การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 231
บทที่ 231 – ความเหนือชั้น
จอมมารคาริลที่ได้ยินเสียงก้องกังวานนั้นสีหน้าเขาพลันเปลี่ยนสี เสียงแบบนี้มัน… ยังไม่ทันให้เขาหรือจักรพรรดิมังกรริสเวลได้คาดเดา
ร่างหนึ่งก็ดิ่งลงมายังพื้นกั้นตรงหน้าเขาไว้.. ใบหน้าอันเย่อหยิ่งและเต็มไปด้วยบารมีน่าเกรงขามผมสีดำยาวสยายออก
ผิวพรรณขาวนวลดวงตาสีดำทมิฬแต่กลับบริสุทธิ์มาก หญิงสาวลึกลับที่ปรากฏขึ้นทำเอาจอมมารคาริลยืดอึ้ง
“จอมมารเอลร่า?”
ใช่แล้ว เธอคนนี้ก็เหมือนกับจอมมารคาริลแต่ชื่อเสียงของเธอกลับโดดเด่นเหนือใคร ไม่ว่าจะชื่อเสียงด้านสงครามหรือความเป็นผู้นำเธอก็ติดอันดับต้นๆ ของแดนปีศาจ
ไม่มีใครในแดนปีศาจไม่รู้จักเธอ ต่อให้เป็นแดนมนุษย์หรือกึ่งมนุษย์ก็ยังมีคนรู้จักเธอด้วยซ้ำ
เอลร่า เนล ฟาร์เนีย หนึ่งในสิบสองจอมมารผู้ครอบครองอาณาจักรฟาร์เนียและภายในอาณาจักรนั้นกินขอบเขตไปมากจนไม่อาจคำนวณ
จอมมารคาริลเคยปะทะกับจอมมารเอลร่าบ่อยครั้ง เพราะอาณาจักรของพวกเขาแม้ไม่นับว่าใกล้ แต่หากเทียบกับอาณาจักรจอมมารคนอื่นๆ
ก็ใกล้กว่ามาก.. ดังนั้นจอมมารคาริลทราบถึงความแข็งแกร่งอีกฝ่ายดี แต่ก่อนเขาเคยดูถูกผู้หญิงที่เข้าร่วมสงคราม
เพราะมันเหมือนกับเอาตัวไปถูกฆ่าจนกระทั่งเขาพ่ายแพ้ในการรบให้กับจอมมารเอลร่า อันที่จริงอาจจะเป็นเพราะจอมมารเอลร่ามีอายุมาหลายร้อยปีด้วย
เธอคงมีประสบการณ์มากมายแน่ๆ ถึงในตอนแรกจะไม่มีชื่อเสียงเลยก็เถอะนะ..
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของจอมมารเอลร่าทำเอาลูเซียโน่กับเลเวียถึงกับผงะ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้จักเธอคนนี้กันล่ะ
แน่นอนว่าชื่อเสียงเรียงนามของจอมมารเอลร่าต้องเคยเข้าหูพวกเขาบ้าง ดังนั้นพอจอมมารคนนี้ปรากฏตัวขึ้นลูเซียโน่ก็เกร็ง
หากสู้กันจอมมารสอง จักรพรรดิมังกรหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ในขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้นเอง.. เอลร่าก็พูดขึ้น
“หน้าเจ้ามันฟ้องว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ตรงนี้นะ เจ้าหนูคาริล จมูกเจ้าไวนักไม่ใช่เหรอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วนี่ ไม่ต้องมาทำเป็นเสแสร้งเหมือนกับเจ้ามังกรเฒ่านี่ก็ได้นะ”
“แหะๆ เจ้าคือแม่ของเด็กนั่นใช่ไหมล่ะ”
ในขณะที่ทุกคนต่างพากันงงงวย เหมือนกับคาริลจะรู้อะไรบางอย่างอันที่จริงเขาอาจจะรู้ตั้งแต่ก่อนหน้า หรืออาจจะพึ่งรู้จากการปรากฏตัวของเอลร่าไม่มีใครทราบ
แต่ทันทีที่คำพูดของเขาดังขึ้น จักรพรรดิมังกรริสเวลก็เบิกตากว้างในขณะที่เลเวียกับลูเซียโน่ก็ตกใจ
“ห้ะ..?”
