นิยาย การกลับมาของฮีโร่
ตอนที่ 117
“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น คนพวกนี้ยกโขยงมาจากไหนเยอะแยะ?”
“ช่ว เงียบๆหน่อย อย่าเผลอไปมองหน้าพวกเขานะ เดี๋ยวจะมีเรื่องเอาป่าวๆ รีบหนีออกจากที่นี่เถอะ พวกเขาคงเกณฑ์ คนไปกระทืบใครบางคนละมั้ง”
“กระทืบ? คนอย่างเปโตรไม่ยอมนิ่งดูดายจริงๆด้วย กะด้วยสายตามีมากกว่า หนึ่งร้อยคนเลยนะ…”
“ช่างมันเถอะ รีบเผ่นกันก่อนดีกว่า เดียวจะพลอยโดนลูกหลงเอา”
ฝูงชนมืดฟ้ามัวดินรวมตัวกระจุกอยู่เต็มถนนทางเดิน ผู้ตื่นขึ้นบนชั้นที่ 31 จํานวนมากมารวมตัวอยู่ในจุดเดียวกันเกือบหมด
ความสนใจของพวกเขาทั้งหมดมุ่งตรง ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งนั้นก็คือโรงเหล้าขนาดเล็กชั้นเดียวตั้งอยู่ริมถนน
“เขาดูผ่อนคลายเหลือเกิน”ลุกค์พูด ขณะสายตาพินิจมองใบหน้าของซูฮยอนผ่านช่องว่างหน้าต่าง
ปราศจากข้อกังขาอีกฝ่ายเป็นคิมซูฮ ยอนผู้ตื่นขึ้นชาวเกาหลีใต้ไม่ผิดแน่ ซูฮยอนยังปล่อยตัวปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับชาร้อนๆของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ แม้ซูฮยอนจะสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของกลุ่มพวกลุกค์แล้วก็ตาม
<<แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมั่นใจฝีมือตัวเองพอสมควร>>
ระดับโดยรวมของผู้ตื่นขึ้นที่จับกลุ่มอยู่ที่นี่ ไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไรขนาดนั้น ในหมู่พวกเขาแรงค์สูงที่สุดคือ แรงค์ B แต่ค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่อยู่ที่แรงค์ C
แน่นอนว่าในหมู่พวกเขายังมีแรงค์ A ปะปนมาด้วย แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ ลุกค์
เห็นได้ชัดว่าต่อให้พวกเขาทั้งหมด รวมพลังเข้าด้วยกัน ก็ไม่สามารถข่มขวัญซูฮยอนผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ให้เกิดความเกรงกลัวได้
อย่างไรก็ตาม…
<<ทางเรามี “ปีศาจร้าย” เป็นไผ่ตายสําคัญ>>
เปโตร..
เขาคืออัจฉริยบุคคลมากความสามารถ การทดสอบในหอคอย เขาผ่านมาได้ โดยเลือกความระดับที่ 9 และเขามาหยุดอยู่บนชั้น 31 เมื่อหลายปีก่อน
ระดับทักษะของเปโตรสามารถเทียบเท่าระดับแรงค์ S อย่างสมน้ําสมเนื้อ แม้ความสามารถโดยรวมจะไม่สูสีเท่าระดับแรงค์ S แท้จริง แต่เขาก็มีประสบการณ์สั่งสมมาหลายปี การต่อกรกับซูฮยอนคงไม่เป็นปัญหามากนัก
ซูฮยอนได้รับตําแหน่งแรงค์ S มาไม่ถึงครึ่งปี ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีทางที่ อีกฝ่ายจะเอาชนะกลุ่มคนของพวกเขาได้
มีผู้ตื่นขึ้นนับร้อยคนเบียดเสียดอยู่ที่นี่ ต่อให้ซูฮยอนหลบหนีได้สําเร็จ อย่างน้อยเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บสะบักสะบอมบ้าง
<<จากข้อมูลทั้งหมด ได้ผลสรุปออกมาว่าพวกเราอยู่ในตําแหน่งได้เปรียบกว่า>>
สถานการณ์ทุกอย่างในปัจจุบันดูเรียบร้อย ทว่าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ คงมีผู้ตื่นขึ้นจํานวนหนึ่งบาดเจ็บไม่ก็ล้มตาย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายฝ่ายที่สามารถคว้าชัยชนะเอาไว้ในมือคงหนีไม่พ้นกลุ่ม
พวกเขา
<<พวกเราจะใช้ยุทธวิธีกองโจรที่สร้างความวุ่นวายให้พละกําลังของอีกฝ่ายถดถอยอย่างช้าๆ จากนั้นก็ให้เปโตรออกมาปิดฉาก>>
ยิ่งต่างหากแผนการที่วางเอาไว้ลุล่วงไปได้ด้วยดี พวกเขาจะได้ประโยชน์จาก เหตุการณ์นี้ไปเต็มๆ การปลงชีวิตซูฮยอนบนชั้นที่ 31 ซึ่งเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เพียงไม่กี่คนที่กล้าท้าทายระดับความยากที่ 10 แล้วรอดชีวิตกลับมา
