การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 285
บทที่ 285 – ทรายหาดยามค่ำ
ในคืนเดียวกันนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น เลทิเซียเปิดเปลือกตาทันที เพราะเธอเป็นคนที่เวลานอนไม่ได้นอนหลับลึกขนาดนั้น
อีกทั้งการระวังตัวตอนกลางคืนเปนเรื่องสามัญที่สุดเช่นเดียวกัน แถมในห้องนี้และห้องข้างๆ มีแต่คนสำคัญของเธอทั้งหมด
แน่นอนว่าเลทิเซียต้องตื่นตัวตลอดเวลา พอเลทิเซียลืมตาขึ้นเธอก็พบว่าร่างกายตัวเองหนักแปลกๆ ยังไม่ทันได้ให้สายตาชินกับความมืด
เธอก็ถอนหายใจออกมา..
ด้านข้างมีร่างของชาร์ล็อตนอนกอดเลทิเซียอยู่ เพราะร่างกายเลทิเซียเล็กกว่าจึงเรียกได้ว่าถูกชาร์ล็อตรวบหัวรวบหางเลยทีเดียว
เสียงเคาะนั้นดังขึ้นแป๊บเดียวก็หยุดเหมือนกับรู้ว่าเลทิเซียตื่นแล้ว เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร แต่ค่อยๆ ดันตัวออกห่างจากชาร์ล็อตช้าๆ
ก่อนที่จะลุกจากเตียงใส่ชุดนอน เดินออกไปเปิดประตู แน่นอนว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากทสึรุ
อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาปลุกกลางดึกแบบนี้ เพราะว่าทสึรุเป็นคนหัวช้าเลยอาจจะเรียนไม่ทันคนอื่นอยู่บ้าง
ทำให้เธอต้องเรียนพิเศษ.. จนแทบไม่มีเวลาว่างเลย เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ทสึรุนั้นโตขึ้นมาก
ผมถูกมัดหางม้าตกพันรอบด้วยผ้าขาว เหมือนกับทรงผมของมิโกะในโลกเดิมก็จริง แต่ในทางตรงกันข้ามร่างกายเธอสูงพอๆ กับชาร์ล็อตเลย
แน่นอนว่าทสึรุเองก็เป็นสาวสวยเช่นกัน.. เธอสวมชุดนอนเหมือนกับเลทิเซียในตอนนี้ แต่เหมือนจะลืมถอดแว่นตาที่ใช้ตอนอ่านหนังสือ
“นี่เธออ่านหนังสือจนดึกอีกแล้วเหรอ..”
“ฮะๆ … ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ตามพวกเธอไม่ทันพอดีน่ะสิ”
แน่นอนว่าสำหรับทสึรุที่ไม่ได้ฉลาดเหมือนเลวี่หรือเลทิเซียเธอจะต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อให้คู่ควรกับตำแหน่งเพื่อนของอัจฉริยะทั้งสอง
สิ่งเดียวที่เธอมีติดตัวคือวิชาหอกและวิชาทวน.. แต่นั่นไม่พอหรอก เธอรู้ว่าเลทิเซียกับเลวี่หรือแม้แต่ชาร์ล็อตเก่งขนาดไหน..
หากถามว่าชาร์ล็อตเธอเก่งยังไง แรกเริ่มเดิมทีชาร์ล็อตก็เป็นคนหัวดีอยู่แล้วเพียงแค่ส่วนหัวดีมันไปอยู่กับอันน่าเท่านั้นเอง
พอกลับเป็นหนึ่งแน่นอนว่าพรสวรรค์ที่ชาญฉลาดของเธอก็ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้เรื่องการต่อสู้ของเธอก็ติดท็อปไม่แพ้กัน
เรียกได้ว่ามีแค่ทสึรุในกลุ่มเพื่อนทั้งสี่คนที่นอกจากวิชาการต่อสู้ก็ไม่ฉลาดเลย ดังนั้นเธอจะเป็นคนที่เข้านอนหลังเพื่อนเสมอ..
เรื่องนี้เลทิเซียเองก็คอยห้ามปรามอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก้ไม่ยอมเชื่อฟังเลยทำให้บางครั้งก็หักโหมหนักจนสลบไปกลางชั้นเรียนก็มี
หลายปีที่ผ่านมาทสึรุนั้นทำเพียงไปโรงเรียนตอนเช้า พอเลิกเรียนก็เรียนพิเศษต่อ พอเลิกเรียนพิเศษก็จะกลับมานั่งอ่านหนังสือจนดึกดื่นเหมือนวันนี้
“….”
“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าไปเดินเล่นกับข้าสักหน่อยไหม?”
