การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 89
“ยินดีต้อนรับกลับครับ ท่านอาร์โนลด์”
“อา, อา, กลับมาแล้ว”
ด้วยการพูดคุยกันเช่นนี้กับอัศวินที่ทำหน้าที่คุ้มกัน, ฉันก็เข้าไปในคฤหาสน์แอมส์เบิร์ก
พอเข้ามาข้างในแล้ว, พ่อบ้านที่รู้จักที่นั่นก็เข้ามาทักทายฉัน เขาบอกฉันว่าเอลน่ากับคุณแอนนากำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่และเริ่มพาฉันไปหาพวกเขาโดยไม่ไปขออนุญาตเจ้าบ้านทั้งสองก่อน
นี่ถือเป็นเรื่องปกติในตอนที่ฉันมาเยี่ยมพวกเขา
นี่พวกเขาเปิดรับกันขนาดนี้เลยสินะ?
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้, ฉันก็มาอยู่ต่อหน้าพวกเธอทั้งสอง
“อ้าว? อัลนี่ ยินดีต้อนรับจ้ะ”
“ขอโทษที่บุกเข้ามานะครับคุณแอนนา
คุณแอนนาไม่ได้ประหลาดใจเลยและต้อนรับฉันด้วยรอยยิ้มตามปกติ
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วพาเซบาสออกไปที่ไหนซักแห่ง เธอน่าจะออกไปเตรียมอาหารให้ฉัน
ฉันรับความปราถนาดีของเธอแล้วไปนั่งลงตรงข้ามเอลน่า
“อัล? เกิดอะไรขึ้น? วันนี้เจ้าควรจะอยู่ที่งานเลี้ยงไม่ใช่หรอ?”
“มันน่าเบื่อหน่ะก็เลยชิ่งมา”
ฉันพูดออกไปแบบนั้นแล้วเอาสุราที่ฉันหยิบมาจากบนโต๊ะ
ไวน์จากปราสาทนั้นเป็นของค่อนข้างดี รสชาติของมันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
“มันยังเร็วเกินไปนะ…..นี่เจ้าออกมาก่อนองค์จักรพรรดิหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ถึงยังไงก็ไม่มีใครสนใจข้าอยู่แล้ว ดาวเด่นของคืนนี้คือลีโอกับท่านพี่ลีเซต่างหากหล่ะ”
“เจ้าพูดแบบนั้นออกมาอีกแล้วนะ…..”
เอลน่าพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
เธอยังคงเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยซักนิด
แต่ถึงอย่างนั้น, คนที่ทำตัวผิดปกติที่นี่อาจจะเป็นฉันก็ได้
ในตอนที่ฉันหยิบแก้วสองใบจากบนโต๊ะ, เอลน่าก็ห้ามฉัน
“เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึไงว่าข้าไม่ดื่ม?”
“ตอนกินกับเพื่อนก็ด้วยหรอ?”
“เห้อ…..แค่นิดเดียวนะโอเคไหม?”
เนื่องจากเอลน่ายอมหยวนๆให้, ฉันจึงรินไวน์ในแก้วใบแรกเพียงเล็กน้อยและอีกแก้วฉันได้รินจนปริ่ม
จากนั้น, ฉันก็ส่งแก้วที่รินน้อยกว่าให้เอลน่า
ความเงียบปกคลุมพวกเราในระยะเวลาสั้นๆ
เอลน่าไม่ได้พูดอะไรเลย บางทีเธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันอยากจะพูดแต่เธอก็ไม่อยากเร่งฉัน
ด้วยความรู้สึกขอบคุณเธอ, ฉันก็ก้มศรีษะลง
“ขอโทษนะ…..”
“ขอโทษเรื่องอะไรกัน”
“……ภาพจากนิมิตของคริสต้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวยังไง, อนาคตก็ได้ถูกติดสินไว้แล้วว่าคริสต้าจะถูกลักพาตัว แต่ถึงอย่างนั้น, ข้าก็ยังขอให้เจ้าช่วยคุ้มกันเธอ…….”
“งั้นหรอ? แต่สุดท้ายแล้วข้าก็ช่วยริต้าเอาไว้ได้ไม่ใช่รึไง?”
“ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะทำอะไรซักอย่างได้ด้วยพลังของเจ้า แต่ว่า…..ที่ข้าไม่ได้บอกว่าอนาคตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็เพราะข้าไม่อยากทำให้เจ้ารู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง นี่คือสาเหตุที่ข้าปิดเรื่องนี้เอาไว้ ข้า….หลอกให้เจ้าทำ……”
“….คิดจะดูถูกกันรึไง”
เอลน่าพึมพำ
อย่างไรก็ตาม, น้ำเสียงของเธอไม่ได้โกรธ
ในตอนที่ฉันเงยหน้าขึ้น, เอลน่าก็จ้องตรงมาที่ฉัน
“การที่เจ้ามาขอโทษคือการดูถูกข้านะ, อัล”
“….แต่ว่า…..สำหรับเจ้าแล้วภาคีเป็น……”
“ใช่, มันเป็นความฝันของข้า ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เข้าภาคี ข้าได้รับการเลี้ยงดูพร้อมกับถูกบอกมาว่าการเข้าร่วมกับภาคีอัศวินหลวงและปกป้องราชวงศ์คือหน้าที่ความรับผิดชอบของแอมส์เบิร์ก นี่คือสาเหตุที่ข้ารู้สึกมีความสุขจริงๆในตอนที่ข้าสามารถเข้าร่วมภาคีได้ ข้าถึงกับเล็งตำแหน่งหัวหน้าผู้บัญชาการเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่, ข้าก็ยังยอมสละทั้งหมดให้ ดูเหมือนว่าเพราะเหตุการณ์นี้, ตอนนี้จึงดูเหมือนว่าความฝันของข้ากำลังถอยห่างออกไปแต่มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก”
พอพูดจบ, เอลน่าก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริงๆ
แต่ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้กลายเป็นอัศวินหลวงโดยไม่พึ่งพาชื่อของแอมส์เบิร์ก
แม้ว่าฉันจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของเธอสูญเปล่า, แต่เอลน่าก็ยังไม่โกรธและยิ้มให้ฉันเฉยๆ
มันเจ็บปวดจริงๆ
ถ้าเธอโกรธฉันคงจะทำให้รู้สึกดีกว่านี้มาก
“…….”
“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว ข้าบอกแล้วไง คำสาบานของข้าสำคัญกว่าเกียรติยศของข้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก อัล, ข้าจะไม่มีวันโทษเจ้า ข้าก็แค่ทำตามคำสาบานของข้า มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ข้ารับผิดชอบเอง ยิ่งไปกว่านั้น, ข้ามีประโยชน์ใช่ไหมหล่ะ?”
“…..อา, แน่นอนสิ, มีประโยชน์มากเลยหล่ะ”
“ข้าดีใจนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วหล่ะ คริสต้ากับริต้าปลอดภัยดีและข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้ ข้าคิดว่านี่แหล่ะคือชัยชนะของข้าแล้ว แต่พูดตามตรง, มันคงจะดีกว่านี้ถ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้มากกว่านี้”
เอลน่าพูดออกมาในขณะที่ยิ้มให้แก้วไวน์ที่เธอกำลังถืออยู่อย่างเริงร่า
จากนั้น
“ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็หยุดทำหน้าสลดได้แล้ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่? ถ้าแค่มาขอโทษข้าก็ถือว่าเรียบร้อยแล้วไม่ใช่รึไง? เอาเถอะ, มาฉลองกันดีกว่า แด่ชัยชนะเล็กๆของข้า”
เอลน่ายกแก้วขึ้นในขณะที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้, ฉันก็คงมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว
พอสลัดความลังเลและความเสียใจทิ้งไป, ฉันก็ยกแก้วขึ้น เอลน่าเรียกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ว่าชัยชนะ คนส่วนใหญ่คงจะบอกว่ามันเป็นความพ่ายแพ้ของเธอ, แต่ฉันมั่นใจว่านี่คือชัยชนะของเธอ
ฉันต้องฉลองกับเธอ
ถึงยังไง, มันก็คือชัยชนะของดาบของฉัน
“แด่ชัยชนะเล็กๆของเจ้า”
“ใช่แล้ว, แด่ชัยชนะเล็กๆของข้า”
พอพูดจบพวกเราก็ชนแก้วกันแล้วดื่มอวยพร
เอลน่าค่อยๆเอียงแก้วของเธออย่างนุ่มนวลแต่ฉันดื่มที่อยู่ในแก้วเข้าไปพรวดเดียวแล้วรินเพิ่ม
“รู้ใช่ไหมว่าถ้าดื่มแบบนั้นหลังจากนี้เจ้าจะได้เสียใจแน่?”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ในเมื่อเรากำลังฉลองกันดื่มแบบนี้มันดีกว่านะ”
“เจ้าพูดเหมือนกับตัวเองเป็นนักผจญภัยเลยนะ เอาเถอะ, ข้าก็ไม่รังเกียจหรอก”
ในตอนที่เอลน่าพูดออกมาแบบนั้นฉันก็หยุดมือ
ความรู้สึกผิดทำให้ฉันรู้สึกอยากจะสารภาพทุกอย่างกับเธอ
อย่างไรก็ตาม, ฉันหยุดตัวเองเอาไว้ก่อนที่ฉันจะทำแบบนั้นไปและกลืนมันทั้งหมดลงไปกับไวน์
ตอนนี้, เปิดเผยความลับนี้กับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าฉันบอกไปตอนนี้, ฉันก็มีแต่จะเอาความลับที่ไม่จำเป็นไปให้เธอต้องแบกรับ
ฉันจะต้องบอกเธอซักวันนึงแต่มันไม่ใช่วันนี้
มันมีแต่จะสร้างปัญหาให้เธอ การทำตัวตามใจที่นี่เลยมันเป็นเรื่องง่ายๆแต่ฉันจะทำตามใจกับเธอไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แม้กระทั่งฉันเองก็มีทิฐิเหมือนกัน
“เอลน่า…..ข้าจะทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน”
“อะไรหล่ะเนี่ยจู่ๆก็?”