เมื่อทางสํานักงานใหญ่ทราบข่าวการตายของซูฮยอนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มพวกเขา ทางนั้นจะไม่กล้ายุ่มย่ามกับพวกเขาอีกต่อไป
“รายงาน คนไม่เกี่ยวข้องอพยพออกไปรอบนอกหมดแล้วครับ
หลังจากได้รับฟังรายงานจากลูกน้อง ลุกค์หันมองรอบๆและถามย้ํา
“รวมไปถึงชาวพื้นเมืองด้วยใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
“ดีมาก”
แม้จะเป็นผู้ตื่นขึ้น หากพลั้งมือทําร้ายชาวพื้นเมืองของชั้นที่ 31 จะส่งผลกระทบทําให้ผู้ตื่นขึ้นอาศัยอยู่ในเมืองได้ยากขึ้น มีกฎอยู่หนึ่งข้อที่ผู้คนไม่ค่อยพูดถึง นั่นก็คือ ผู้ตื่นขึ้นและชาวพื้นเมืองจะไม่หันดาบใส่กันและกัน หากผู้ตื่นขึ้นละเมิดกฎข้อบังคับ การทําธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ภายในชั้นที่ 31 จะติดขัดขึ้นเป็นกอง
ระหว่างกําลังรอผู้ตื่นขึ้นตามมาสมทบ พวกเขาได้ทําการอพยพคนไม่เกี่ยวข้อง และชาวพื้นเมืองให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงก่อนม่านการต่อสู้จะแง่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
“คุณบอกว่าหลังจากภารกิจยุติ คุณจะเพิ่มเบลนดิ้งเป็นสองเท่าจากจํานวนปกติ เป็นความจริง?”
“เป็นความจริง แต่นายต้องทํางานให้ เต็มที่ด้วยเข้าใจไหม ถ้านายทําสําเร็จอย่าว่าแต่สองเท่าเลย สามเท่าฉันก็ให้ได้ลุกค์กล่าว
“ยะฮัว”
“สุดยอด!!!”
คําตอบกลับด้วยท่าทางมั่นใจของลุกค์ ส่งผลให้เกิดเสียงเชียร์จากทุกทิศทาง
เหตุผลทําไมพวกเขาถึงคลั่งไคล้เบลนดิ้งนัก มีที่มาที่ไปชัดเจน ลุกค์ก็เคยใช้ยาเสพติดทุกวันเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงทราบเป็นอย่างดีว่าผลกระทบหลังจากได้ลิ้มลองเบลนดิ้งมันเป็นยังไง
<< นี่สินะคืออภิสิทธิ์พิเศษของการผูกขาดสินค้าไว้กับตัวเองเพียงผู้เดียว >>
การบีบบังคับผู้ซื้อให้ถ้อยทีถ้อยอาศัย พวกเขาเพียงผู้เดียว โดยไม่มีสินค้าคู่แข่ง สรุปคร่าวๆคือการผูกขาดตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ
เปโตรใช้องค์กรส่วนตัวของเขาควบคุมการผลิตและการจําหน่ายเบลนดิ้ง คนอื่นๆ ไม่สามารถผลิตยาชนิดนี้เองได้ หากไม่ได้รับคําอนุญาตจากเขา
แม้แต่การส่งออกยาหรือการเป็นตัวแทนจําหน่ายก็ต้องได้รับคําอนุมัติจาก เขาก่อนด้วยเช่นกัน
ความแข็งแกร่งที่เปโตรครอบครองเป็นของจริง กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออํานาจในมือของเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
<<ต้องขอบคุณเปโตรจริงๆ ที่ทําให้ฉันสามารถควบคุมคนโง่เหล่านี้ได้>>
ตามจริงลุกค์ไม่ได้หวังอยากต่อสู้กับซูฮยอนเลยสักนิด เพราะมันไม่เหมาะกับสไตล์ของเขา
แต่ถ้าพวกเขาผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้ อิทธิพลของพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขึ้น จินตภาพที่คิดภายในหัว ส่งผลดีต่อองค์กรล้วนๆ ลุกค์จึงตัดสินใจรวมแผนการด้วย
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ ลุกค์ก็ส่งข้อความไปหาเปโตร ซึ่งเจ้าตัวคงกําลังเฝ้าดูเหตุการณ์จากระยะไกล
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายห้ามหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด ถ้าเกิดนายพลาดตายขึ้นมา ก่อนใครเพื่อน ทุกอย่างที่วางไว้เป็นอันจบ”ลุกค์พิมพ์ข้อความแจ้งเตือนให้เปโตรเป็นครั้งสุดท้ายและปริปากพูด
“เอาล่ะ มาเริ่มโชว์การแสดงกันเถอะ”
“ศัตรูกําลังเคลื่อน!!”
