บทที่ 418 – การฉายซ้ำและประวัติศาสตร์
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี.. เลทิเซียเดินไปเพียงคนเดียวในเมืองที่มีแสงไฟเต็มไปหมด.. ผู้คนต่างพากันเร่งรีบที่จะทำอะไรบางอย่างของตัวเอง
มีเพียงเลทิเซียคนเดียวนั้นที่เดินไปข้างหน้าราวกับไร้จุดหมายปลายทาง.. เธอยังคงเดินไปข้างหน้ามีคนมากมายหลายคนที่เดินชนเธอ
ผลักเธอออกไปด้านข้าง… เลทิเซียตอนนี้เหมือนที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง.. เธอไม่เหมือนบุคคลที่ถูกกล่าวเรียกขานในนามของ ‘มหาปราชญ์’ เลย
เลทิเซียในตอนนี้ก็คือมหาปราชญ์ตามความหมายที่แท้จริงแล้ว แต่ว่าสำหรับเธอสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เธอทำเพราะความเข้าใจผิด
เธอไม่ต้องการอะไรแบบนั้น.. สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงช่วยเหลือคนสำคัญเท่านั้น.. แต่ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว
พังลงตรงหน้าของเธอไปจนหมด… เธอเดินไปตามทางที่มืดสลัว รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในซอยเปลี่ยวๆ หนึ่งซอยแล้ว
ก่อนที่ในตอนนั้นเองเธอจะเดินไปชนกับชายร่างใหญ่ที่สูงเกือบสองเมตร เมื่อเทียบกับเลทิเซียแล้วเธอดูเป็นเด็กไปเลย
“หือ…?”
ชายร่างสูงโด่งคนนั้นขมวดคิ้ว กำลังจะยกมือขึ้นตบหน้าเลทิเซียเพราะเขารู้สึกรำคาญที่อีกฝ่ายกล้ามาเดินชนเขา
เขาเป็นถึงขาใหญ่ของเมืองนี้ ไม่ว่าไปไหนทุกคนก็ล้วนแล้วแต่หลีกทางให้เขา และในตอนนี้มีหนูมาบังอาจยืนขวางทางเขามันเป็นธรรมดาที่เขาจะหงุดหงิด
แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันว่างเปล่าของเลทิเซีย มือที่เขาคิดจะโจมตีก็หยุดลง เขายื่นมือไปแตะใต้คางเลทิเซียและยกหน้าเลทิเซียขึ้นมาดู
“เฮ้ๆ .. เจ้ามีหน้าตาที่ค่อนข้างดูดีนะเนี่ย น่าจะขายได้ราคาดีนะเนี่ย”
มันพูดแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบาตรใหญ่ คนที่อยู่รอบๆ ก็เห็นภาพนี้แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง
เพราะเจ้าหมอนี่มีเส้นสายกับพ่อค้าทาสชื่อดังระดับประเทศ เป็นส่วนหนึ่งที่คนไม่กล้ายุ่งกับมันเท่าไหร่ เพราะเมื่อไหร่ที่คนหาเรื่องมัน
มันจะอ้างเหตุผลต่างๆ ในการจับอีกฝ่ายไปขาย ในยุคมี่แม้จะมีกฎหมายแต่ก็เบาบางแทบจะไม่มีนี้ การเกิดเรื่องแบบนี้มีเป็นเรื่องธรรมดา
“ดีละ.. เอาเจ้านี่แหละสำหรับเดือนนี้”
มันพูดแบบนั้นพร้อมกับมองเลทิเซีย แต่ในจอนนั้นเองก็มีเสียงก้าวเท้ายาวๆ มาปรากฏขึ้นพร้อมกับปัดมือของอีกฝ่ายอย่ารุนแรง “แปะ”
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะต้องเพื่อนฉันนะ!”
เสียงอันคุ้นเคยนี้ดังขึ้นราวกับมันปลุกความรู้สึกบางอย่างในจิตใจของเลทิเซีย เธอหันไปมองหญิงสาวที่ปรากฏขึ้น
ใบหน้าของเธอดูอายุประมาณยี่สิบกว่าปีเท่านั้น ใบหน้าและเสียงนี้มันคุ้นเคยสำหรับเลทิเซีย..
เธอหันมาจ้องเลทิเซียพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“วิ่งสิ ฉันสู้เจ้านั่นไม่ไหวหรอกนะ!”
