็นผู้รับผิดชอบแผนการคราวนี้ก็ไม่พ้นต้องรับผิดไปด้วยเมื่อล้มเหลว
ดังนั้นชินโตจึงเกิดความคิดที่ว่าจะใช้ตระกูลมิตสึรุกิ
เลือกจะมาตั้งค่ายที่เขาไดโก ทำให้นากายามะต้องยกทัพมาปราบ สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับมิตสึรุกิ ทำให้พวกนั้นต่อสู้กันเอง
ขอแค่อาซึมะตาย ทุกอย่างก็จะสำเร็จ คิไคจะตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง แม้ว่าผลลัพธ์ของแผนจะออกมาไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยทำลายนากายามะลงได้ แล้วทางชินโตก็จะเพิ่มเชื้อไฟด้วยการจลาจลของผู้คน
ไม่เหมือนกับคนของลัทธิแห่งแสง สำหรับพวกนักรบแห่งผืนป่าจากตระกูลมิตสึรุกิแล้ว พวกเขาไม่สามารถอยู่ที่คิไคได้นาน ทว่าด้วยระยะทางที่ถึงแค่เขาไดโกคงไม่ใช่ปัญหา จากที่เห็นเมื่อ 50 ปีก่อนผู้นำตระกูลมิตสึรุกิก็สามารถเอาชนะกษัตริย์คิจินในยุคนั้นได้สบายๆ ด้วยระยะทางแค่นั้น
ชินโตเองก็ได้ส่งแผนการดังกล่าวไปให้ชิกิบุเรียบร้อยแล้วและขอความร่วมมือจากทางนั้น โดยให้อีกฝ่ายส่งกองกำลังเข้ามา ทว่ากลับไม่มีการตอบกลับแล้วได้คลิมมาแทน
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะจังหวะมันบังเอิญขนาดไหน ทางชินโตจึงคิดว่าคลิมเป็นคนที่ชิกิบุส่งมาเป็นแนวหน้าเพื่อยืนยันสถานการณ์ก่อนจะกลับไปยังเกาะเพื่อนำกำลังหลักเข้ามาช่วยเหลือ แน่นอนว่าทั้งหมดมันคือเรื่องเข้าใจผิด คลิมไม่รู้ถึงเรื่องราวนี้เลยสักนิด และเขาก็ดันไหลไปตามน้ำเสียจนทางชินโตไม่ตระหนักถึงความเข้าใจผิดของตนเลย
ด้วยเหตุนี้เอง ชินโตจึงต้องพยายามรักษาพวกกบฏคาซานให้ยังเป็นรูปร่างไว้จนกว่าทางกองทัพนากายามะจะมาถึง แน่นอนว่าการที่จะให้คาซานยอมจำนนแต่โดยดีนั้นไม่ใช่สิ่งที่ชินโตต้องการเลยสักนิด
หากไพ่ไปออกหน้านั้น พวกระดับสูงของลัทธิก็จะสงสัยในความสามารถของชินโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำตระกูลโฮโซที่ปัจจุบันมีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นผู้ใช้ศาสตร์นานะชิกิที่หาได้ยากอย่างชินโต เขาก็คงจะถูกลงโทษอย่างไร้ปรานีในฐานะพวกไร้ความสามารถ
เพื่อป้องกันไม่ให้ยามาโตะยอมจำนน ทางชินโตก็ต้องเคลื่อนไหว เนื่องจากยืมมือของเคิร์ทมาไม่ได้ เขาก็มีแต่ต้องลงมือด้วยตัวเอง
ในฐานะที่เขาเป็นถึงยอดนักรบผู้สังหารความชั่วร้าย การจะฆ่าคิจินสักตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code