การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 284
บทที่ 284 – ราตรีสวัสดิ์ตัวฉัน
“งั้นเหรอ.. ส่วนเรื่องไปเที่ยวฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกแต่ว่า..”
“แต่ว่า..?”
“พวกเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม”
เลทิเซียพูดเบาลง สำหรับเลทิเซียแล้วที่แห่งนี้ โรงเรียนแห่งนี้เธอทุ่มทุกอย่างลงไปโดยไม่ปกปิด.. เธอสอนทั้งเรื่องเวทมนตร์และความรู้จากอดีตชาติที่ตนเองมี
ให้กับคนหลายๆ คน ทุกอย่างที่ทำแบบนั้นเพื่อที่จะให้โรงเรียนนี้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นหากคนสำคัญอยู่ไกลออกไปเพียงแค่คนเดียวละก็มันก้ไร้ความหมายน่ะสิ
สำหรับเลทิเซียแล้ว ซิลเวียนั้นให้ความรู้สึกคล้ายพี่สาวในบางครั้งอย่างบอกไม่ถูก.. อีกทั้งตลอดเวลาที่อ่านมา
ซิลเวียก็มักจะอยู่ในส่วนหนึ่งของความทรงจำเสมอ เธอจำวันนั้นได้ดีไม่เคยลืม วันที่ทุกๆ คนตายลง..
อยู่ใกล้แต่กลับห่างไกลเกินเอื้อม.. เธอไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแล้ว ทุกๆ คนเธอต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้..
เพราะงั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอถึงได้ใส่หน้ากากกลายเป็นคนที่ทุกๆ คนคาดหวังเพื่อให้ทุกคนถูกใจ
จนเธอลืมไปแล้วว่ามันลำบากขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้เพราะยังคงมองไปข้างหน้า.. เพื่อที่จะไม่สูญเสีย..
จนตอนนี้เธอแทบจะเป็นหัวใจหลักของโรงเรียนแห่งนี้ไปแล้วก็ว่าได้..
“เรื่องนั้น…..”
ซิลเวียไม่กล้าที่จะรับปาก เธอรู้ว่าบนสวรรค์มีกฎข้อบังคับมากมาย ความเป็นไปได้ที่เธอจะกลับขึ้นไปแล้วกลับมาได้คือน้อยยิ่งกว่าหนึ่งในร้อย
อีกทั้งงงบนที่แห่งนั้นเธอยังมีฐานะที่ค่อนข้างสูง.. พอมาย้อนนึกดูเธอก็อดที่จะรู้สึกขำตัวเองไม่ได้
ตอนที่เธอถูกไล่ลงมาเพื่อสำนึกผิด เธอยังรู้สึกไม่อยากจะลงมาเลยเพราะสิ่งเดียวที่เธอมีคือทำลายล้าง
แต่ดูตอนนี้สิ เธออยุ่ในที่ที่สงบสุขมาเกือบยี่สิบปีแล้วจนรู้สึกหลงใหลไปกับความสงบสุขที่มีนักเรียนมากมายมาถามคำถาม
ทุกๆ คืนจะไปหาเลทิเซียเพื่อทานข้าวด้วยกันทุกๆ วัน.. บางวันก็นอนกับเธอ.. ทุกๆ อย่างที่ผ่านมามันเปิดโลกใหม่ให้กับซิลเวียมาก
แต่เธอรู้ว่าหากวัฏจักรบางอย่างบนสวรรค์พังทลายลงไม่ใช่แค่บนสวรรค์ที่จะได้รับผลกระทบ… แต่รวมไปถึงโลกแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
เธอไม่อยากให้โลกใบนี้มันพังลง.. รอยยิ้มของเด็กๆ รอยยิ้มของนักเรียนหรือแม้แต่รอยยิ้มของเลทิเซียทุกๆ คน
เธอจึงได้แต่ยิ้มขื่นพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไม่อยากจะพูดส่งๆ ไปโดยไม่มีมูลกับเลทิเซีย
“ข้าคงรับปากไม่ได้”
“……”
“แต่ว่า”
เธอรีบพูดขึ้นมาต่อทันที
