การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 143
บทที่ 143 – ชาร์ล็อต
ข้าคือชาร์ล็อต.. มีพี่น้องฝาแฝดที่ชื่ออันน่า พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ที่ข้ายังเป็นเด็ก อันน่ามักจะคอยปกป้องดูแลข้าอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นจากมอนสเตอร์ปีศาจหรือมนุษย์ พวกเราอยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นตลอดมา
จนกระทั่งข้าได้มารู้จักเด็กผู้หญิงที่ชื่อเลทิเซีย ข้ารู้สึกว่าเธอเป็นคนที่แปลกๆ นิดหน่อย แต่ก็เป็นคนดีมาก
อันที่จริงข้าเหมือนเคยเจอเธอมาก่อนแต่นึกไม่ออก อาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเวลามองเธอมันทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ
อาจจะเพราะเธอเป็นเพื่อนคนแรกนอกจากอันน่า? หรือจะเป็นเพราะเธอเก่ง ข้าเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ข้าชอบที่จะมองดูเธอตลอด
แต่อันน่าเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยในตอนแรกเพราะเธอคิดว่าข้าอาจจะโดนหลอกอยู่ แต่ข้าเชื่อว่าไม่ใช่แบบนั้น
ข้าไม่ได้ว่าอันน่าหรอกเพราะว่าเมื่อก่อนมันก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน.. ข้าอาศัยอยู่คนเดียวพยายามเอาตัวรอดในป่า
บางครั้งก็หิวจนหมดสติ แต่พอตื่นขึ้นมาก็เลิกหิว จนต้องหาของกินแต่เห็ดบางอันก็มีพิษจนทำข้าหมดสติ โชคดีที่ไม่ถึงตายเลยสักครั้ง
อันน่าเลยดูแลข้าเหมือนเป็นพี่ อยู่มาวันหนึ่งมีเด็กๆ จากในหมู่บ้านมาเล่นกัน.. ข้าเห็นพวกเขาข้าเลยอยากจะไปเล่นด้วย
แต่ข้าก็ถูกแกล้งโดยถูกหาว่าเป็นพวกเดียวกับมอนสเตอร์ที่ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีที่มา ไม่มีที่ไป สุดท้ายก็ถูกรุมแกล้ง
ดึงผม ปาดินใส่… ข้าเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป ไม่มีพ่อหรือแม่ ไม่มีญาติมิตรหรือสหาย .. แต่อันน่าก็โผล่มากอดข้าเสมอว่า “เจ้ามีข้า..”
ข้ายังมีอันน่าอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ข้ามีเลทิเซียด้วยแล้ว และข้าเชื่อว่าเลทิเซียเป็นคนดีมาก ไม่รู้สิ แปลกจริงๆ
แถมเธอไม่เอาเรื่องฝาแฝดนี้ไปบอกใครด้วย ข้าเลยเลือกที่จะเชื่อใจเธอละมั้ง จะว่าไปนอกจากเลทิเซียข้ามีเพื่อนคนหนึ่งด้วยในสมัยเด็ก
ข้าจำเธอไม่ได้หรอกว่าเธอเป็นใครนะ แต่เธอเป็นคนให้แหวนวงนั้นกับข้า เธอบอกว่าจงเก็บมันไว้เหมือนเป็นอีกครึ่งในชีวิตของตัวเอง
ดังนั้นพอข้าฝากความลับกับความเชื่อใจไว้กับเลทิเซียข้าเลยยอมมอบอีกครึ่งชีวิตของข้าให้ยังไงล่ะ
“อันน่า.. เลทิเซียจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม..?”
ข้าถามอันน่าด้วยความกังวลเลทิเซียหายตัวไปไม่กลับมาเหมือนคนอื่น ทำให้ข้านั่งเตียงไม่ติด ข้าได้แต่ต้องมองไปที่เตียงของเลทิเซียด้วยความกังวล
“กังวลอะไรของเธอ เลทิเซียนั่นน่ะรับมือกับการลอบโจมตีของข้าคนนี้ได้เลยนะ จะมีใครยังเอาชีวิตเธอได้อีก”
“แต่ว่า อันน่าก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นนี่น่า”
“เธอแค่ยังไม่ได้เข้าใจถึงความโหดของข้าคนนี้ต่างหาก”
“…เฮ้อ.”