ทั้งสองคนสามีภรรยาต่างพากันงงงวยออกทางสีหน้าชัดเจน.. เอลร่าที่เห็นสองคนงงงวยก็หันกลับมากล่าวทักทายทั้งสอง
“ข้าต้องขอแนะนำตัว ข้าคือ เอลร่า เนล ฟาร์เนีย.. ต้องขอบคุณพวกเจ้าจริงๆ ที่ให้เด็กคนนี้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี”
ถึงเลทิเซียจะทำจี้คอหายไปแล้วแต่ข่าวจากปากของลาน่าก็ส่งมาหาเธอตลอดไม่ว่าจะเรื่องการพัฒนา ความสัมพันธ์ต่างๆ
ดังนั้นสำหรับเธอทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนต่างเผ่า.. แต่เป็นเหมือนคนพิเศษสำหรับเธอไปแล้วมากกว่า ยังไงซะพวกเขาก็เลี้ยงดูลูกตัวเองให้ตลอดสิบกว่าปี
“แบบนี้นี่เอง.. เป็นแบบนั้นเองสินะ ฮ่าๆ”
ในตอนที่ทุกคนกำลังทักทายกันนั้นเองเสียงหัวเราะของจักรพรรดิริสเวลก็ดังออกมา
“จะว่าไปนะเจ้ามังกรเฒ่ากับเจ้าหนูคาริล พวกเจ้าบอกว่าลูกสาวข้าผิดสนธิสัญญาสินะ.. แต่ไม่ใช่ว่าเจ้ามังกรเฒ่ากำลังรวบรวมคนอยู่เหรอ ได้ยินว่ารวบรวมพวกนอกคอกมาจากนอกแผ่นดินใหญ่ ข้าละอยากรู้จริงๆ ว่าพวกเจ้ารวบรวมกำลังคนไปทำไม.. หรือว่าจะ… สงคราม?”
“แล้วก็เจ้าหนูคาริล อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ เจ้าคิดดีแล้วเหรอส่งเด็กของเจ้าเข้าไปในโรงเรียนเวทมนตร์ทั้งห้า? ไม่รู้หรือไงว่าในสัญญาก็มีการกล่าวถึงห้ามบุกรุกเข้าไปในสถานที่ศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะสงครามก็ตาม ถึงจะเป็นสัญญาที่เพิ่มมาหลังจากโรงเรียนถือกำเนิดขึ้น แต่มันใช่สิ่งที่เจ้าจะมองเมินได้ที่ไหน?”
เสียงของเอลร่าเต็มไปด้วยความเฉียบขาด เธอกล่าวโดยไม่ได้หันมามองทั้งคู่ด้วยซ้ำ จักรพรรดิริสเวลสบถอย่างเย็นชา
“หึ มันใช่เรื่องที่ข้าจำเป็นต้องบอกกับเจ้า?”
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกสิ ถ้าหากกองทัพเจ็ดมารของข้าผ่านไปทางจักรวรรดิและเผลอทุบทำลายทิ้งก็อย่ามาว่ากันนะ.. อ่า ไม่สิ ไม่ใช่จักรวรรดิแต่เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ แล้วนี่น่า..”
แน่นอนว่าถึงจะกล่าวแบบนั้นแต่ที่ตั้งอาณาจักรฟาร์เนียกับฐานทัพของจักรพรรดิริสเวลก็อยู่ห่างไกลกันจนยากจะคำนวณ มันเป็นแค่คำขู่เท่านั้น
แต่มีหรือเผ่ามังกรที่หยิ่งยโสจะปล่อยให้ผู้อื่นดูถูกได้ พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งผยองยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น
ดวงตาของเขามืดมัวลงจ้องไปที่เอลร่าก่อนจะพูดอย่างเย็นชา
“ข้าได้ยินว่าเจ้าให้ลูกชายตัวเองสืบทอดพลังไปแล้วนี่.. คิดหรือว่าตัวเองในตอนนี้จะสามารถต้านทานการโจมตีจากข้าได้?”