“ดูเหมือนข้าจะเริ่มเมาแล้วหล่ะมั้ง…..”
“หึหึ, เจ้าไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นไม่ใช่รึไง?”
“บางครั้งข้าก็คออ่อนเหมือนกันนะ…..ถ้าลีโอได้กลายเป็นจักรพรรดิ, เขาจะต้องทำลายธรรมเนียมไร้สาระนี้ทิ้งไปแน่ๆ สงครามผู้สืบทอดได้ผลในเรื่องการเพาะเลี้ยงจักรพรรดิที่มีความสามารถจริงๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น, ประเทศของเรามีจำนวนผู้นำโง่น้อยจนน่าเหลือเชื่อ แต่การเสียเลือดเสียเนื้อมากขนาดนี้มันไร้สาระเกินไป…..ถ้าเป็นเขา, เขาจะต้องหาวิธีอื่นได้แน่ๆ, นี่คือสิ่งที่ข้าคิด”
ฉันไม่ได้มีความคิดที่จะตาย
ฉันอยากมีชีวิตอยู่ตามความต้องการของตัวเอง, เป็นนักผจญภัยตามความต้องการของตัวเอง, และตายตามความต้องการของตัวเอง นี่คือแผนการใช้ชีวิตของฉัน
และเป็นเหตุผลที่ทำไมวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นก็คือการทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ฉันผลักดันให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ
อย่างไรก็ตาม, ตราบใดที่ธรรมเนียมไร้สาระนี้ยังดำเนินต่อไป, ฉันก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น
ต่อให้พวกเรารอดไปได้, ลูกๆของพวกเราก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดในรุ่นถัดไป
ในตอนที่ฉันจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดนั้น, ฉันลังเลแต่ว่าฉันก็ยังมีพลังที่จะเข้าร่วมมัน แต่นี่ไม่ใช่สำหรับคริสต้า และมันก็อาจไม่ใช่สำหรับราชวงศ์ส่วนใหญ่ที่จะถือกำเนิดในอนาคตด้วย
การที่ต้องมาพัวพันกับมันทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้อยากได้บัลลังก์เลยนั้นมันไร้เหตุผลเกินไป
“ข้าสงสัยเรื่องนี้อยู่นะ สงครามผู้สืบทอดมันมีมานานแล้วไม่ใช่หรอ? มันคือหน้าที่ของราชวงศ์ที่จะต้องผลิตผู้นำที่ดีออกมา ถ้ามีจักรพรรดิไม่ได้ความที่ควบคุมจักรวรรดิที่กว้างใหญ่นี้ไม่ได้หล่ะก็เลือดจะหลั่งไหลมากกว่าสงครามผู้สืบทอดด้วยซ้ำ แถมนั่นจะเป็นเลือดของประชาชนด้วยนะ”
“ข้ารู้ ข้าเองก็คิดว่าสิ่งที่ข้าต้องการนั้นมันคือความเห็นแก่ตัว ตราบใดที่เกิดเป็นราชวงศ์, ก็จะไม่สามารถหนีจากหน้าที่ของมันได้ ข้ารู้ถึงราคาที่พวกเราต้องจ่ายดี…..แต่ถ้าข้าพอใจกับเรื่องนั้น, ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก ในครอบครัวของข้าน่าจะมีคนอื่นที่คิดเหมือนข้าอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครทำอะไร และถ้าพวกเราฝากเอาไว้กับอนาคตมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่กลายเป็นจักรพรรดิซะเองหล่ะ?”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยหน่า…..ต่อให้ข้าคิดว่ามันคือธรรมเนียมที่ไร้เหตุผล, แต่มันก็ยังมีข้อดีในตัวมันเอง ถ้าข้าต้องทำการตัดสินตามความเป็นจริงข้าก็มั่นใจเลยว่าข้าคงไม่ทำลายมันทิ้งหรอก นี่คือสาเหตุที่ข้าเลือกสนับสนุนให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ”
“แล้วถ้าลีโอได้ข้อสรุปเดียวกันกับเจ้าหล่ะ?”
