“มาช้านะหมายเลข 0”
“ขะ— ขอโทษค่าาาา!!! ”
ฉันกำลังก้มหัวขอโทษคุณหัวหน้าที่สวมชุดปิดหน้าปิดตาอยู่ตรงส่วนของพื้นที่ห้องนักบิน
ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว ดูท่าว่าเขาจะโกรธมากทีเดียว
แต่ที่มาช้าเนี่ย มันเป็นเพราะฉันมัวเสียเวลาเก็บกวาดร่องรอยซากศพที่พวกพี่ ๆ ลืมจัดการในห้องเครื่องกันนะ!
“เด็ก? แถมยังไม่ใช่คนของดาวดวงนี้? สมัยนี้องค์กรของเรามีนโยบายลักพาตัวเด็กมาใช้งานกันแล้วเรอะ? ”
“เป็นการทดลองอะไรเล็กน้อยของพวกระดับสูงนะครับ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยครับท่าน [อาร์ค] ”
“การทดลอง? ไล~? ฟังดูไม่น่ารื่นรมย์เลยนะ ไล~”
“คุณภูติ [ไลออน] ก็คิดมากไปนะครับ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ สำหรับองค์กรเรานั้นไม่ถือสาว่ามีความแตกต่างกันหรอกนะครับ”
ใครอ๊ะ?
ฉันเงยหน้าหันไปมองทางเดียวกับที่หัวหน้ากำลังพูดคุย
ที่ตรงนั้นมีชายเผ่ามนุษย์นกที่มีขนสีดำ กับชายเผ่าภูติตาตี่ ผมสีขาวตัดสั้นทรงหน้าม้า ยืนคู่กันอยู่สองคน
ชุดที่พวกเขาสวมใส่ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นได้เพียงแค่ รปภ. ที่เห็นได้กันเกลื่อนกลาดทั่วไปในยานลำนี้
“เอาเถอะ ยังไงทางนี้ก็ปล่อยข่าวลวงเรื่องตำแหน่งกับเวลาของยานที่จะลงจอดไปให้แล้ว พวกนายควรรีบจบงานก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะไหวตัวทันนะรู้ไหม? ”
“คิดว่าพอจะถ่วงเวลาให้กับพวกเราได้นานแค่ไหนครับ? ”
“ราวห้านาทีหรือน้อยกว่านั้น”
“ไม่ได้เยอะมากมายเลยนะครับนั่น? ”
“ทางนี้ก็ต้องรักษาหน้าเพื่อเป็นสายให้กับตำรวจสากลเหมือนกันนะรู้ไหม? ”
“ครับ ครับ~ เข้าใจแล้วครับ~”
เป็นสายให้ตำรวจสากล?
สายลับสองหน้า?
สองคนนี้เป็นสายลับสองหน้าละ
ฟังดูเท่จัง!
ว่าแต่… ตกลงพวกเขาจะเรียกตัวฉันมาตรงนี้เพื่ออะไรกันเนี่ย?
