***วันที่ 2 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 12:00 น. บนยานพาณิชย์ขนส่งเผ่ายักษ์
*ฮูมมมม!!*
*กรรรร!!!*
ไม่– มันไม่ใช่ยาน
มันคือเรือสำเภาขนาดใหญ่ ที่ใช้แรงงานมังกรในการลากจูงพาบินไปในท้องฟ้าต่างหาก
บนท้องฟ้าสีรุ้งแห่งฤดูกาลอันร่าเริง มีเรือสำเภาลำใหญ่กำลังโบยบินไปพร้อมกับเสียงคำรามของมังกร จ้าวผู้ปกครองท้องฟ้าของโลก
มีความสูงเฉลี่ยที่ห้าเมตร เกล็ดสีน้ำตาลหุ้มร่างกาย อีกทั้งยังมีแขนขา และปีกกว้างใหญ่อันเต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ
พวกมันคือมังกรสายพันธุ์ [ภูเขา] เป็นสายพันธุ์ที่สามารถไต่ระดับบินได้สูง และบินได้รวดเร็วที่สุดจากสายพันธุ์ทั้งหมดที่มีอยู่
ด้วยจุดเด่นในพละกำลังปีกของมัน จึงทำให้เผ่ายักษ์นิยมเลี้ยง เพื่อนำมันมาใช้งานในด้านการขนส่ง
ไม่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงเผาไหม้
ไม่ต้องการแร่ล้ำค่าอย่างแร่ภูติ หรือแร่แห่งความเป็นไปได้
พวกเขาไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องจักรใด ๆ ขอเพียงแค่มีตัวยาน กับเชือกลากจูง เพียงแค่นั้นก็สามารถนำพาทุกคนไปได้ทุกส่วนของโลกที่ปีกของพวกมังกรจะพาไปถึง
สิ่งที่ใช้ มีเพียงแค่พลังใจของผู้เลี้ยง กับมังกร และอาหารแสนโอชาเป็นของตอบแทนก็พอ
อาจเรียกได้ว่าเป็นยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดก็ว่าได้
“แต่มันไม่ได้สะดวกสบายสำหรับคนนั่งเลยว้อย!”
“ยิ่งกับเผ่าภูติยิ่งไม่ต้องภูติถึง เพราะเป็นเผ่าที่มักถูกพวกมังกรมองว่าเป็นอาหาร— นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำก็มีตัวหนึ่งจ้องมาทางผมพร้อมกับน้ำลายหกไหลย้อยเลยเห็นไหม!!”
“ว่าแต่ใครเป็นคนจองเที่ยวบินรอบนี้มากันเนี่ย? เพราะถ้าเป็นเรา เราจะไม่มีวันจองไอสายการบินบ้า ๆ นี้มาเด็ดขาด!”
“อย่าจ้องมาทางผมสิเอโซ! คิดว่าเผ่าภูติอย่างผมจะจองไอเรือบินที่มีตัวพร้อมจะงาบผมลงท้องตลอดเวลาแบบนั้นหรอกหรือยังไง!? ”
“งั้นก็เหลือแค่คนเดียวแล้วสินะ? ”
สองในสามของเทพเจ้าผู้ลงมาจุติบนโลก กำลังหันไปมองทางสหายผมสีฟ้าด้วยแววตาเชิงตำหนิ
[กำลังนอนหลับ กรุณาอย่าปลุกค่ะ >b<]
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ว่างที่จะลุกขึ้นมาโต้ตอบกับเหล่าสหายของเธอ…
สตรีผมสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลคนนั้น กำลังหลับเป็นตายอย่างไร้การป้องกันอยู่บนฝั่งกราบเรือขวา ที่เป็นส่วนเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ
ห่างออกไปไม่ไกล จะเห็นตัวยึดจับเชือกโลหะ ที่โยงยาวผูกติดกับส่วนขาของมังกรเกล็ดสีน้ำตาล ซึ่งกำลังกระพือปีกอย่างสง่างามเพื่อยกตัวเรือ ให้มาลอยอยู่บนฟากฟ้า วิ่งข้ามผืนทะเลอันกว้างใหญ่สู่อีกทวีปที่รออยู่ปลายทาง
เพราะถูกลากจูงด้วยฝูงมังกร เลยทำให้เรือเหาะขนส่งพาณิชของเผ่ายักษ์ที่ชูโรงเรื่องความเป็นมิตรต่อธรรมชาติเป็นจุดขาย กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำลายตัวธุรกิจของมันไปเอง
ทั้งเรือที่โคลงไปตามแรงกระพือปีกของมังกร
ทั้งกลิ่นสาบมังกร
ทั้งมังกรที่ชอบหันมาจ้องมองเผ่าภูติตัวเล็ก ๆ โดยมีน้ำลายไหลท่วมปากตัวเอง
ด้วยเหตุผลนานานับประการ จึงทำให้ยอดกำไรของธุรกิจแทบจะดำดิ่งลงเหวอย่างไม่เห็นแสงสว่าง…
“เกลียด-การ-บิน-โคลง-เคลง!– โอ๊กกก!”