พอจักรพรรดิริสเวลกล่าวแบบนั้นแขนซ้ายเขาก็มีวงแหวนเวทมนตร์มากมายปรากฏขึ้นส่งผลให้คลื่นอากาศรอบด้านบิดเบือน
พอเลเวียได้ยินแบบนั้นเธอก้รู้ทันทีว่าจอมมารเอลร่าในตอนนี้กลายเป็นอดีตจอมมารไปแล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง
เธอคงตายทันทีแน่.. และหากพิจารณาจากทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด.. เลเวียก้าวขาไปข้างหน้าและพูดขึ้น
“ถึงข้าจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ.. แต่ถ้าเจ้าเป็นแม่ของเด็กคนนี้จริงๆ .. ข้าคงปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไม่ได้… อีกอย่าง…”
“อีกอย่าง?”
เอลร่ากล่าวถามอย่างสงสัย เลเวียก็หันหน้ามาพูดกับเธอว่า
“ข้ายังไม่ได้ต่อยหน้าเจ้าเลยที่ทิ้งลูกตัวเองไว้กลางป่า… ในฐานะคนเป็นแม่ของเด็กคนนั้นเหมือนกัน ข้าไม่ยกโทษให้เจ้าแน่”
พอได้ยินคำพูดนั้นเอลร่าก็ยิ้มออกมา.. เธอคนนี้เป็นคนดีจริงๆ สมแล้วที่เป็นเทพ ไม่สิ เทพก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะหมด
คงพูดว่าสมแล้วที่เป็นเทพไม่ได้.. สมแล้วที่เป็นแม่เลี้ยงของเลทิเซีย..คงจะเหมาะมากกว่า แต่ว่า..
“แต่ว่า.. ไม่ต้องห่วงหรอก คนที่ดูถูกข้าไม่มีใครรอดไปง่ายๆ สักคน”
เธอพุดแบบนั้นเสร็จ คนที่สะดุ้งกับคำนี้ก่อนใครคืออมมารคาริล เพราะเขาก็เคยสู้กับอีกฝ่าย บางทีเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ว่าด้วย
ยังไม่ทันได้โจมตีพลังเวทของจักรพรรดิริสเวลก็สลายหายไปแขนซ้ายที่ทรงพลังก็บิดเบี้ยวและหักลงตรงนั้นโดยที่เอลร่ายังไม่ทันได้ทำอะไรที่เหมือนเป็นการโจมตีเลย
“ชิ… น่ารำคาญจริงๆ พลังเวทประจำตัวยังไม่หายไปอีกหรือไงนังจอมมาร”
จักรพรรดิมังกรริสเวลพูดอย่างเย็นชาพลังเวทประจำตัวเปรียบเหมือนพลังของผู้กล้าอย่างลูเซียโน่ที่มีพลังแห่งแสง
หรือพลังไร้ตรรกะของเลมิสทาเรีย.. ของเลทิเซียก็สามารถมีได้เช่นกัน แต่เนื่องจากเธอเป็นจอมมารคนที่สิบสามที่ไม่ได้สืบทอดพลังจากใคร
พลังประจำตัวเธอจึงต้องสร้างเอง.. ใช่แล้วพลังเวทประจำตัวจะถูกส่งต่อเหมือนพลังรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง..
และพลังของเอลร่าก็คือ… ไร้ประสงค์ นี่คือชื่อที่จอมมารรุ่นก่อนๆ เรียก.. ความสามารถของมันเข้าใจได้ง่ายนิดเดียวตามชื่อ
ไร้ประสงค์ พลังนี้จะทำงานโดยไม่สนระยะหรือเวลาตราบใดที่มีคนคิดร้ายต่อเอลร่า พลังมันจะทำงานทันที
แต่ความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับการปลดปล่อยพลังของเจ้าตัวเช่นกัน เช่นว่าหากมีคนคิดร้ายโดยไม่รู้ตัวผลกระทบอาจจะไม่มา
แต่ถ้าเธอทราบและต้องการให้อีกฝ่ายตาย.. ก็สามารถตายได้ทันทีเช่นกัน นั่นแหละคือความแข็งแกร่งของเวทประจำตัวเอลร่า
ความจริงมันควรจะหายไปแล้วแต่ที่มันยังไม่หายเพราะว่าลูกชายเธอยังไม่พร้อมสำหรบเวทมนตร์นี้
ดังนั้นมันจึงอยู่กับเธอ.. นี่แหละคือความเหนือชั้นของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า..
จอมมาร!