“เออ… แล้วที่เรียกตัวฉันมาตรงนี้ คือต้องการจะให้ฉันทำอะไรอย่างงั้นหรือคะ? ”
“เกือบลืมเธอไปเลย งานที่จะฝากให้เธอจัดการต่อจากนี้ คือการทำตามคำสั่งของคุณ [อาร์ค] กับคุณ [ไลออน] ”
“ค่ะ”
ฉันขานรับคำสั่งจากคุณหัวหน้า แล้วหันไปมองทางคุณมนุษย์นกขนสีดำ
พอเห็นว่าเขาไว้ผมยาวจนถึงเอว เลยอดที่จะหลุดอมยิ้มไม่ได้
เขาดูเหมือนเป็นตัวอีกาเลยละ
“หะ—? อย่าบอกนะว่าลูกน้องที่หามาให้พวกเราสองคนคือเด็กคนนี้? ไล~? ”
” ใช่ครับ”
คุณภูติตาตี่หันมามองทางฉันด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เอาเสียมาก ๆ ผิดกับคุณอีกกาที่หันมามองทางฉันด้วยแววตาเวทนาสงสาร
เริ่มชักรู้สึกไม่ชอบคุณภูติหัวขาวขึ้นมาแล้วแฮะ
” คำสั่งคือให้เฝ้าห้องกัปตันตรงนี้ อย่าให้ใครผ่านเข้าไปได้เด็ดขาด”
“ค่ะ”
คุณอีกาคือคนที่ออกคำสั่งกับฉัน
ว่าแล้วฉันก็หันหลัง แล้วเอามือแตะบานประตูห้องกัปตันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่เป็นเพราะมันถูกลงโปรแกรมปิดตายไปแล้ว บานประตูขนาดใหญ่ตรงหน้าเลยนิ่งสนิทราวกับเป็นกำแพงหินไป
“มันไม่เปิดอะ”
“นั่นละที่ต้องการ เธอนะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้เฉย ๆ ก็พอ ส่วนพวกเราจะไปจัดการแผนการขั้นต่อไปกันเอง”
“รับทราบค่ะ…”
รู้สึกเหมือนถูกกีดกันออกจากกลุ่มเลยอะ
งือ~
อยากรู้จังว่ามีอะไรอยู่ข้างในนี้กันแน่
แล้วแผนการต่อไปของพวกเขาคืออะไร ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันกันละเนี่ย!
“หัวหน้า อีก 10 นาทียานจะลงจอดแล้วครับ”
“ดี งั้นฝั่งพวกผมขอตัวก่อนครับคุณคู่หูสายลับ ขอให้ทุกชีวิตอวยพรแด่โต๊ะอาหารของพวกเรา”
“ขอให้ทุกชีวิตอวยพรแด่โต๊ะอาหารของพวกเรา”
พวกเขาพูดคำอวยพรยอดฮิตขององค์กร ก่อนจะหมุนเข็มกลัดสีทองบนปกให้มันเปลี่ยนเป็นรูปหม้อต้มกระดูก แล้วเริ่มวิ่งกระจายหายตัวไปในเงามืด
ตอนนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวแล้ว
“เบื่อ…”
เพราะไม่มีอะไรให้ทำ ฉันเลยนั่งลงกอดเข่าพร้อมกับมองวิวข้างนอกผ่านทางหน้าต่าง
ตอนนี้ตัวยานกำลังเริ่มลอยลงต่ำ
วิ่งผ่านชั้นบรรยากาศของโลกอยู่
มันเสียดสีกับอากาศจนผิวยานกลายเป็นสีแดงฉาน
เวลาเดียวกัน ที่ผิวของยานก็หลั่งสารเมือกสีเขียว
ดูเหมือนว่าเจ้าเมือกนั้นจะช่วยกันแรงเสียดสี คอยห่อหุ้มปกป้องไม่ให้สีผิวของตัวยานลุกไหม้จนเสื่อมสภาพ
ความเร็วของยานเริ่มสูงขึ้นพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่เขย่าจนรู้สึกวิงเวียนศรีษะ
มองเห็นเส้นลมที่วิ่งฉีกเป็นสายยาวเกิดขึ้นตามผิวมุมหักของตัวยาน
มันดูเหมือนเป็นละอองของฝนดาวตกที่สวยงามเอามาก ๆ เลยทีเดียว~
เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ท้องฟ้าก็ฉับพลันกลายเป็นสีของอรุณเบิกฟ้า ณ. เวลา 13:00 น. ของวันใหม่
ผืนทวีปที่เต็มไปด้วยพรมธรรมชาติสีดำเริ่มแผ่ขยายกว้างเต็มสองดวงตา
ผืนฟ้าสีม่วงแห่งเดือน [เรตนิว] ที่เต็มไปด้วยหิมะกับบรรยากาศแสนสงบถูกทาทับปกคลุมโลกา
ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เห็นเพียงแต่หุบเขาป่าหินสีดำกับผืนป่าสีดำอันกว้างใหญ่
ที่นี่คือ [ทวีปแห่งสนามแม่เหล็กภาคตะวันออก]
ทวีปที่เต็มไปด้วยสนามแม่เหล็กประหลาด
เข็มทิศทั่วไปไม่อาจใช้งานในทวีปนี้ได้
มันเป็นเขตดินแดนภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยแร่โลหะที่มีพลังงานแฝง
เป็นทวีปที่ท้าทายต่อขีดความสามารถของเทคโนโลยี เพราะอุปกรณ์แทบทุกชนิดที่ผลิตใช้ตามท้องตลาด มันจะไม่สามารถใช้งานในทวีปแห่งนี้ได้เลย นอกจากอุปกรณ์ที่ผลิตมาอย่างเป็นพิเศษ
อย่างเช่นเช่นมือถือขององค์กรที่หัวหน้ายกให้ฉันมาใช้เครื่องนี้ยังไงล่า~!
