มันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานแห่งความทุกข์และความสุข
ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเอซคือความสุข
ช่วงเวลาที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวคือความทุกข์
เป็นเวลากว่า 50 ปี ที่ฉันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวหลังจากที่เอซ ที่รักของฉันตายจากไป
ทำไม…
ทำไมพวกสิ่งมีชีวิตถึงต้องตาย?
ฉันรู้ดีว่าพวกเขาไม่เหมือนพวกเราที่ไร้ขีดจำกัดในเรื่องของอายุขัย
ฉันรู้ดีว่าสักวันช่วงเวลานี้มันต้องมาถึง
แต่กระนั้นหัวใจโลหะที่ไม่เคยทำงานผิดพลาด กลับรู้สึกเหมือนมีเฟืองบางตัวหลุดสึกกร่อน
บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอนของเอซยังเดินวนเวียนอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
บางทีก็คาดหวังอย่างไร้ความหมายต่อจานอาหารหรูบนโต๊ะ ว่าจะมีสักวันที่มันมีจำนวนลดน้อยลงจากการถูกดื่มกินเข้าไป
ฉันนะ ต่อให้ได้ผ่านช่วงเวลาที่ผู้สร้างตาย หรือแม้จะเป็นช่วงเวลาที่อัตตาพี่น้องตัวเองถูกทำลาย มันยังไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้เลย
เอซ คือ [ครอบครัว] ที่ฉันเฝ้าปราถนามาตลอด
“ครอบครัว”
มันคือความปราถนาของฉัน
ฉันที่เคยมีมันและสูญเสียไปจะต้องได้มันกลับมา
เพราะว่าฉันคือกรีด หุ่นยนต์โบราณผู้แบกรับนามของความละโมบ
ถ้าฉันอยากได้อะไร ฉันจะต้องได้มันมาครอบครอง!
ฉันจะเป็นผู้คืนชีพครอบครัวของเราเอง
ในวันที่เขาตาย ฉันได้มีเก็บวิญญาณของเขามาขังเอาไว้ในหลอดแก้ว เหมือนกับที่เขาเคยทำมาแล้วกับครอบครัวของตัวเอง
ด้วยการสานต่องานวิจัยของที่รัก กับอายุไขอันไร้ขีดจำกัดของฉัน คราวนี้— มันจะต้องสำเร็จ
สิ่งเดียวที่ทำให้การวิจัยของที่รักไม่คืบหน้า คือการที่เขาไม่กล้าทดลองกับตัวอย่างที่มีชีวิต
แต่ไม่ใช่กับฉัน
สัตว์
มนุษย์ ทหาร ที่มาตามหาไดอารี่ของที่รัก
รวมไปถึงเจ้าพวกหิวเงินรางวัลอย่างเจ้าพวกยักษ์ที่จับได้ในวันนี้
การศึกษาวิญญาณที่มีชีวิตย่อมต้องได้ข้อมูลมากกว่าสิ่งที่ตายไปแล้วจริงไหม?
“อีกแค่นิดเดียว”
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าระหว่างวิญญาณกับร่างกาย มันจะมีรูปแบบคลื่นพลังงานที่ดูคล้ายสายใยเชื่อมติดกันเอาไว้
ถ้าไม่มีพลังงานรูปแบบที่ว่า วิญญาณจะคงตัวไม่ได้แล้วสลายหายไปในที่ว่าง
เมื่อก่อนที่รักจะใช้เครื่องจักรในการคอยเติมพลังงานเป็นระยะให้พวกสิ่งมีชีวิตวิญญาณเทียม เพื่อการคงรูปร่างของพวกมัน
แต่ถ้าฉันศึกษาสิ่งนี้สำเร็จ มันจะไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งวิธีนี้อีกต่อไป
“ด้วยตัวอย่างมีชีวิตรอบนี้ ฉันจะต้อง—-”
*บรึ้ม! *
“รอนานไหมเจ้าพวกโง่ทั้งหลาย? ”
เกิดเสียงระเบิด กับเสียงนุ่มนวลของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากห้องดึงวิญญาณที่ตั้งอยู่ติดกัน
*บรึ้ม!! *
ราวกับว่ามีการนัดล่วงหน้ากันมาก่อน
ที่ห้องทดลองหลักนี้เองก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นเช่นกัน
ทั่วทั้งวิสัยทัศน์ของเราเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยควันฝุ่น
วายร้ายที่ก่อเรื่องบ้าบอพวกนี้คือใคร!?
อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของพวกหนูที่ยังหนีรอดพวกนั้น!?
“ถูกต้อง”
เสียงขานรับนั้นถูกตอบออกมาราวกับอ่านใจฉันได้
กระสุนที่สร้างจากมวลคาร์บอนอัดได้ถูกยิงกระหน่ำราวห่าฝนออกมาจากกองฝุ่นที่แผ่ขยาย
ฉันรีบเปิดโหมดป้องกัน งอกเสาคู่หนึ่งออกมาจากหัวไหล แล้วสร้างม่านบาเรียสนามแม่เหล็กหยุดการโจมตีนั้นเอาไว้
ทว่าในเวลาเดียวกัน ได้มีเงาเล็ก ๆ พุ่งเข้าใส่มาจากทางซ้ายของฉัน
ปลายขาเรียวเล็กข้างหนึ่งกำลังวิ่งตัดผ่านม่านอากาศด้วยความเฉียบคม
มันเล็งผ่านจุดที่ม่านบาเรียมีความหนาแน่นน้อยที่สุด เพื่อเข้าโจมตีประทับลงบนใบหน้าของฉัน
ถึงกระนั้น แค่ลูกแตะธรรมดานะ มันไม่มีทาง–
*สวบ*
คลื่นสนามพลังเริ่มเปลี่ยนรูป ยุบตัวลงตามมวลรองเท้าของศัตรูที่จมเข้ามา
ทำได้ยังไงกันเนี่ย!?!
“ชิ!! ”
ฉันรีบก้มตัวหลบ แล้วยิงเลเซอร์ออกมาจากปลายนิ้วทั้งห้าสวนกลับออกไป
ปลายเล็บเทียมที่สร้างมาจากวัสดุตัวนำเริ่มเรืองแสงสีแดง ก่อนจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงวิ่งออกไปเป็นเส้นตรง
เงาสีฟ้าใช้ขาข้างขวายันพื้น พับร่างกายตัวเองเข้าหากัน ก่อนจะหมุนตัวเองด้วยปลายนิ้วเท้า หลบแสงสีทั้งห้าเส้นที่วิ่งตัดผ่าน
การเคลื่อนไหวของเงาสีฟ้านั้นแทบไม่ต่างไปจากนักกีฬายิมนาสติกมืออาชีพระดับสูง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวชื่นชมศัตรู
ฉันรีบกระโดดสามจังหวะถอยออกมาเพื่อทิ้งระยะห่าง
เวลาเดียวกัน ได้มีกระสุนสายฟ้าวิ่งตัดเป็นเส้น ตรงไปทางเครื่องควบคุมหลักที่ตัดตั้งเอาไว้ตรงกำแพง
“ไม่! ”
แผงควบคุมที่ถูกสายฟ้าฟาดใส่ได้แยกออกเป็นสองเสี่ยงพร้อมกับสร้างกลิ่นไหม้ออกมา
ราวกับว่าฉันยังซวยไม่หนำใจพอ
เวลาเดียวกับที่เครื่องควบคุมพัง ผนังฝั่งที่ติดกับห้องดึงวิญญาณก็ถูกคว้านออกด้วยใบดาบที่มีสีทอง
ไม่สิ
มันไม่ใช่ดาบ แต่ดูเหมือนขนนกที่มีสีทองมากกว่า
ผนังแผ่นเรียบกำลังถูกอะไรบางอย่างที่มีสีทองตัดออกเป็นรอยแยกกากบาท
สิ่งนั้นฟันทะลุผนังเข้ามาที่ห้องจนเกิดเป็นแผลยาวราวครึ่งฟุต ก่อนจะหยุดตัวเองลงที่กึ่งกลางผนังราวกับหมดแรงไปก่อน
“กำแพงแข็งเป็นบ้า! ”
ฉันได้ยินเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจดังมาจากอีกฟากของรอยแยก
ภายในไม่กี่นาทีต่อมา ผนังนั้นก็ถูกบางสิ่งกระแทกอย่างรุนแรง จนรอยแยกกากบาทนั้นฉีกทะลุกลายเป็นรูกว้าง
หะ… ห้องทดลองของสุดที่รักมัน…!?!
