การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 431
บทที่ 431 – สื่อกลาง
[คำเตือน : เนื้อหาต่อไปนี้ค่อนข้างที่จะเซนซิทีฟและมีความผิดปกติทางจิตที่ชัดเจน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบหรือทำตาม โปรดใข้วิจารณญาณในการอ่าน]
เลทิเซียเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับเช็ดมือและเช็ดเท้าตัวเองในขณะที่เธอติดต่อสื่อสารไปหาเลวี่
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ..”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านพี่.. แต่ก็พอเดาได้แล้วล่ะ ทางนี้ก็เสร็จแล้ว… ท่านพี่กลับมาด้วยล่ะ ก่อนที่เธอจะกลับโลกเดิม.. เธอน่าจะได้สติกลับมาอยู่”
“อืม…”
เลทิเซียพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะจากไป..ทิ้งไว้เพียงกองซากศพของจักรพรรดิมังกรที่แขนขาฉีกขาดน่าเกลียดน่ากลัว
ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังอย่างแท้จริง เผ่ามังกรที่มันชุบขึ้นมาล้วนถูกเลทิเซียฆ่าทิ้งจนหมด
แม้แต่ราชาแวมไพร์ก็ไม่ต่างกัน สงครามที่ควรจะเกิดหลังจากนี้ก็ไม่เกิดแล้วด้วยการลงมืออย่างอุกอาจของเลทิเซีย
เธอไม่ได้ทำไปเพื่อยุติสงครามเหมือนเมื่อห้าร้อยปีก่อน แต่เธอทำไปเพราะอารมณ์ส่วนตัวเพียงเท่านั้น…
……
คงต้องกล่าวย้อนกลับไปสักเล็กน้อยทางฝั่งของเลวี่กับเวโรเน่ก็ต่างพากันใช้พลังทั้งหมดเพื่อหยุดยั้งลูเซีย
เวโรเน่เป็นคนปัดป้องและคอยโจมตีลูเซียให้ เธอไม่หลุดออกจากการควบคุม ขณะเดียวกันเลวี่ก็กำลังหาสื่อกลางที่อยู่ในตัวของเลวี่
เวทมนตร์ข้ามวัฏจักรของเธอจะใช้บางสิ่งบางอย่างเป็นสื่อกลาง อย่างเธอใช้อารมณ์ที่มีต่อเลทิเซียอันแรงกล้า
ทำให้ดวงวิญญาณของเธอนั้นข้ามผ่านวัฏจักรไปดึงดูดกับเลทิเซียที่อยู่ในอนาคตอีกห้าร้อยปีข้างหน้า
หากเจ้าจักรพรรดินั่นมันใช้เวทมนตร์เดียวกับเธอ บนตัวของลูเซียต้องมีอย่างแน่นอน.. หลักฐานที่เป็นสื่อกลาง
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้มีโอกาสเป็นสิ่งของที่มีรูปธรรม เพราะบางทีมันอาจจะเป็นบางอย่างที่อยู่ในรูปแบบนามธรรม
ซึ่งเลวี่ตรวจสอบทุกอย่างหมดก็พอยืนยันได้แล้วว่าบนร่างของเธอไม่มีสื่อกลางอะไรเลย หรือก็คือสื่อกลางเป็นอย่างอื่น
ตอนแรกเลวี่คิดว่าจะเป็นรอยสักอะไรสักอย่างซะอีก เพราะการข้ามผ่านวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดที่ข้ามมาพร้อมร่างกายนั้นอาจจะเป็นแบบนั้น
แต่เหมือนจะไม่ใช่ บางทีสื่อกลางอาจจะเป็นความรู้สึกหรือความคิดบางอย่างก็ได้.. ซึ่งเลวี่ไม่สามารถระบุมันได้
เลวี่ขมวดคิ้ว จริงๆ ก็ไม่อยากใช้วิธีมาก.. เพราะวิธีนี้มันเกินการควบคุมของเธอไปมาก และอาจจะทำร้ายลูเซียเอง
นี่คือน้องสาวของเลทิเซียนะ.. น้องสาวของพี่สาวเลวี่หากให้เธอได้รับบาดเจ็บ เป็นธรรมดาที่เลวี่จะเสียใจ
แต่แน่นอนว่าเพราะไม่มีทางเลือกอื่น เลวี่กระโดดถอยหลังกลับไปยืนอยู่ข้างๆ เวโรเน่พร้อมพูดขึ้น
“เวโรเน่ หยุดการเคลื่อนไหวเธอสัก.. 5 นาที.. ไม่สิ 3 นาทีพอ!”
“ถึงท่านพี่จะบอกแบบนั้นก็เถอะนะ.. แต่หยุดคนบ้าคลั่งแบบนี้ตั้งสามนาทีนี่มัน.. มีแต่จะทำให้เธอฝืนจนทำร้ายร่างกายตัวเอ—”
“ฝากด้วยนะ!”