เธอจับมือของเลทิเซียวิ่งหนีไปอีกด้าน ชายคนนั้นที่เหมือนจะโดนคนขัดขาเขาก็โกรธจัดจนวิ่งไล่ตาม
แต่คนที่จูงมือเลทิเซียวิ่งนี้.. กลับเร็วยิ่งกว่า.. เธอคนนี้คือลูเซีย.. เพื่อนในโรงเรียนของเธอที่มีทั้งหน้าตาและชื่อเหมือนกับน้องสาวในโลกเดิมของเธอ
………
“เธอๆ ดูนั่นสิ ผู้ชายคนนั้นเหมือนกับคนร้ายหลุดออกจากคุกเลยล่ะ”
“หว้า~ น่ากลัวจัง”
“มารอใครล่ะนั่นนะ แฟนงั้นเหรอ?”
“แฟนกับขี้คุกงั้นเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้นี่นะ?”
เรน.. ยืนรออยู่ที่หน้าสแตนด์รูปปั้นของคนคู่ ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบของหนุ่มๆ สาวๆ ด้วยร่างกายที่ไม่เหมือนชาวบ้านของเขาที่ทั้งตัวใหญ่
และมีบาดแผลบนใบหน้าทำให้เขาดูน่ากลัวเหมือนกับคนร้ายที่หลบหนีออกจากคุก แถมชุดของเขาก็เป็นชุดที่ดูไม่เข้ากับตัวเขาเอง
ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาได้โดยง่าย และไม่ใช่สายตาที่ชื่นชมอย่างแน่นอน แม้จะอยู่ในช่วงสงครามโลก
และทุกคนต่างพากันเครียดกับสงคราม แต่ก็ต้องมีเขตปลอดสงครามมนุษย์ยังต้องหาสถานที่พักผ่อนและลดทอนความเครียด
ซึ่งสถานที่แห่งนี้คือสถานที่นัดเจอแฟนหนุ่มกับแฟนสาว… แน่นอนไม่ใช่ว่าเรนมายืนรอแฟนสาวแต่อย่างใด
เขามายืนรอลูเซียต่างหาก เพราะวันนี้เรนต้องออกไปซื้ออาหารกับลูเซีย แต่ลูเซียอยากให้เขาออกไปก่อนและมารออยู่ที่จุดนัดพบ
เธอจะตามมาทีหลัง แน่นอนว่าเรนเป็นพี่ที่ใจดีกับน้องสาวมาก เขาต้องยิ้มรับคำขอของน้องสาวโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ
แต่เขาก็ตกเป็นเป้าสายตานินทาไปโดยปริยายทำให้เขาได้แต่ก้มหน้าลง.. อยากจะจากที่ตรงนี้ไปแต่จากไม่ได้..
แต่ในตอนนั้นเอง..
“อ๊ะ.. ขอโทษด้วยพอดีแก้วมันเป็นรูน่ะ”
ด้านทางเดียวกับที่มีเสียงนินทาก็มีเสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้น ซึ่งเรนก็หันไปทันที เห็นลูเซียเทน้ำใส่หัวผู้หญิงที่นินทาเรน
ถึงปากจะบอกว่าแก้วรั่ว แต่เหมือนลูเซียจะเอาปากแก้วคว่ำลงแบบนั้นคงไม่เรียกรูแล้ว.. หญิงสาวที่โดนเทน้ำใส่หัวก็ผุดลุกขึ้น
“นี่เธอทำบ้าอะไร—”
แต่ลูเซียก็เดินมาอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย หันหลังให้เรนพร้อมกับพูดขึ้น
“อย่าเอาปากสกปรกของเธอมานินทา ‘แฟน’ ฉันนะ”
แม้เรนจะไม่เห็นหน้าลูเซีย แต่น้ำเสียงเธอแสดงให้เห็นถึงความโกรธนิดๆ .. แต่ที่เรนไม่เห็นคือใบหน้าของลูเซียตอนนี้มันน่ากลัวราวกับหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญ
ดวงตาของเธอเบิกกว้างราวกับจะกัดกินเนื้อของอีกฝ่าย จนแม้แต่คนที่โดนเทน้ำใส่หัวยังรู้สึกขนหัวลุก..
ลูเซียดึงใบหน้ากลับมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนสาวน้อยสดใสคนเดิม.. เธอเดินมาจับมือเลทิเซียแล้วก็พูดขึ้น
“วิ่งสิพี่!ฉันเทน้ำใส่หัวเขาเลยนะ!”