“เหวอ! อย่าปล่อยออกมาตรงนี้เชียวนะเอโซ!”
สหายหัวแดงรีบเข้าไปลูบหลังสหายหัวเหลืองพร้อมกับถุงกระดาษที่พกติดตัวเอาไว้
“ให้ตายเถอะ ทำไมการออกผจญภัยอีกครั้งแค่สามคนของพวกเราถึงต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย? ”
“แล้วทำไมเอโซถึงนึกครึ่มให้คนตาบอดอย่างลาพิสไปจองตั๋วเครื่องบินกันเล่า? ”
“เห็นเธอบอกว่าอยากทดสอบความสามารถการใช้จิตจับสภาพแวดล้อม ว่ามันถึงระดับที่รับรู้ได้แม้แต่รูปภาพหรือยัง เลยปล่อยให้ทำไปนะ”
“ใช้จิตรับรู้รูปภาพกับอักษรเนี่ยนะ? ยัยนี่อยากจะเก่งขึ้นไปถึงขนาดไหนกันเนี่ย? ”
ถึงลาพิสจะเขียนข้อความได้ แต่ใช่ว่าเธอจะมองเห็นมันเป็นรูปร่างจริง
ทุกวันนี้ที่เธอสามารถเขียนข้อความโต้ตอบชาวบ้านได้นั้น ต้องขอบคุณในสมัยที่เธอยังเป็นเทพเจ้า เลยได้เรียนรู้ถึงอักษรและวิธีเขียนของพวกมัน เลยสามารถใช้ความรู้สึกในการจับปากกา เขียนออกมาร้อยเรียงเป็นประโยค
“โอ๊กกกก—! เริ่มจะเมาเครื่องบินแล้วว๊อย! หน่อย! ไอตัวการนี่ก็หลับเป็นตายเชียว! แบบนี้มันต้องเขียนเล่นบนใบหน้างาม ๆ ของเธอเป็นการแก้แค้นหน่อยแล้วกัน!”
“ฮะ ฮะ ฮะ~ ขอร่วมวงด้วยคนสิ”
สองสาวเริ่มหยิบปากกาออกมา แล้วละเลงบนใบหน้าของสหายอย่างไม่อายฟ้าดิน กับสายตาของผู้โดยสารอันน้อยนิดที่เหลือบนยาน
หลังจากที่ละเลงจนพอใจแล้ว สองสาวจึงหันกลับมานั่งชมวิวรับลมอุ่นกันต่อ
“ว่าแต่เอโซใช้วิธีไหน ถึงกล่อมให้คุณป้าเทเรซ่ายอมปล่อยพวกเรามาเที่ยวที่ทวีปของพวกยักษ์ได้กันเนี่ย? ”
“ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่บอกว่าขอไปศึกษาหลักพิธีการของศาสนาเผ่ายักษ์ เพื่อนำมาเขียนวิทยานิพนธ์หัวข้อ [หลักความเชื่อของผู้รังเกียจพระเจ้า กับ ทัศนะของผู้ที่เชื่อในพระเจ้า] แล้วตีพิมพ์ขายทำกำไรให้วิหาร ป้าแกก็ดีใจจนแทบจะบินได้แล้ว”
“ขะ— เขียนวิทยานิพนธ์!?! ไอของยาก ๆ ชวนง่วงนอนแบบนั้นใครมันจะไปทำมันกัน!”