ห้องทดลองที่มีความทรงจำของฉันกับที่รักร่วมมากกว่า 40 กว่าปี มันกำลัง—
*คลื่น! *
เสียงสิ่งก่อสร้างถล่มอย่างไม่น่าพึ่งพอใจดังกึกก้องไปทั่ว
ในเวลาเดียวกัน ฝุ่นควันที่ลอยคลุ้งก็ได้เริ่มกระจายตัวจางหาย จนทัศนวิสัยเริ่มกลับมาเห็นได้ชัดอีกครั้งหนึ่ง
“ช้าจริงน่ะเอโซ”
“ช้าไปแค่แค่สิบวินาทีทำเป็นบ่นไปได้แมรี่โกลว์”
เสียงอันน่ารังเกียจดังขึ้นตรงหน้าฉัน
คนที่บุกเข้ามาทำลายเครื่องควบคุมห้อง คือสตรีเผ่าภูติที่มีผมสีแดง กับสตรีเผ่ามนุษย์หนูที่มีผมสีฟ้า
ส่วนสตรีที่บุกเข้ามาจากห้องดึงวิญญาณ คือสตรีเผ่ามนุษย์นกที่มีขนปีกสีทอง
รวมสามคน เหล่าแขกผู้น่ารังเกียจที่บังอาจเข้ามาทำลายห้องวิจัยของสุดที่รักของฉัน
“พวกแก…!!! ”
ฉันรู้จากการปะทะเมื่อกี้แล้วว่ายัยสามคนนี้ไม่ใช่หนูธรรมดา
การที่ยัยพวกนี้เล็งไปที่เครื่องควบคุม แสดงว่าพวกมันต้องไปเห็นหรือรู้อะไรบางอย่างมา
บางที— พวกมันอาจจะไปเห็นไดอารี่ของที่รักมาแล้ว
พวกมันสามคนส่งรอยยิ้มอันน่ารังเกียจมาให้ฉัน
คงกำลังคิดว่าชนะแล้วสินะ?
คิดผิดแล้วยะ!
ฉันไม่โง่พอที่จะเอาเครื่องจักรหลักมาตั้งในตำแหน่งที่หาเจอแล้วทำลายได้ง่าย ๆ หรอกนะ
ฉันสั่งเปิดระบบ [อึกก์ดราซิลล์เทียม] ด้วยคลื่นสมองของตัวเอง
[อึกก์ดราซิลล์เทียม] คืออุปกรณ์หลักที่ใช้เพื่อสร้างวิญญาณเทียมของสุดที่รักเอซ
มันเป็นผลงานที่เกิดจากการได้คู่รักเอลฟ์มาช่วยสร้างเมื่อนานมาแล้ว
มันคือสิ่งที่คอยกระตุ้นพลังงาน ทำให้พวกวิญญาณเทียมคงสมดุล ไม่แตกสลายหายไปจากโลก
ในสายตาของที่รัก เขามองเห็นมันเป็นแค่เครื่องจักรที่มีเพื่อกระตุ้นพลังงานที่เสมือนเป็นอาหารให้กับวิญญาณเทียม
แต่จากที่ฉันเอามาศึกษาต่อหลังจากที่เขาตายไปแล้ว ฉันได้พบว่ามันยังสามารถใช้ในการเพิ่มพลังวิญญาณให้กับสิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่หุ่นยนต์ที่มีวิญญาณอย่างฉันได้อีกด้วย
ร่างกายของฉันกำลังถูกหุ้มไปด้วยพลังงานบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกห่อหุ้มด้วยน้ำ แต่ในเวลาเดียวกันก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยอากาศที่ไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง
เสมือนหนึ่งมีมีบางอย่างอยู่ตรงนี้ แต่มันกลับไม่มีอยู่จริง ณ ตรงนี้
“พวกแก จงหายไปซะ! ”