ข้าถอนหายใจออกมาเบาๆ ก็รู้ว่าอันน่าอยากทำให้ข้าหายเศร้า แต่ว่าเลทิเซียหายไปเป็นเดือนหลังจากที่คนอื่นกลับมาหมดแล้วนะ
จะให้ข้าไม่กังวลได้ไง อันน่าเห็นข้าถอนหายใจเธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ยัยนั่นจะต้องไม่เป็นอะไร.. เชื่อข้าสิ”
“อืม..”
และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินข่าวของเลทิเซีย ใช่ อันน่าไม่เคยโกหกข้าอยู่แล้วสินะ ก็พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกันนี่
เลทิเซียกลับมาถึงตอนกลางดึก ข้าเลยวางแผนว่าจะแกล้งเธอให้ตกใจสักหน่อย ให้อันน่าปลอมตัวเป็นข้า
และพอข้าเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา ข้าก็เห็นว่าเธอแปลกไป..ยิ่งหลังจากที่อันน่าเข้าไปคุยยิ่งชัดเจนขึ้นมาก ข้ารู้สึกเหมือนกับตอนที่ข้าเคยทะเลาะกับอันน่า
เรื่องที่ข้าไว้ใจเลทิเซียมากเกินไป พวกเราคุยกันไม่ติดไปพักหนึ่ง ตอนนี้เธอก็มีท่าทางแบบนี้ เหมือนกับข้าตอนนั้นเลยไม่มีผิด
ข้าตระหนักถึงปัญหาของเลทิเซียได้ทันที แต่ว่าปัญหาของเธอข้าจำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวจริงๆ อย่างนั้นเหรอ
ตัวข้านั้นมีคุณสมบัตินั้นจริงๆ อย่างนั้นเหรอ ข้ามองเลทิเซียที่มีท่าทางเหมือนปกติ แต่ข้าสัมผัสถึงความกังวลและเสียใจภายในดวงตาของเธอ
ข้าทนไม่ได้ เลทิเซียที่ไม่ร่าเริงน่ะข้าจะทนปล่อยไปเฉยๆ ได้ยังไงข้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเธอ…
แต่ว่าจะทำยังไงล่ะ ถ้าจะเดินไปบอกว่าเลิกเศร้าได้แล้ว แบบนั้นมันไม่ช่วยอะไรเลยนะ มันจะตรงกันข้ามมากกว่าน่ะสิ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนถ้าหากทำผิดวิธีจากความเศร้าของอีกฝ่ายจะพาลมาเป็นความโกรธที่มีต่อตัวเราได้
เอ่อ.. ฟังมาจากคุณครูสอนวิชาจิตวิทยาอีกทีอะนะ แต่ในตอนนั้นเองเลทิเซียก็บอกจะอาบน้ำข้าก็นึกวิธีนั่นออก
เปิดอกคุยกัน!
ว่ากันว่าการเปิดอกคุยกันจะสามารถเข้าใจกันและกันได้ แต่อย่าเข้าใจผิดไป ยังไงข้าก็รู้ว่าเปิดอกคุยกันคือการเปรียบเทียบ
ไม่ได้หมายถึงว่าต้องผ่าอกแล้วคุยกัน.. แล้วยังไงคือการเปิดอกคุยกันล่ะ.. แน่นอนเป็นคำถามที่ใครๆ ก็รู้คำตอบ
ก็คือการอาบน้ำยังไงล่ะ ใช่เพราะอาบน้ำต้องปลดเปลื้องทุกอย่างก็เหมือนนิยามความหมายของคำว่า ‘เปิดอก’ คุยกัน
ก็คงหมายถึงแบบนี้!