ฉันหยิบมือถือรูปกุญแจที่มีความหมายตรงตัวของการสะเดาะกลอนออกมาอวดให้โลกให้เห็น
ถึงจะไม่มีใครมองดูฉันโอ้อวดอยู่ตรงนี้เลยก็ตามทีเถอะนะ
*ปึ่ง! *
เหวอ!?
เสียงลมตีอีกแล้ว?!?
*ตึง! *
ไม่สิ
คราวนี้มันต่างออกไป
มันน่าจะเป็นเสียงยานจอดมากกว่า
ฉันเริ่มรู้สึกถึงแรงกระแทกที่ส่งผ่านขึ้นมาทางฝ่าเท้า
วิวข้างหน้าต่าง กำลังบอกให้ฉันรู้ว่าตัวยานได้จอดลงตรงใจกลางป่าของทวีป
จอดที่ใจกลางป่าซึ่งไม่มีอะไรอยู่เลย นอกจากป่าโลหะที่เต็มไปด้วยสนามพลังแม่เหล็ก
ทำไมถึงมาจอดยานเอากลางป่าแบบนี้เนี่ย?
***
“ดิไลออน หลังจากตรงนี้พวกเราแยกกันไปเลย มันน่าจะดีกว่านะ”
“ได้เลย ออน~ เดียวผมจะไปประสานงานกับทางตำรวจสากลให้เอง รบกวนนายช่วยพาผู้โดยสารไปหลบในที่ปลอดภัยให้ที วันนี้ละ พวกเราจะต้องจับตัวระดับหัวหน้าขององค์กรมาสักคนให้ได้! ออน! ”
“เออ ยังไงก็อย่าเผลอทำตัวเองตายก่อนเชียวละคู่หู”
“นายก็เช่นกันคู่หู! ออน! ”
ผมพูดปลุกใจตัวเองหลังจากแยกทางกับคู่หู แล้วบินตรงไปจุดที่ตำรวจสากลอย่างพวกเรากำลังรวมตัวกันอยู่
สถานที่แห่งนั้นคือห้อง รปภ. ของยานนั่นเอง
ความจริงพวกเราตำรวจสากล ได้แอบแฝงเข้ามาประจำการอยู่ในยานลำนี้ ในฐานะ รปภ. ของยานมาตั้งแต่แรก
แต่เป็นเพราะแผนการที่พวกมันไม่ยอมเปิดเผยออกมาทั้งหมด เลยทำให้กว่าจะรู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริง มันก็มีความเสียหายเกิดขึ้นไปแล้ว
มันเป็นความผิดของผมเองที่ไปดูถูกความสามารถของพวกมัน
ออน…
“แต่จะเสียใจไปมันก็ไม่ช่วยให้คนที่ตายไปฟื้นกลับคืนมาได้… ทุกคน พร้อมหรือยัง! ออน! ”
ผมเริ่มพูดปลุกใจพรรคพวกที่กำลังยืนเรียงแถวอยู่ตรงหน้า
ทุกคนต่างสวมชุด battle suit พร้อมอาวุธสงครามครบมือ
พวกเรามีทั้งหมดรวมห้าสิบคน เป็นกำลังพลที่มีมากกว่าศัตรูถึงห้าเท่าตัว
ถ้างานนี้ยังจับตัวไม่ได้อีก ก็ให้มันรู้กันไปเลย! ออน!