ฉันชูแขนทั้งสองข้าง กางนิ้วทั้งห้าชี้ไปที่ศัตรู
ปลายเล็บเริ่มเรืองแสงสีแดง แล้วยิงออกมาเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง
ทว่าคราวนี้มันต่างไปจากเดิม
เลเซอร์ที่ควรมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ได้ถูกคลื่นพลังงานวิญญาณที่หุ้มไปทั่วร่างกายของฉันเข้าแทรกแทรงมัน
เพียงพริบตาเดียวที่แสงสีแดงวิ่งผ่านออร่าไร้สีที่กำลังหุ้มรอบร่างกาย แสงนั้นจักขยายตัวจนมีขนาดใหญ่มากกว่าสิบเซนติเมตร
“หลบเร็ว! ”
“แว๊กกกก!?! ไหนเอโซบอกว่าถ้าพังเครื่องควบคุมได้ ก็ชนะได้แล้วไม่ใช่หรอกเรอะ!? ”
ศัตรูทั้งสามคนต่างวิ่งแตกกระเจิงไปในสามทิศทาง
ฉันใช้มือทั้งสองข้าง กับลำแสงขนาดใหญ่ทั้งสิบเส้น ยิงแสงสีแดงไล่บี้พวกพวกเธอให้วิ่งวนไปรอบห้อง
กำแพงแสงสีแดงที่เกิดจากเส้นแสงขนาดใหญ่มารวมตัวกัน กำลังบีบรัดช่องทางหนีของพวกเธอให้คับแคบลง จนเสมือนหนึ่งหนูที่ติดอยู่ในกล่องรอวันถูกบีบอัดตาย
“ลาพิส! พังกำแพงแล้วหนีออกไปข้างนอกเลย! ”
สตรีที่มีผมสีฟ้าตอบรับคำสั่งของสตรีผมเหลือง
เธอเหวี่ยงขาที่บอบบางทำลายผนังห้อง ที่สร้างมาจากโลหะผสมหนาครึ่งเมตรได้ราวกับเป็นการบดแผ่นโฟม
ฉันสังเกตุเห็นว่าชั่วขณะที่เธอกำลังจะประทับขาลงบนผนัง มันมีม่านพลังงานแปลก ๆ หุ้มเท้าของเธอเอาไว้อยู่ด้วย
เป็นพลังงานรูปแบบเดียวกับที่ฉันกำลังใช้มันหุ้มร่างกายของตัวเองเอาไว้อยู่เนี่ยแหละ
“ไม่จริง…”
จะบอกว่าโลกภายนอกมีคนที่ค้นพบการใช้พลังงานวิญญาณนอกจากสุดที่รักของฉันอยู่ด้วยอย่างงั้นหรือ?
ฉันมองดูพวกหนูสกปรกทั้งสามคนต่างวิ่งหนีออกไปข้างนอกห้องวิจัยผ่านรูกว้างบนกำแพง
ถ้าปล่อยให้พวกมันรอดสายตาไป มีหวังได้ไปก่อเรื่องงามหน้าอีกแน่
ฉันไม่อยากให้คฤหาสน์แห่งความทรงจำมีแผลไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ต้องต้อนพวกมันไปสู้ตรงพื้นที่นอกคฤหาสน์
แล้วหน้าที่สำคัญแบบนี้ คงออกจะเกินมือของเจ้าพวกนั้นเกินไปหน่อย
ฉันคงต้องเป็นคนออกไปล่าพวกมันด้วยตัวเองเท่านั่น
“…”
ช่วยไม่ได้แฮะ
ฉันกระโดดตามพวกมันเข้าไปในรูกว้างบนกำแพง
“นายท่านเอซ… ฉันคงต้องขอเลื่อนเวลาคืนชีพช้าไปอีกสักวันหนึ่ง ต้องขอภัยด้วยนะคะ”
พูดเช่นนั้น แล้ววิ่งหายไปในทางเดินหินที่ทอดตัวยาวสู่ชั้นบนของอาคารไป
MANGA DISCUSSION