“ถึงจะไม่รับปาก.. แต่ข้าสัญญาว่าข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้โลกนี้พังทลายลง.. โลกที่สันติสุขและสงบสุขแห่งนี้.. อนาคตของนักเรียนทุกคน”
“ซิลเวีย…”
“ข้าจะช่วยเอาไว้ให้ได้ นั่นแหละหน้าที่ของข้า”
“นั่นสินะ.. เข้าใจแล้ว”
เลทิเซียยิ้มออกมา หน้าที่ของเธอคือแบบนั้นงั้นสินะ เลทิเซียไม่ได้คิดจะห้ามหรือคิดจะหยุดอีกฝ่าย
“แล้วเธอจะต้องเดินทางเมื่อไหร่”
“วันมะรืนนี้น่ะ”
“กะทันหันจังนะ”
เลทิเซียตกใจเล็กน้อย ซิลเวียก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ พร้อมกับอธิบาย
“อันที่จริงข้าลังเลว่าจะบอกเจ้าดีไหมนานไปหน่อยนะ ไม่คิดว่าเจ้าจะรู้แต่แรกแล้วด้วยสิ แฮะๆ ”
“อืม.. งั้นไปเที่ยวพรุ่งนี้แล้วกันแต่ว่า”
เลทิเซียพูดพลางครุ่นคิดเล็กน้อย ทำให้ซิลเวียสับสนที่เห็นเลทิเซียเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ
“มีอะไรเหรอ?”
“พรุ่งนี้พวกเราต้องเดินทางกลับอาณาจักรอาเดฟโดยไว.. รู้สึกว่าท่านแม่จะบินมารับเองเลยด้วยไปกลับแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นด้วย เพราะงั้นพวกเรา…”
“ไม่เป็นไร ข้าเองก็อยากจะเที่ยวในอาณาจักรอาเดฟบ้างเหมือนกัน”
“งั้นหลังจากทำธุระของท่านแม่เสร็จแล้วกันนะ”
“อื้ม”
เมื่อตกลงกันได้ทั้งเลทิเซียและซิลเวียต่างพยักหน้าให้กัน เหมือนซิลเวียจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วย
หลังจากคุยกันอยู่สักพักหนึ่งเลทิเซียก็ปลีกตัวออกมาจากที่พักของซิลเวียเพราะใกล้ถึงเวลาปิดหอพักแล้ว
หลังจากที่เลทิเซียออกจากที่พักซิลเวียในขณะเดินทางกลับนั่นเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงไวท์ดังขึ้นจากด้านหลัง
“นายท่านนนนน”
“ไวท์เหรอ?”
พอเลทิเซียหันกลับไปเธอก็เห็นเด็กผู้หญิงที่ร่างกายสูงกว่าเลทิเซียซะอีก เลทิเซียที่มองอีกฝ่ายที่โตกว่าตนเองก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นิดหน่อย
ร่างกายนี้พึ่งถูกสร้างขึ้นยังไม่ถึงห้าปีเลยแต่มีร่างที่อุดมสมบูรณ์กว่าเธอไปซะแล้ว..
“ข้าเบื่อแล้วขอเข้าไปในดาบหน่อย”
“ฉันก็ไม่รู้นะว่าในดาบมีอะไร แต่ถ้าเบื่อเธอออกไปวิ่งเล่นเหมือนเดิมไม่ดีกว่าหรือไงล่ะ”
“พูดอะไรแบบนั้นกันคะ ในดาบน่ะสบายออกนะ เพราะนายท่านถือข้าอยู่ยังไงล่ะ”
“พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
ไวท์พูดอย่างภาคภูมิใจ แต่เลทิเซียไม่รู้ว่าการเป็นดาบมันแก้เบื่อได้ยังไง แค่คิดว่าตัวเองต้องไปติดอยู่ในดาบก็น่าเบื่อสุดๆ แล้วล่ะ
แต่เลทิเซียก็ไม่ได้ขัดไวท์ เธอโยนดาบไปให้ไวท์พร้อมกับพูด
“ไม่ทานข้าวก่อนหน่อยเหรอ?”
“ทานมาแล้วค่า”
พูดเสร็จร่างกายของไวท์ก็ล้มลงไม่มีสัญญาณชีวิตส่งออกมา โชคดีที่เลทิเซียรับไว้ทันพร้อมกับเก็บร่างกายเธอไว้อย่างดี
“จะว่าไปนายท่านจะกลับอาณาจักรแล้วนี่”
“ก็ใช่นะ ทำไมเหรอ?”