ชมรมสัตว์กินเนื้อ กลุ่ม [คาร์นิวอย]
มันคือองค์กรที่ถูกจดทะเบียนว่าเป็นชมรมผู้ชื่นชอบการกินอาหารที่เห็นได้ทั่วไปในโลก
แต่องค์กรนี้กลับมีเบื้องหลังอันดำมืดซ่อนอยู่
นั่นคือพวกเขากินเนื้อของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา…
พวกเรา ตำรวจสากลเริ่มสงสัยในองค์กรนี้ก็เมื่อตอนราวสองปีที่แล้ว ที่มียอดจำนวนคนหายเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
พอลองตรวจเช็คจำนวนคนที่สูญหายอย่างผิดปกติ ก็เลยพบว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ในจังหวะเดียวกับที่องค์กรนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาพอดี
พวกเราทำงานอย่างยากลำบาก กว่าจะแฝงตัวเข้ามาถึงในระดับที่ได้รับความไว้วางใจจากพวกระดับสูงขององค์กร
แต่เป็นเพราะการจัดการข้อมูล เลยทำให้ตลอดสองปีนี้ไม่สามารถหาหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันเอาผิดพวกมันได้
ส่วนคนที่จับมาได้ ก็มีแต่พวกปลายแถว
แถมองค์กรนี้ยังมีภาพลักษณ์สังคมที่ดี เลยยิ่งทำให้พวกเราทำอะไรซี้ซั้วกับพวกมันยากขึ้นตามไปอีก
แต่ปัญหาทุกอย่างกำลังจะจบลงในวันนี้
ชายที่สวมชุดสีดำทั้งตัวคน ไม่รู้เพศกับใบหน้าคนนั้น เห็นคู่หูของเราบอกว่ามันเป็นชายระดับสูงขององค์กร
ถ้าเราจับตัวมันได้ การสืบสวนจะต้องมีความคืบหน้าไปอีกมากทีเดียวอย่างแน่นอน
“ฟังให้ดีนะ ตามข้อมูลที่ให้ไป พวกมันตั้งใจจะใช้ความวุ่นวายในครั้งนี้เพื่อจับตัวผู้มีอิธิพลของโลก ถึงจะยังไม่รู้เป้าหมายแน่ชัด แต่เป้าหมายของมันคงไม่พ้นหนึ่งในกลุ่มแขกระดับ VIP ที่โดยสารมาด้วยนั่นละ
พวกเราจะแบ่งออกเป็นสองหน่วย หน่วยที่หนึ่งให้ไปที่ส่วนห้องพักโดยสารของแขก VIP เพื่อให้การคุ้มกัน ส่วนอีกหน่วยให้ไปห้องกัปตันกับผมเพื่อยึดการควบคุมยานกลับมา ออน! ”
“แล้วเรื่องเด็กที่อยู่ในรายงานคนนั้นละครับ? ”
“… ถ้าเป็นไปได้ ยังไงก็ช่วยอย่าฆ่าเธอ แล้วจับเป็นมาให้ได้ ในสายตาของผม ผมว่าเด็กคนนั้นกำลังถูกหลอก เธอคือเหยื่อที่น่าสงสารและน่าเวทนา คงถูกเก็บมาเลี้ยงดูอย่างผิด ๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือฆ่าคนมากกว่า”
“ยุคแบบนี้ยังมีคนกล้าทำแบบนี้ได้อยู่อีกนะ”
“ไอพวกสารเลว! ”
พรรคพวกของผมต่างกำลังรู้สึกโกรธจนควันแทบจะพุ่งออกมาจากชุด
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าอะไร แต่ถ้าเห็นเด็กถูกนำไปใช้งานในฐานะเครื่องมือฆ่าคน เป็นใคร ใครก็คงรู้สึกยอมรับมันไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะแบบนั้นผมเลยรู้สึกไม่สบอารมณ์ยังไงละ ออน!