พูดเสร็จเลวี่ก็โดดไปข้างหน้าทันที ไม่ฟังความเห็นเวโรเน่ เวโรเน่ได้แต่กุมขมับเล็กน้อย ท่านพี่คนใหม่ของเธอช่างดูเป็นคนไม่ฟังคนอื่นเลย
เลวี่ไม่ใช่คนไม่ฟังคนอื่น.. แต่เพราะเธอเชื่อใจเวโรเน่อย่างมาก เวโรเน่ที่ทนอยู่มามากกว่าห้าร้อยปี
เป็นคนที่คอยกำกับแผนการอันบ้าบิ่นของเธอตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ หากว่ากันบางระดับเวโรเน่ในตอนนี้อาจจะทั้งฉลาดและมากแผนการกว่าเลวี่ด้วยซ้ำ
เวโรเน่ที่เห็นเลวี่ไม่ติดจะฟังเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ
“อ่า!โธ่!เข้าใจแล้วน่าแค่หยุดก็พอใช่ไหม?!”
เธอตะโกนออกมาพร้อมกับยีหัวตัวเอง พลังผู้กล้าแห่งเจตจำนงของเธอนั้นจะแข็งแกร่งตามเจตจำนงของตัวเธอเองและผู้อื่นที่มีต่อเธอ
พลังนี้เธอเรียกว่า ‘พลังแห่งเจตจำนง’ มันจะแสดงออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ ดูลึกลับและพิศวงอย่างมาก
พลังนี้มันเปลี่ยนแปลงได้แม้แต่กระทั่งหลักของเหตุและผล… เธอหลับตาลงนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พัฒนาการได้อย่างแข็งแกร่ง..
“ฮึบ!”
เวโรเน่พุ่งตัวไปข้างหน้า อาวุธที่ดีที่สุดสำหรับเธอคือกำปั้น เธอต่อยใส่ลูเซียราวกับแสงดาวตก ลูเซียตอบสนองและตอบโต้ทุกรอบ
ทว่ากำปั้นของเวโรเน่กลับไม่สร้างความเสียหายใดๆ เลย แต่เวโรเน่ก็ไม่คิดจะหยุดต่อย กำปั้นทั้งสองข้างเธอรัวใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
แต่ลูเซียก็คำรามกร้าวดังสนั่น ส่งผลให้ดวงตาของเวโรเน่เบิกกว้าง พลังมากมายไร้จุดสิ้นสุดของเธอซัดใส่ท้องน้อยของเวโรเน่
จนเธอกระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระเด็นถอยหลังไปไกล ลูเซียกำลังจะเคลื่อนไหวตามนั้นเอง
“โซ่นิรันดร์—”
เสียงพึมพำหลุดออกจากปากของเวโรเน่ ลูเซียที่พยายามจะขยับก็.. เหมือนจะรู้สึกตัวอีกทีว่าแขนขาสองข้างเธอถูกผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!
โซ่สีทมิฬรัดแขนขา ลำตัว.. ทุกอย่างของลูเซียเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ และลูเซียก็ราวกับตกอยู่ในห้วงความฝันอันเป็นนิรันดร์
“ท่านพี่!!”
เวโรเน่ตะโกนขึ้นฟ้า.. ทางด้านของเลวี่ก็ลอยอยู่บนฟากฟ้ามองลงไปทางลูเซีย มือที่ร่ายเวทมนตร์บางอย่างเอาไว้ถูกวาดออกมา
“ทำได้ดีมาก.. เวโรเน่!”
เลวี่กล่าวแบบนั้นร่างก็กลายเป็นลำแสงพุ่งดิ่งไปทางลูเซียอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้นเองลูเซียก็ราวกับได้สติขึ้นมาเงยหน้าจ้องมองเลวี่
สองสายตาประสานกัน
“ช้าไปแล้ว..!”
เลวี่พูดแบบนั้นมือของเธอก็สัมผัสกับหัวของลูเซีย ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของลูเซีย ความทรงจำของลูเซียพลันถูกแทรกแซง
และถูกเปิดออกมา.. รวมไปจนถึงความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับลูเซีย…
ลูเซียเธอเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางจิตในระดับหนึ่ง.. นี่ไม่เหมือนกับเลทิเซียที่ขี้กลัว.. เพราะเธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวรุนแรงในบางครั้ง
แต่สำหรับเธอแล้ว พี่ชายของเธอหรือเรน.. เลทิเซียนั่นแหละ คือแสงสว่างเพียงอย่างเดียวของเธอ
เธอเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงขึ้นทุกครั้งที่เห็นพี่ชายอยู่กับพี่สาวเพียงสองต่อสอง.. ความรู้สึกเหล่านั้นมันรุนแรงขึ้นจนแม้แต่เธอก็ไม่อายจะควบคุมมันอยู่
ถึงขั้นอาการโรคจิต บางครั้งเธอก็ได้ยินเสียงหลอนไปเอง.. หูแว่วไปเอง แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังพยายามเป็นตัวของตัวเธอเอง
ยิ้มให้คนรอบข้าง.. ปกปิดความหวาดกลัวบางสิ่งอย่างที่ไม่รู้แน่ชัด ไม่รู้ว่าในห้องของเธอนั้นไม่เคยมีคนเข้าไปนานแค่ไหนแล้ว..
แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยการขีดเขียนบางอย่างลงบนพื้นใต้พรม.. บนกำแพงหลังโปสเตอร์หรือชั้นหนังสือ….
เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด!!!!
แต่มีเพียงอย่างเดียวใยห้องของเธอที่ดูงดงามและสะอาดอยู่เสมอคือใบหน้าของเลทิเซียที่เป็นเรน..
รูปคู่ของเธอ…กับเลทิเซีย!