เธอพูดแบบนั้นก็จับแขนเรนลากวิ่งหนีหายเข้าไปในฝูงชนทันที พอผู้หญิงที่ถูกขู่ให้กลัวเหมือนจะได้สติกลับมาจึงตะโกนตามหลัง
เรนที่ถูกลูเซียลากอยู่ ก็เกาแก้มพร้อมกับพูดแก้นิดหน่อยว่า..
“พวกเราเป็นพี่น้อง ไม่ใช่แฟนนะ!”
“โธ่ พี่ พวกนั้นมันดูถูกพี่เลยนะ ฉันแค่อยากจะหักหน้าพวกนั้นเท่านั้นแหละ”
“แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ เธอก็ไม่ควรพูดแบบนั้นนะ ลูเซียเป็นคนสวยคนหนึ่งนี่น่า หากน้องสาวของฉันถูกเข้าใจผิดละก็..”
“บู้ๆ พี่ไม่ต้องพูดเลย! อีกอย่างวันนี้พี่ต้องเป็นแฟนฉันทั้งวันนะ!”
“ห้ะ .. ไหงกลายเป็นแบบนั้นไปล่ะ?!”
……….
“เลทิเซีย เลทิเซีย!นี่เธอเหม่ออะไรของเธอเนี่ย?”
“อ๊ะ.. เป็นแฟนไม่ได้นะ พวกเราเป็นพี่น้อ—”
เลทิเซียที่เหมือนจะเหม่อลอยไปไกลนั้นก็ถูกปลุกกลับมาด้วยลูเซีย เพราะสติสตังยังกลับมาไม่ครบส่งผลให้เธอเผลอพูดแบบนั้นออกไป
พอลูเซียได้ยินแบบนั้นเธอก็สับสน..
“นี่เธอพูดเรื่องอะไร ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี เธอดูไม่ใช่เทพธิดาสีนิลแล้วนะเนี่ย?”
“เทพธิดาสีนิล?”
เลทิเซียที่ถูกเรียกแบบนั้นก็สับสน ลูเซียเห็นท่าทางที่เหมือนจะไม่รู้เรื่องของเลทิเซียเธอก็นั่งลงบนม้านั่งข้างๆ เลทิเซียแล้วก็พูด
“นี่เธอไม่รู้ตัวเลยเหรอ สมัยเรียนเธอน่ะมีแฟนคลับเยอะจะตาย ทั้งความฉลาดและความเป็นมิตรของเธอนี่หาคนเปรียบเลยล่ะ ผสมกับโทนสีของเธอนี่ดำทั้งตัวเลยนี่น่า ทุกคนเลยเรียกเธอว่าเทพธิดาสีนิลล่ะ!”
“มีอะไรแบบนั้นด้วย…”
“แต่ว่านะ.. ทุกครั้งที่ฉันเจอเธอ เธอจะทำตัวแบบหมดอาลัยตลอดเลย เมื่อสิบปีก่อนเหมือนกัน ฉันจำได้ว่าเธอแอบร้องไห้อยู่ที่หลังหอพักด้วย”
“……”
ลูเซียพูดไม่หยุด.. อันที่จริงตลอดห้าปีที่ผ่านมาเลทิเซียคุยกับลูเซียบ่อยมาก สำหรับเธอคนนี้เลทิเซียนั้นทั้งสับสนและลังเลใจ
เพราะว่าเธอทั้งเหมือนน้องสาวในโลกเดิม ไม่ว่าจะใบหน้าหรือนิสัยใจคอ.. ทำให้ความรู้สึกที่เลทิเซียมีต่อเธอคือทั้งเว้นระยะห่างและอยากใกล้ชิด
แต่ตอนนี้ต่างออกไป.. ลูเซียคือเผ่าอสูร.. เผ่าอสูรคือการฉายซ้ำของประวัติศาสตร์.. หรือก็คือ..
ลูเซีย.. คือภาพสะท้อนของน้องสาวเลทิเซียที่กลายเป็นประวัติศาสตร์อันแสนสำคัญ.. ก็นะ ไม่สำคัญได้ยังไงกันล่ะ
ลูเซียน้องสาวเธอที่ถูกอัญเชิญมาต่างโลกตอนนี้ ได้ทำลายอาณาจักรมิราลิสที่เวโรเน่สร้างขึ้น และครอบครองพลังผู้กล้าสองคน
หรือก็คือ.. การฉายซ้ำจองประวัติศาสตร์กำลังเกิดขึ้นพร้อมประวัติศาสตร์จริง..
พอมาถึงตรงนี้เลทิเซียก็แทบจะไม่..ตกใจอะไรแล้วล่ะ
MANGA DISCUSSION