(ก็ยังไม่ถูกอยู่ดีน่ะนะ ชาร์ล็อต)
แต่จะเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้ามันก็ยังไงๆ อยู่ ข้าเลยแกล้งทำเป็นเหมือนอันน่าบังคับให้เข้ามา ถึงจะไม่ดีที่โกหกก็เถอะนะ
พอได้โอกาสข้าเลยถามเลทิเซียไป ทำให้เธอตกใจมาก ดูเหมือนว่าเธอจะทะเลาะกับน้องสาวอย่างท่านเลวิเนียอยู่จริงๆ ด้วย
ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าสองพี่น้องนี้จะทะเลาะกันได้ เพราะท่านเลวิเนียเป็นคนที่นับถือและรักพี่สาวของตัวเองมากเพราะการแสดงออกของเธอมันชัดเจนมาก
ในขณะที่เลทิเซียก็ใจดีและอ่อนโยนกับเลวิเนียเสมอมา พวกเธอจะทะเลาะกันด้วยเหตุผลอะไรข้านึกไม่ออกจริงๆ
เธอไม่ได้ตอบคำถามข้าต่อ แต่เธอยังคงถูหลังข้าต่อไปด้วยความเงียบ.. ข้าเงียบไปสักพักก็พูดขึ้น
“เลทิเซียรู้หรือเปล่าว่า ข้าน่ะไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนเลย.. ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีข้ามีตัวคนเดียว..”
“มีเพียงอันน่าเท่านั้นที่คอยเป็นคนช่วยเหลือข้า แต่พวกเราก็ไม่สามารถจับมือกันได้.. ไม่สามารถหัวเราะพร้อมกันและเล่นสนุกๆ กันได้”
“แต่ว่ามีเลทิเซียคนแรกที่รักษาสัญญาและเป็นเพื่อนกับข้า… แถมยังคอยที่จะตักเตือนและพูดคุยกับข้าทุกคืนโดยไม่รังเกียจในฐานะที่เป็นเผ่าอสูร..”
ข้าค่อยๆ หันหน้าไปหาเลทิเซียแล้วก็จับมือเธอมาวางที่หน้าอกของตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร..
“เพราะงั้นแล้ว ถ้าหากมีปัญหาก็สามารถมาเปิดอกคุยกับรูมเมจคนนี้ได้นะ.. พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่น่า”
“…..”
ข้ามองไปที่หน้าเลทิเซีย.. แต่พอข้าเห็นหน้าของเธอข้าก็ต้องปล่อยมือเธอออก.. ข้าถอยไปด้านหลัง
ทำไมล่ะ.. ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ สีหน้าของเลทิเซียนั้นกำลังบิดเบี้ยว ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
ทำไมล่ะ ข้าแค่ต้องการให้เธอดีขึ้น แต่ทำไม… ทำไมเธอถึงได้ทำหน้าทรมานแบบนั้น.. ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะทำไปเพื่ออะไร
เพื่อให้เธอเจ็บปวดมากกว่าเดิมงั้นเหรอ..
“ข้า….”
ข้าเปิดปากแต่กลับไร้คำพูดจะเปล่งออกไป เลทิเซียไม่ได้ตอบคำถามของข้า เธอเปิดปากออกพยายามพูดแต่กลับไม่มีเสียงลอดออกมา
เธอเหมือนกำลังทรมาน… ทรมานในสิ่งที่ข้าไม่รู้…
“พวกเรา… ไม่ใช่เพื่อน…”
“….”
…….
ใช่.. เธอกำลังทรมานในกรงขังที่เรียกว่า.. เพื่อน
ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือในปัจจุบัน.. คำว่าเพื่อนก็ยังเป็นคำที่เลทิเซียหวาดกลัวที่สุด… ในหัวของเธอที่มีความเจ็บปวดทรมานจากเลวิเนีย
ในตอนนี้กำลังหวาดกลัวในสิ่งที่เรียกว่าเพื่อน … กลัวความเจ็บปวดในอดีตจะกลับมาอีกครั้ง…
ทำไมไม่ว่าจะเป็นทสึรุ.. หรือแม้แต่ชาร์ล็อตเอง.. ยิ่งทำให้ตัวของเลทิเซียสับสนมากยิ่งกว่าเดิม