“ไม่เป็นไร เพราะเราไม่คาดหวังจะพึ่งพวกเธอสองคนมาช่วยทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“…รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกหลอกด่าว่าโง่เลยแฮะ”
“ไม่รู้สิน้า~”
สตรีผมสีเหลืองยิ้มหยอกล้อสหายผมสีแดงอย่างเป็นพิธี ก่อนจะเริ่มยกชาเข้มขึ้นมาดมกลิ่นจนเต็มปอด
“นานจริง ๆ นะ ที่พวกเราไม่มีอิสระได้คุยอย่างเป็นกันเองสามคนแบบนี้”
“ก็อย่างว่า ปกติต้องมีสาวน้อยกับแม่ค้ากระต่ายตามติดมาด้วยนี่? — อ๊า~ อยากรีบกลับไปนวยพวกเธอเร็ว ๆ จัง! อย่างน้อยให้ไซต์ตามมาด้วยก็ยังดี! ทำไมคุณป้าเทเรซ่าถึงไม่ยอมปล่อยให้เธอตามพวกเรามากันเนี่ย!? ”
“ป้าแกทำถูกแล้ว คิดว่านิสัยอย่างพวกเรามันสมควรเอาไปใช้เลี้ยงเด็กอย่างงั้นเรอะ? ”
***ในเวลาเดียวกัน***
ในจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล จากจุดที่พวกพี่สาวกำลังดื่มกินชมวิวอย่างมีความสุข
“ฮึ่ม! ใครมันจะยอมนั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่วิหาร ในขณะที่พวกพี่สาวออกไปเล่นสนุกกันละคะ!”
ฉัน สาวน้อยเผ่าคนแคระกำลังหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่หลังเก้าอี้ตัวหนึ่งบนกราบเรือ
สาเหตุที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ เพราะความจริงตอนนี้ฉันต้องอยู่ที่วิหารกับเหล่าพี่น้องทุกคน
แต่ใครมันจะไปยอมทำเรื่องน่าเบื่ออย่างนั่ง ๆ นอน ๆ แล้วก็ท่องตำราศาสนาชวนง่วงแบบนั้นกันละ!
แถมพี่สาวกระต่ายเองก็ลากลับบ้านพร้อมกับเด็ก ๆ ไซบอร์กของเธอไปแล้ว ถ้าปล่อยให้อยู่ที่วิหารทั้ง ๆ แบบนี้ มีหวังฉันได้เฉาตายคาหนังสือเรียนแน่ค่ะ!
พวกพี่สาวเองก็ใจร้าย จะออกมาทำเรื่องสนุก ๆ ทั้งที ทำไมถึงไม่ยอมเอยปากชวนกันบ้างเลยนะ!
นี่ถ้าบังเอิญไม่ได้หูดีได้ยินสิ่งที่พวกพี่สาวคุยกับคุณเทเรซ่าเมื่อวันก่อน มีหวังได้พลาดเรื่องน่าสนุก ๆ ไปแล้ว!
หุ หุ หุ~ ว่าแต่จะมีการผจญภัยแบบไหนรอคอยอยู่กันแน่น้า~
***ในเวลาเดียวกันอีกที***
“นี่~~~ นาดี้~ คือ— พวกเราหนีเที่ยวออกมาไกลกันเกินไปหรือเปล่าเนี่ย? รู้สึกว่ามันห่างไกลจากทวีปบ้านเกิดมากขึ้นทุกทีแล้วน้า— …”
“มะ… ไม่เป็นไรหรอกโอบีเดี้ยน! เชื่อนาดี้คนนี้สิ! ถ้าอธิบายดี ๆ อย่างคุณเทเรซ่าไม่โกรธพวกเราทีหลังหรอก!”
“เห็นพูดงี้ แต่กลับไปทีไรก็โดนดุใส่ทุกทีเลยไม่ใช่หรอกหรือ? ”
“แคนนี่! อย่าทำเสียเรื่องสิ! ดูโอบีเดี้ยนสิ เธอทำท่าจะร้องไห้ออกมาแล้วเห็นไหม!? ”
ฉัน เหล่าหัวโจ๊กของแก๊งเด็กหัวขาวหน้าเหมือน กำลังเล่นสนุกด้วยการสะกดรอยตามพี่ใหญ่ไซน์กันอยู่
เพราะเห็นพี่สาวไซน์ทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ตั้งแต่เช้า เลยแอบหนีตามมาจากวิหาร
ถ้าเป็นการสะกดรอยเพราะนึกสนุกทั่วไปมันก็คงจะดี
แต่… ตามไปตามมา พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นลักลอบขึ้นเรือเหาะไปเสียแล้วนี่สิ
“เอาน่า! คงไม่เป็นอะไรหรอก! … คิดว่านะ”
***ตัดกลับมาปัจจุบัน***
“…”
“…”
“…รู้สึกใช่ไหมสหายเอโซ? ”
“เออ… รู้สึกตัวตั้งแต่ที่ออกมาจากวิหารแล้ว ช่างมันเถอะ~ ช่างมันเถอะ~ นี่เป็นการผจญภัยของพวกเราสามคน ไม่เกี่ยวกับเด็กพวกนั้น ทำเป็นมองไม่เห็นไปดีกว่า…”
“แต่เค้าอยากเข้าไปนวยอะ”
“อย่าแม้แต่จะคิด…”
สตรีผมสีเหลืองพูดแล้วก็ถอนหายใจยาว
ดูท่าว่าการเดินทางที่ควรมีแค่เพื่อนสนิทสามคน จะกลายเป็นการเดินทางกลุ่มใหญ่ไปเสียแล้ว…
***วันที่ 5 เกอเนริบส์ ปีประวัติศาสตร์ที่ 126***
เวลา 5:00 น. ทวีปป่าหิน-ร็อค ฟอร์เรส
“มันจะเดินทางช้าเกินไปแล้วว้อยยย! ลาขาด! ไม่ว่าสายการบินมังกรมันจะถูกแสนถูกแค่ไหน จะไม่มีวันขึ้นไปนั่งมันอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว!!”