“ขอให้ทุกคนโชคดีในการรบ! ออน! ”
***
เรายืนมองเจ้าภูติหัวขาว ดิไลออน วิ่งไปทางศูนย์บัญชาการ รปภ. ที่อยู่ชั้นบนสุดของยาน ก่อนจะแยกตัวมาเดินลงลิฟท์ไปส่วนชั้นย่านการค้า
หน้าที่ของเรานั้นคือการเล่นบท รปภ. และไปช่วยอพยพผู้โดยสารออกจากยานลำนี้ที่กำลังจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสนามรบ
แต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก
เพราะว่าคนที่บาดเจ็บล้มตายในวันนี้ มันมีเพียงแค่พวกตำรวจสากลเท่านั้น
คิดจริง ๆ หรือว่าองค์กรจะไม่รู้ ว่าคนของยานลำนี้ได้ถูกสับเปลี่ยนเป็นพวกตำรวจสากลไปแล้ว?
ทั้งกัปตันยาน
ทั้งวิศวกรห้องเครื่อง
ทุกคนที่ถูกทางองค์กรฆ่า ล้วนแต่เป็นพวกตำรวจสากลทั้งนั้น
และคนที่บอกตำแหน่งของพวกมันออกไปให้องค์กรรู้ ก็คือเราคนนี้เอง
เรากับดิไลออน คือเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลของดาวไดม่อน
ภารกิจหลักของพวกเราคือการแฝงตัวเป็นสายลับสองหน้าให้กับทางตำรวจสากล
ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็จะคอยปล่อยข่าวจากฝั่งตำรวจสากลให้กับฝั่งคาร์นิวอย เพื่อสร้างความเชื่อถือในฐานะสายลับที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มของฝั่งตำรวจ
พูดง่าย ๆ คือเป็นสายลับสองหน้านั่นเอง
แต่ทว่า— ไม่มีใครรู้เลย
ว่าตัวจริงของเรานั้นคือสายลับเฉพาะของผู้ก่อตั้งองค์กรคาร์นิวอย
เราผู้นี้คือคนจากฝั่งของคาร์นิว ผิดกับดิไลออนที่เป็นคนจากฝั่งของตำรวจสากลที่แฝงตัวเข้ามา
ตอนนี้เจ้าภูติหัวขาว กับตำรวจสากลคงคิดว่าเรากำลังเตรียมการอพยพฉุกเฉินให้กับผู้โดยสาร
ช่างน่าสงสารเสียจริง ไม่ได้รู้ตัวกันเลยว่าโดนเราผู้นี้หลอกต้มในหม้อใบใหญ่อยู่
เจ้าดิไลออนมันโดนเราหลอกจนเชื่อ ว่าจุดประสงค์ของฝั่งองค์กรคือการจับตัวบุคคลสำคัญ
แต่ความเป็นจริงมันไม่มีหรอกไอการจับลักพาตัวบุคคลสำคัญที่ว่านะ
องค์กรของเรามีเพื่อการล่าและกินเนื้อต้องห้าม ดังนั้นเราจะจับตัวบุคลากรสำคัญทางการเมืองไปเพื่ออะไรกันละจริงไหม?
พวกเราไม่ได้ต้องการครองโลกเสียหน่อย
แต่เป็นเพราะหลัง ๆ มานี้พวกตำรวจสากลมันชักจะเริ่มทำตัวน่ารำคาญ ทางเบื้องบนเลยคิดว่าจะจัดบทเรียนหนัก ๆ ให้พวกมันได้รับรู้กันเสียหน่อย
[ประกาศถึงคุณลูกค้าทุกท่าน เนื่องจากมีความขัดข้องบางประการ จึงทำให้จำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉิน ต้องขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ รบกวนขอให้ทางลูกค้าทุกท่านไปรวมตัวที่—]
เสียงประกาศตามสายเริ่มดังขึ้นไปทั่วยาน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงพูดคุยของผู้โดยสารที่กำลังตื่นตระหนก
การอพยพกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เราเริ่มเดินไปในทิศทางที่เหล่า รปภ. ของยานควรจะไป เพื่อเตรียมอพยพผู้คนตามบทที่ได้รับมา