“ไม่หรอก เขาไม่เหมือนข้า แทนที่จะเลือกวิธีการตามหลักความเป็นจริงและมีประสิทธิภาพ, เขาจะหาวิธีอื่นที่เข้ากับอุดมคติของเขา”
พอได้ฟังคำพูดของฉัน, เอลน่าก็ยิ้มออกมา
จากนั้นเธอก็ยกแก้วขึ้นมาทางฉัน
“นั่นสินะ ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ลีโอมีบางอย่างที่ทำให้ผู้คนอยากฝากความหวังเอาไว้กับเขา นั่นคือสาเหตุที่ผู้คนสนับสนุนเขาใช่ไหมหล่ะ”
“เจ้าก็เข้าใจสินะ?”
“ที่ตอนนี้เจ้ามีความสุขก็เพราะข้าพึ่งชมน้องชายของเจ้าหรอ?”
“อา, ก็นะ”
ในขณะที่บทสนทนาดำเนินไปเช่นนี้, ฉันกับเอลน่าก็ดื่มจนหมดขวด
และพอกำลังจะเปิดขวดใหม่นั้นเอง, คุณแอนนากับเซบาสก็กลับมา
พร้อมกับพาแขกมาด้วยอีกหลายคน
“เอลน่า……!”
“พี่เอล!”
คริสต้ากับริต้าที่ถูกคุณแอนนานำทางมาที่นี่วิ่งเข้าไปกอดเอลน่า
“องค์หญิงคริสต้า, ริต้าด้วย…..มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย?”
“ข้าพาเธอมาเองแหล่ะ”
พอพูดจบ, ท่านพี่ลีเซก็เข้ามาหาเอลน่า
ซึ่งเอลน่าที่รู้สึกประหลาดใจกับการปรากฎตัวของท่านพี่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“องค์หญิงลีเซล็อตต์!? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ!”
“อา, ไม่ได้เจอกันนานเลย ไม่ต้องทำตัวจริงจังหรอก วันนี้ข้ามาขอบคุณเจ้า ขอบคุณจริงๆนะที่ช่วยปกป้องคริสต้ากับเพื่อนของเธอเอาไว้”
“ไม่หรอกค่ะ, ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก…..”
“อย่าถ่อมตัวนักซิ ดูเหมือนว่าเจ้าจะดูแลอัลกับลีโอเป็นอย่างดีเลยไม่ใช่หรอ แค่นี้ข้าก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”
“ท่านพี่, ข้าไม่ได้รบกวนเอลน่าขนาดนั้นซักหน่อย”
ในขณะที่ฉันพูดออกมาแบบนั้น, ลีโอก็โผล่มาพร้อมกับไวน์และขนมอีกเพียบในมือทั้งสองข้างของเขา
นี่เจ้าจำเป็นต้องแบกทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่หรอ? เขาสมควรจะเป็นดาวเด่นของคื่นนี้ไม่ใช่รึไงแบบนี้มันไม่ดูน่าสงสารเกินไปหรอ?
“ฮึ้บ…..เอามาเท่านี้พอรึเปล่านะ?”
“ทั้งสองคนเป็นตัวหลักของคืนนี้ไม่ใช่หรอ?…..เดี๋ยวหลังจากนี้โดนท่านพ่อดุเอาไม่รู้ด้วยนะ?”
“ท่านพ่อกลับไปแล้วและคนที่อยากทำแบบนี้ก็คือท่านพี่ลีเซต่างหากหล่ะครับ ข้าขัดเธอไม่ได้ก็รู้อยู่นี่”
“ท่านพี่นี่ก็นะ……..”
“ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าไม่อยู่แล้ว งานเลี้ยงควรจัดกับคนที่ทำอะไรซักอย่างที่สมควรได้รับมัน, เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”
“เพื่อเหตุผลแบบนี้เนี่ยนะ?…..แต่เจ้าก็รู้ดีจังเลยนะว่าข้าอยู่ที่นี่”
ฉันถามลีโอเนื่องจากฉันคิดว่าลีโอเป็นคนที่พามาแน่ๆแต่เขาก็ส่ายศรีษะ
แล้วลีโอก็หันไปมองข้างหลัง
ที่นั่นฟีเน่กำลังยืนอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินของเธอ
“คุณฟีเน่บอกว่าเธอมั่นใจว่าท่านพี่จะต้องอยู่บ้านของเอลน่าแน่ๆดังนั้นพวกเราก็เลยตัดสินใจพากันมาที่นี่ แล้วท่านพี่ลีเซเองก็บอกว่าอยากจะมาขอบคุณเอลน่าด้วยเพราะฉะนั้นข้าก็เลยคิดว่าถือเป็นโอกาสที่ดี”
“ฝีมือฟีเน่หรอ?”
“ค่ะ, ข้าคิดว่าท่านอัลจะต้องมาที่บ้านของท่านเอลน่าแน่ๆ”
ไม่นึกเลยว่าจะมีคนอื่นนอกจากเซบาสที่อ่านทางฉันออก
แม้แต่ลีโอก็ไม่รู้ว่าฉันไปที่ไหน จะบอกว่าสมกับเป็นฟีเน่ก็คงได้หล่ะมั้ง หรือบางที, ตัวฉันในวันนี้จะอ่านง่ายเป็นพิเศษรึเปล่า?
ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, ทุกคนก็นั่งลง
ฟีเน่นั่งถัดจากฉันในขณะที่ลีโอนั่งถัดจากคริสต้าและริต้า
บางทีเขาน่าจะอยากดูแลพวกเธอ
ส่วนท่านพี่ลีเซก็นั่งข้างเอลน่าและเริ่มพูดคุยเรื่องเทคนิคดาบกันอย่างเร่าร้อน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ, คุณนายแอมส์เบิร์ก ข้ามีชื่อว่าเยอร์เกน ฟ็อน ไรน์เฟลด์ครับ”
“อ๊ะ, ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับท่านมาแล้วหล่ะดยุคไรน์เฟลด์ ทำผลงานใหญ่ไม่เบาเลยนะคะเนี่ย?”
“ชมแบบนั้นข้าก็เขินแย่สิครับ อันที่จริง, มีแร่ดีๆพึ่งถูกขุดพบในดินแดนของข้าด้วยและมันก็เป็นแร่ที่เหมาะกับการทำชุดเกราะมากเลยหล่ะครับ”
“อ๊ะ, ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ ช่วงนี้สามีของข้าไม่อยู่เพราะฉะนั้นให้ข้าเป็นคนคุยแทนเขาจะได้ไหมคะ?”
“แน่นอนครับ”
เยอร์เกนที่เข้ามาด้วยตอนนี้กำลังเจรจาธุรกิจกับคุณแอนนา
คนๆนี้เหมาะที่จะเป็นพ่อค้าจริงๆ ถึงยังไงนิสัยที่ไม่ยอมทิ้งโอกาสของเขานั้นจะสูญเปล่าเอาได้ถ้าเขาเลือกเป็นนักรบ
“เอ่อ, ท่านอัล……บางทีพวกเราน่าจะมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ?”
“…..ไม่หรอก, ข้าดีใจที่ทุกคนมานะ”
“หรอคะ! ข้าเองก็ดีใจค่ะ!”
พอพูดจบ, ฟีเน่ก็เผยรอยยิ้มกว้าง
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะไวน์หรือความเหงาที่แอบซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในใจฉันแต่ว่า
ตอนนี้เธอดูมีเสน่ห์มาก
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉันตัดสินใจว่าจะพูดทุกคำที่อยู่ในหัวของฉันกับเธอจริงๆ
“ข้าพูดแบบนี้ที่งานเลี้ยงไม่ได้แต่ว่า…..ชุดนั่นดูเข้ากับเจ้ามากเลยนะ สวยมากเลยหล่ะ”
“จ, จริงหรอคะ!? ขอบคุณมากเลยค่ะ!”
พอพูดจบ, ฟีเน่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่แก้มของเธอถูกย้อมด้วยสีแดง
หลังจากนั้น, ช่วงเวลาแห่งความสนุกก็ดำเนินต่อไปอีกซักพัก
ฉันคิดว่างานเลี้ยงโดยทั่วๆไปนั้นน่าเบื่อแต่งานเลี้ยงเล็กๆที่จัดขึ้นที่นี่สนุกมากเลยหล่ะ