“ก็… ความเร็วระดับสัตว์บินได้อะนะ คงจะให้เร็วเท่ายานเหาะคงยากหน่อย”
“แต่ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้! ในใบลงวันที่มีระบุเอาไว้ว่าใช้เวลาแค่ 1 วันครึ่ง! แต่นี่ล่อไปถึง 3 วัน! เพราะมีมังกรขี้เกียจบินปนอยู่ในฝูง! จะบอกว่าเพราะเหตุผลบ้า ๆ แบบนี้เลยให้พวกเราทำใจโดยไม่คิดจะชดใช้ค่าเสียหายเนี่ยนะ!? แล้วอุปกรณ์เสริมกำลังมังกรที่ทำให้พวกมันบินเร็วเท่ายานบินก็ไม่ยอมเอามาใช้! ไอสายการบินทุนต่ำแบบนี้เจ๊งไปเถอะ!!”
สตรีผมเหลืองคนหนึ่งกำลังยืนโวยวายอยู่หน้าสนามบินเทียบท่ายานเหาะด้วยความโกรธ
ผู้คนที่เดินขวักไขว่ผ่านลานหินกับอาคารไม้ขึงผ้าใบ ต่างหันมามองที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน
[ว่าแต่ คุณเอโซค่ะ ไม่ทราบว่าพวกเด็กที่แอบตามพวกเรามา—]
“อย่าไปสนใจลาพิส~ อย่าไปสนใจ~ ทำเป็นมองไม่เห็นไปก่อน~ ไม่งั้นเดียวงานเข้า…”
ห่างออกไปไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอกำลังโวยวาย มีเงาเล็ก ๆ ที่แสนคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังยืนแอบอยู่หลังเสาไม้มองดูพวกเธอ
ห่างออกไปข้างหลังอีกในระยะ 20 เมตร จะมีอีกสามเงากำลังสะกดรอยตามซ้อนอยู่อีกกลุ่มด้วย
“ว่าแต่ยัยเด็กพวกนี้มันใช้วิธีไหนถึงหลบสายตาจากท่าตรวจคนเข้าเมืองกันได้เนี่ย? ”
[เหมือนว่าจะเป็นเพราะหนูไซน์ใช้ทักษะวิญญาณที่พวกเราสอนไปในการจับพื้นที่ แล้วลอบเข้ามาค่ะ ส่วนอีกสามคนข้างหลัง เพราะตามหนูไซน์ที่มีทักษะการลอบเร้นยอดเยี่ยมมาอีกที เลยทำให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้โดยไม่มีใครเห็นค่ะ]
“เชื่อเลยแฮะ”
สตรีผมสีเหลืองบ่นกับตัวเอง แล้วหันกลับไปมองทางสนามบินอีกรอบ
เธอยืนมองดูยานเหาะชนิดเรือสำเภาไม้ที่มีมังกรลากจูงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งการตรวจคนเข้าเมืองก็ดี
ทั้งยานเหาะก็ดี
มันช่างน่าจับไปสังคายนาใหม่ให้หมดจริง ให้ดิ้นตายเถอะ!
[เอาน่า~ อย่างน้อยเก้าอี้ไม้ของพวกเขามันก็ใช้หลับสบายดีอยู่นะคะ~ :3]
“ไม่มาเขียนหน้า [:3] ใส่ฉันเลยนะลาพิส! จะว่าไป เธอนี่หลับได้หลับดีเลยนะเนี่ย ทั้งที่ยานมันโคลงเคลงถึงขนาดนั้น? ”
[ก็เหมือนนั่งเรือนั่นแหละค่ะ ว่าแต่คุณเอโซนี่แพ้ของโคลงเคลงขนาดหนักน่าดู สนใจไปฝึกเพิ่มภูมิคุ้มกันอาการเมายานพาหนะกับฉันไหมคะ?]