ส่วนในมือของเรานั้น มีมือถืออยู่สองเครื่อง
เครื่องหนึ่งเป็นที่ใช้ทำงานในกรมตำรวจสากล
ส่วนอีกเครื่องเป็นเครื่องขององค์กร
ตอนนี้ คนขององค์กรทั้งสิบคนต่างวิ่งหนีออกไปที่นอกยานกันหมดแล้ว
ในทางกลับกัน สัญญาณจากพวกตำรวจสากลที่ระบุทั้งสิ้นห้าสิบนาย กำลังเคลื่อนพลเป็นเหมือนแมลงสาบกันอยู่ภายในชั้นบนของยาน
พวกมันแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยครึ่งหนึ่งไปที่ห้องกัปตัน กับอีกครึ่งไปในส่วนของพื้นที่พักแขก VIP
พวกมันไม่ได้รู้ตัวกันเลย ว่านี่คือกับดักที่จะรอมอบบทเรียนให้กับพวกมัน
เป็นบทเรียนว่า [อย่าได้มายุ่งกับพวกเราอีก]
งานที่เหลือของเรา มีเพียงแค่รอจังหวะ แล้วกดปุ่มระเบิดเท่านั้น
***
*ตุบ ตุบ ตุบ*
มีเสียงของคนจำนวนมากกำลังเดินตรงมาที่ห้องนี้
พวกเขามีด้วยกันทั้งหมด 25 คน สวมชุดเครื่องแบบรบที่พวกตำรวจสากลโลกใช้ เป็นชุดต่อสู้เสริมพลังกายที่เห็นได้บ่อยในหนังสงคราม
อาวุธเองก็เป็นอาวุธรังสีระดับสูงที่ใช้ในสงคราม
ปืนพวกนั้นมันมีพลังมากพอจะละลายเหล็กหนาหนึ่งเมตรให้เป็นก้อนเนยได้ภายในสิบวินาที
กลุ่มคนที่มีอาวุธครบมือ… มาทำอะไรที่ห้องนี้กันค่ะเนี่ย?
ไม่สิ—
“ (พวกตำรวจสากลเอง ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนดี พวกมันเป็นองค์กรที่ถูกแทรกซึมจนเหม็นเน่าไปหมดแล้ว) ”
—เหมือนจะจำได้ว่าท่านผู้มีพระคุณเคยสอนฉันมาแบบนี้อยู่
เจ้าพวกนี้คงเป็นพวกเดียวกับคนชั่วแน่ ๆ
“คุณหนูเผ่าคนแคระ พอจะฟังภาษาของพวกเราชาวไดม่อนออกไหม? ”
“เธอคนี้ฟังภาษาของพวกเราได้ ไม่ต้องเสียเวลาถามหรอก ออน~”
ชายคนที่เป็นเผ่าภูติคนนั้น— เขามีน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูมาก
แต่เป็นเพราะสวมชุดปิดหน้าปิดตา เลยทำให้ฉันดูไม่ออก ว่าเขาใช่คนเดียวกับที่ฉันกำลังคิดอยู่หรือเปล่า
“พวกเอ็งนี่ชักช้ากันจริง บุกแม่มเลย! ”
ในระหว่างคุณภูติกำลังพูดสั่ง ก็มีชายอีกคนที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดและตัวใหญ่สุดตะโกนเสียงดังแทรกขึ้นมา
ทั่วทั้งชุดที่สวมบนร่างกายของเขาเริ่มส่องแสงไปด้วยเส้นแสงบาง ๆ สีน้ำเงิน
เส้นแสงที่ดูคล้ายเส้นด้ายพวกนั้น มันกำลังวิ่งกระจายไปทั่วร่างในลักษณะของเส้นใยประสาท ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนโมเลกุลของชุดให้เรียงตัวแข็ง ดั่งเป็นผิวของสัตว์ยักษ์ที่ทนทานได้แม้แต่กระสุนปืนใหญ่
ด้วยรูปลักษณ์ของมัน เลยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
“ขอโทษด้วยค่ะ ด้วยสาเหตุบางประการ เลยทำให้ไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดค่ะ! ”
แต่ของแค่นี้ไม่ทำให้ฉันกลัวได้หรอกนะ!
ถึงสองขาจะสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่ฉันจะไม่ยอมถอยออกไปจากประตูบานนี้เด็ดขาด
เพราะว่าฉันได้รับคำสั่งจากผู้มีพระคุณ ว่าให้เชื่อฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ในองค์กรพูด
ซึ่งพวกเขาได้มอบความไว้วางใจให้กับฉันในการปกป้องห้องนี้เอาไว้
ฉันจะไม่ทำลายความไว้ใจ ที่เหล่าผู้มีพระคุณมอบให้หรอกค่ะ!
“ถอยไป! ไม่อย่างงั้นข้าจะเป่าแกไปทั้งประตูกับตัวแกเลย! ”
“ไม่ถอยค่ะ! ”
ฉันรีบหยุดเขาที่กำลังทำท่าจะบุกเข้ามาพังประตูบานนี้ ด้วยการใช้ตัวเองยืนขวางประตูเอาไว้
มันคือหนึ่งในวิธีการที่ผู้มีพระคุณเคยสอนฉัน
“ (ผู้คนมักใจอ่อนกับเด็ก ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ถูกบีบคั้น เธอจะสามารถใช้ตัวเองเป็นเครื่องกีดขวางได้ มันจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความลังเล พวกมันไม่กล้าที่จะทำร้ายเด็กอย่างเธอหรอก) ”
“ถอยไป! ”
“ไม่! ”
ชายที่ทำท่าจะบุกเข้ามา กำลังหยุดตัวเองอยู่ตรงหน้าประตู โดยมีฉันยืนขวางเอาไว้
เขาพยายามจะใช้มือแกะตัวฉันออกจากประตู—
“เจ็บ! แขนจะหักแล้ววว!!! แงงงง!!! ”
“อ๊ะ?!? ”
มันได้ผล
พอแกล้งทำเป็นโวยวาย อีกฝ่ายมันก็ไม่กล้ามากพอที่จะบุกเข้ามาตรง ๆ
“โอ๊ยย!! จะเอายังไงกันต่อดีครับ!? ”
“คิดว่าเจาะผนังไหวไหม ออน? ”
“ผนังหนาขนาดนี้ กว่าจะเจาะได้คงเป็นชั่วโมงครับ แล้วถ้าเจาะไม่ระวังไปโดนท่อเดินพลังงาน อาจทำให้ทางเดินนี้ลุกเป็นไฟได้เลยครับท่าน”
“ช่วยไม่ได้ ตัดแขนตัดขาของเด็กคนนั้นออกเลย ออน! ”
พวกคนชั่วทั้ง 25 คนเริ่มเดินเข้ามาใกล้ตัวฉันมากทุกขณะ
จากที่ฟังดู เหมือนว่าพวกเขาตั้งใจที่จะตัดแขนขาของฉันออกมา…
แต่ว่าฉันไม่เชื่อหรอก!
ก็ผู้มีพระคุณบอกฉันเอง ว่าพวกคนบนโลกนี้ชอบใจดีกับเด็ก!
มันก็แค่คำขู่หรอกน่า!
ฉัน… ฉันสามารถปกป้องประตูบานนี้ได้!
ด้วยคำสอนของท่านผู้มีพระคุณ ฉันจะต้องผ่านสถาการณ์นี้ไปให้ได้
แล้วฉันก็จะถูกท่านผู้มีพระคุณยอมรับมากกว่าเดิม!
ได้รับความรักมากกว่าเดิม!
ฉันรัก—
*พรึบ—!!! *
ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหรือแสง
สติของฉันดับขาดวูบ
มันเกิดอะไร— ขึ้น?
สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือความวอดวายของทางเดินในยาน ที่ถูกบางอย่างอัดกระแทกใส่อย่างรุนแรง
พวกคนชั่วที่เข้ามารุมฉันเมื่อกี้ ต่างลงไปนอนอาบเลือดแทบจะทั้งหมด
บางคนถึงกับอยู่ในสภาพที่ขาดแยกออกเป็นชิ้น ๆ …
ฉันพยายามที่จะขยับร่างกาย
แต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้
มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทับร่างกายฉันเอาไว้—
ทำไม?
ทำไมฉันถึงจมลงสู่ใต้เศษซากของยานแบบนี้?
นี่มัน— เกิดอะไรขึ้น!?!
MANGA DISCUSSION