“ก็ได้อยู่หรอก แต่เปลี่ยนเสื้อสักหน่อยไหม คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นซะด้วยสิ”
“นั่นสินะ.. นี่ก็เดือนที่สิบแล้วนี่นะ”
เธอพยักหน้าพร้อมกับขอตัวไปเปลี่ยนชุด เลทิเซียเองก็เปลี่ยนชุดจนเสร็จสรรพก็ออกไปพร้อมกับทสึรุ
คืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงซึ่งหาได้ยากช่วงนี้.. แถมเมฆเองก็ไม่หนามากทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้แบบสลัวๆ
สายลมอันอ่อนโยนพัดมาปะทะเข้ากับใบหน้า.. ทั้งคู่เดินไปแถวชายหาดเทียมที่อยู่รอบนอกของเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน
อันที่จริงตอนแรกโรงเรียนกลางทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้มีทรายหาด แต่ราวๆ สองสามปีที่ผ่านมาได้มีการสร้างทรายเทียมให้มันคล้ายคลึงกับทะเลจริงๆ
ซึ่งทำให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจกับนักเรียน.. แนวคิดนี้คนที่เสนอแน่นอนว่าไม่ใช่ใครนอกจากเลทิเซีย นับตั้งแต่นั้นมาที่โรงเรียนลิเบอร์ก็มีทรายหาดเทียมปรากฏขึ้น
ปกติวันหยุดในที่แห่งนี้จะมีนักเรียนมากมายมาอยู่ แต่ตอนนี้กลับเงียบสงบจนน่าแปลกใจ แถมบรรยากาศตอนกลางคืน
ลมเย็นๆ ที่พัดมาจากทางทะเลสาบ แสงจันทร์อ่อนๆ ทอแสงอาบไล้ไปทั่วร่างกายทำให้ผู้สัมผัสรู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนตรงนี้
ในขณะที่ทั้งสองคนเดินบนทรายหาดเงียบๆ .. ทสึรุก็พูดขึ้น..
“ข้าได้ยินว่าเจ้าจะกลับบ้านเกิดวันพรุ่งนี้เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
เลทิเซียยังไม่ได้บอกเธอเพราะเธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการเรียน เลทิเซียเองก็ไม่อยากรบกวนเธอเท่าไหร่..
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง แถมเธอคิดว่าการเดินทางไปครั้งนี้แปปเดียวก็ได้กลับมาแล้ว ที่กลับเพราะท่านแม่มีธุระเฉยๆ
“เจ้าจะกลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า?”
“พูดอะไรของเธอน่ะ.. ต้องกลับมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“นั่นสินะ.. ขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆ นะ”
ทสึรุหัวเราะเบาๆ พร้อมกับกล่าวขอโทษ บรรยากาศดูเงียบลง เลทิเซียก็ถามขึ้น..
“วันนี้เธอดูแปลกๆ นะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก.. เพียงแต่…”
เธอไม่ได้กล่าวต่อ แต่หยุดฝีเท้าที่ย่ำบนหาดทรายลง เธอค่อยๆ หันหน้ามาหาเลทิเซีย ดวงตาของทั้งสองมองเข้าไปในดวงตาซึ่งกันและกัน
เธอไม่ได้กล่าวคำนั้นต่อทันที เธอหันหน้าเข้าไปทางโรงเรียนลิเบอร์ โรงเรียนแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก.. ใหญ่จนแทบจะเป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่งเลย
แถมในที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่สิ่งก่อสร้าง แต่ยังมีภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ป่าไม้และพงไพรอีกมากมายสุดลูกหูลูกตา
“เจ้าจำวันแรกที่พวกเราเจอกันได้ไหม?”
“จำได้สิ”
“วันนั้น.. ข้าแนะนำตัวกับเจ้าว่าเป็นมิโกะสินะ.. แต่น่าแปลกจริงๆ ที่ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามิโกะคืออะไร..?”
“งั้นเหรอ?”
“แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ได้สนิทกัน.. เหตุการณ์ในชิ้นส่วนเวหา.. ทุกๆ อย่าง”
ทสึรุย้อนทวนความทรงจำ ทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับพวกเธอทั้งสองคนล้วนเกิดขึ้นมาจากที่พวกเธอได้มาอยู่ที่แห่งนี้ ได้มาอยู่ในโรงเรียนลิเบอร์
ใช่ สำหรับทสึรุแล้วโรงเรียนนี้เป็นทั้งบ้านและผู้มีพระคุณสำหรับเธอ ดังนั้นสำหรับเธอน่ะ โรงเรียนแห่งนี้สำคัญกับเธอมาก..
“เธออยากจะบอกอะไร?”
“ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน.. เพียงแต่อ่านหนังสืออยู่ดีๆ มันก็นึกขึ้นมาได้น่ะ”
ดวงตาของเธอเผยแววประหลาดออกมา เลทิเซียจ้องมองไปที่อีกฝ่าย.. พร้อมกับพูดถามเบาๆ ..
“เธอเหงาอยู่งั้นสินะ”
“พูดอะไร.. จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง.. ข้าน่ะได้สนิทกับเจ้าเลยเชียวนะ.. มีคนไม่รู้กี่คนที่อยากตีสนิทกับเจ้ากันล่ะ? ชีวิตข้าน่ะมันมีความสุขที่สุดแล้ว”
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ใช่ เลทิเซียเป็นคนดัง เป็นคนดังที่ใครๆ ก็อยากจะสนิทสนม อยากจะเข้าใกล้..
แต่ทสึรุ.. เธอคือคนที่มีโอกาสนั้นจะมารู้สึกเหงาได้ยังไง กลับกันเธอควรจะรู้สึกดีใจมากกว่าไม่ใช่หรือยังไง..
เลทิเซียมองอีกฝ่ายพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ..
“ก้มหัวลงมานี่หน่อยสิ”
“หืม ทำไมเหรอ?”
เลทิเซียพูดขึ้นทำให้ทสึรุแปลกใจ แต่เธอก็ก้มหัวลงมาตามที่เลทิเซียบอก
พอก้มหัวลงมาเลทิเซียก็ยกมือวางบนหัวอีกฝ่ายพร้อมกับลูบหัวทสึรุเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้น
“เธอคิดยังไงกับฉัน เกลียดฉันหรือเปล่า?”
“..ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ข้าน่ะชอบเลทิเซียมากๆ ”
“ฉันเองก็เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าเธอเหงาเธอก็แค่พูดออกมาตรงๆ หากเธอเหนื่อยก็แค่พูดออกมา.. ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบังเลย”
“……”