“ไม่ต้องฝึกก็ได้มั้ง? เพราะยังไงยานของโลกนี้มีแต่ระบบทันสมัยทั้งนั้น นั่งยังไงมันก็ไม่รู้สึกโคลงเคลงเหมือนกับนั่งของโบราณอย่างไอเจ้าพวกนี้หรอก อีกอย่าง นี่มันยุคไหนกันแล้ว? ต่อให้เผ่ายักษ์มันหัวโบราณสมองกล้ามมากแค่ไหน แต่ในตัวเมืองคงไม่ถึงขนาดยังใช้สัตว์เป็นยาน—”
“เอโซ ลาพิส ผมเรียกรถ [อสูรหางยาว] ให้แล้ว!”
“—ใช้สัตว์เป็นยานขนส่งกันทั้งเมืองเหมือนกับสมัยที่พวกเราสร้างโลก…”
สตรีผมสีเหลืองถึงกับหยุดพูดไปกลางคันเมื่อได้เห็นยานพาหนะที่สหายผมสีแดงไปเรียกมา
มันคือรถไม้แบบชนิดลากเลื่อน ที่มีสร้างหลังคาหลุมอย่างสวยงาม และติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
มีทั้งเบาะแสนนุ่มฟู ชา กาแฟ และขนมเตรียมจัดวางบนโต๊ะภายในคันรถ
มีพื้นที่วางของขนาดใหญ่ เหมาะแก่นักเดินทางที่มากด้วยสัมภาระ
มีติดเครื่องปรับอากาศ ทั้งร้อนและเย็นเหมาะแก่ฤดูกาลกับสภาพร่างกายของเผ่าพันธุ์
เรียกได้ว่าเป็นยานขนส่งภายในตัวเมืองอันเหมาะสม ที่จะสร้างความประทับใจจดจำให้แก่ผู้มาท่องเที่ยวเมืองของเผ่ายักษ์ได้ไม่รู้ลืม
“มีครบทุกอย่าง แต่เสือกไม่มีระบบเครื่องยนต์ลอยตัวกับสร้างสมดุลยาน? แล้วใช้สัตว์บ้าบอหน้าตาโง่ ๆ คล้ายจิ้งเหลนตัวใหญ่ที่มีหางยาว 5 เมตร ในการลากเลื่อนเนี่ยนะ!? ไอเจ้าตัว [อสูรหางยาว] มันคือสัตว์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างนะเฟ้ย! มันไม่ใช่ม้า! ไอเชี่ยนี่เวลามันวิ่งที มันไม่สนหน้าอินหน้าพรมตัวไหนเลยนะเฟ้ย! ไอบ้าตัวไหนมันคิดใช้งานมันเป็นม้าลากเลื่อนกันยะ!? ”
“เออ… แต่ว่าเอโซ… ผมลองพยายามหายานขนส่งแบบปกติแล้ว แต่มันไม่มีเลยนี่สิ…”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้กันฟะ!? ”
เอโซพลาดเสียแล้ว…
นับว่าเป็นความพลาดพลั้งครั้งหนึ่งในชีวิตของสตรีผู้มากด้วยการวางแผนและสืบข้อมูล
แต่ทว่าสี่ตีนยังรู้พลาด แม้แต่ลิงเองก็ยังตกจากต้นไม้เป็น
เธอนึกว่าเผ่ายักษ์จะไม่ได้เป็นพวกอนุรักษ์นิยมขนาดนี้
เธอจำได้ว่าเผ่ายักษ์ยังมีอารยะธรรม มีการใช้ยานเหาะ ไม่ได้ถึงขั้นต่อต้านเทคโนโลยีจนหันไปให้แรงงานสัตว์ทั้งหมด
แล้วที่เธอเช็คข้อมูลของทวีปต่าง ๆ ครั้งล่าสุด มันก็คือช่วงราวหนึ่งเดือนที่แล้วเอง
นั่น— คือึวามคิดที่ผิด
ด้วยสาเหตุด้านการตลาด การใช้สัตว์เป็นยานพาหนะขนส่งต้อนรับนักท่องเที่ยวจึงเป็นที่นิยมมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เพราะความนิยมนี้เอง จึงทำให้ไม่สามารถหายานขนส่งแบบปกติที่สนามบินได้อีกต่อไป…
“โอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกก!”
ด้วยเหตุนี้ การออกผจญภัยในทวีปใหม่ของพวกเธอ จึงเริ่มต้นด้วยการคายของเก่าที่อยู่ในกระเพาะของเอโซออกมาทั้งหมดไป…
MANGA DISCUSSION