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าที่บ้านเกิดของนายท่านจะมีอาหารอร่อยๆ แบบไหนบ้างนะ?”
เธอพูดตอนอยู่ในดาบพร้อมน้ำลายไหล ไวท์ตั้งแต่ที่เธอมีร่างกายและได้ทานอาหารครั้งแรก นับแต่นั้นเธอเป็นคนที่ชื่นชอบอาหารมาก
เพราะเธอไม่รู้ว่าได้ทานอาหารครั้งล่าสุดคือเมื่อกี่ปีก่อน อาจจะร้อย พันหรือหมื่นปี ไม่มีใครรู้.. แต่แน่นอนว่าพอนึกถึงเรื่องนัดกับซิลเวียไว้
“อืม พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง เอาเป็นวันหลังจะพาไปทานอาหารแล้วกัน”
“ค่า รักนายท่านที่สุดดด”
เธอพูดเสร็จก็เข้าไปนอนในดาบเงียบๆ เลทิเซียเดินกลับห้องพักใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึง พอกลับมาถึงเลทิเซียก็เห็นชาร์ล็อตยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับตาบวมอยู่ตรงหน้าชาร์ล็อต
สถานการณ์นี้มันแปลกๆ อยู่นะ ทำไมถึงมีนักเรียนชายมาหอพักหญิงได้.. ไม่สิจากอายุน่าจะเป็นเด็กใหม่ปีนี้นั่นแหละนะ..
พอชาร์ล็อตสังเกตเห็นเลทิเซียเธอก็ทักเลทิเซียทันที
“กลับมาแล้วเหรอ เลทิเซีย..”
“อืม.. ว่าแต่นี่เธอไปต่อยใครอีกแล้วเนี่ย ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามทำร้ายคนอื่นน่ะ”
“ก็เจ้าเด็กนี่มันจะมาขโมยชุดชั้นในในลิ้นชักข้านี่น่า”
ชาร์ล็อตพูดพร้อมกับกระทืบเท้า… ในมือเธอถือชุดชั้นในชิ้นหนึ่งไว้ ซึ่งแม้ชาร์ล็อตจะอายุแค่สิบแปดปีแต่ร่างกายเธอก็ทั้งสูงและโตขึ้นจากห้าปีก่อนเยอะ
ดังนั้นตอนที่เลทิเซียมองชาร์ล็อต เธอต้องเงยหน้ามองเพราะชาร์ล็อตสูงกว่าตนเอง.. หน้าอกเองก็ใหญ่ขึ้นไม่ถึงกับมาก
แต่ก็โตมาในระดับที่พอรับได้.. แต่ว่าชุดชั้นในที่ชาร์ล็อตถืออยู่นั่นมันไม่เหมาะกับไซต์ของเธอเลยสักนิดเดียว..
“เดี๋ยวนะ ชาร์ล็อต…”
“ว่าไง?”
“นั่นมันของฉันไม่ใช่เหรอ?”
“อ้ะ….”
ชาร์ล็อตที่ได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อตกพร้อมกับหันมองชุดชั้นในในมือตัวเอง.. ก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นมาได้..
ชาร์ล็อตหัวเราะแห้งๆ
“แฮะๆ .. สงสัยฉันเก็บผิดน่ะ…”
“……”
ไซต์ของเลทิเซียกับอีกฝ่ายมันต่างกันในระดับที่ว่าไม่น่าจะจำผิดแน่ๆ .. เลทิเซียได้แต่ถอนหายใจ หลังจากที่ส่งเด็กผู้ชายคนนั้นให้อาจารย์
เลทิเซียก็เข้าไปในห้องพร้อมกับชาร์ล็อต.. ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นชาร์ล็อตก็เปลี่ยนไปเยอะ รู้จักการใช้ความรุนแรง รู้จักการใช้คำหยาบ
แต่อย่างไรก็ตามพออยู่ต่อหน้าเลทิเซียเธอก็ยังคงหลีกเลี่ยงการทำตัวหยาบกระด้างมากที่สุด..
หลังจากที่เคลียร์ปัญหาต่างๆ เสร็จเลทิเซียก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้าสำหรับวันนี้.. “ราตรีสวัสดิ์ตัวฉัน”