เสียงตะโกนร้อนรนของผู้ตื่นขึ้นทําให้ ลุกค์หักคอตัวเองดังกรอบ
ซูฮยอนที่กําลังจิบชาด้วยท่าทางสบายๆ ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งฉับพลันและจ้องมองลุกค์ตรงๆ
“ฉันนั่งรอพวกนายจนเบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
ซูฮยอนยืนบิดเอวยืดเส้นยืดสาย สายตาลอบมองไปยังดวงตาของลุกค์
แม้ว่าลุกค์จะซ่อนตัวอยู่หลังผู้ตื่นขึ้นหลายร้อยคน แต่ซูฮยอนก็ค้นหาตําแหน่งของลุกค์เจอได้อย่างรวดเร็ว
สายตาแหลมคมทําให้ความหนาวเย็น คืบคลานไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนค่อยๆลามไปทั่วร่างกาย
ซูฮยอนเดินออกไปนอกโรงเหล้า สายตากวาดมองฝูงชนและนับจํานวน
“10 20 50 100 นายเกณฑ์คนมาเยอะจัง”
เขายอมยกธงขาวยอมแพ้การนับจํานวนผู้ตื่นขึ้นที่อยู่รอบๆบริเวณโรงเหล้า ผู้ตื่นขึ้นที่รวมตัวกันอยู่ มีกลุ่มใหญ่ไม่ใช่เล่น
อย่างน้อยผู้ตื่นขึ้น 1 ใน 10 ที่พัก อาศัยบนชั้นที่ 31 ก็อยู่ที่นี่เกือบหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ตื่นขึ้นเกินครึ่งตกอยู่ภายใต้อาณัติของเปโตร
<<ไม่น่าเชื่อว่าจํานวนคนที่อาศัยอยู่บนชั้นที่ 31 จะเยอะขนาดนี้>>
พวกเขาใช้เวลาเรียกรวมพลเพียงไม่นาน แต่กลับสามารถรวบรวมได้เยอะขนาดนี้ หากพวกเขามีเวลาเตรียมตัวจริงจังละก็ กําลังพลคงมากกว่านี้หลายเท่า
ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปอํานาจและอิทธิพลของเปโตรจะยิ่งขยายวงกว้างมากขึ้น สิ่งเดียวที่จะสามารถหยุดยั้งชายอย่างเปโตร ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากซูฮยอน ชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงชั้น 31
<<แล้วเจ้าเปโตรมุดหัวอยู่ตรงไหนหว่า?>>
ชายคนนั้นไม่อยู่บริเวณแถวนี้ จากการสันนิษฐาน แผนการที่เปโตรวางเอาไว้ คือต้องการผลาญพละกําลังของซูฮยอนให้ได้มากที่สุดเพื่อง่ายต่อการโค่นล้ม
ช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาดมาก การ ต่อสู้ครั้งนี้หากเปโตรพลาดพลั้งตายขึ้นมา สิ่งที่ทํามาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลหรืออํานาจจะหายวับไปกับตา
<<ในเมื่อแกไม่อยากโผล่หัวออกมานัก...>>
ปัง!!
ซูฮยอนใช้กําปั้นทุบฝ่ามือพลางก้าวเดินไปข้างหน้า…
<<ฉันจะทําให้แกโผล่หัวออกมาเอง>>
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า จังหวะก้าวเดินผ่อนคลายไร้ความกังวล ราวกับกําลังรอให้กลุ่มผู้ตื่นขึ้นพุ่งถลาเข้าโจมตี
ท่าทางของซูฮยอนทําให้กลุ่มผู้ตื่นขี้ นรู้สึกกลัวจนหัวหด บางคนที่ไม่มีกะจิตกะใจต่อสู้แต่แรก รีบทิ้งอาวุธของตัวเองแล้ววิ่งแจ้นหนีไป
“กะ..เกิดบ้าอะไรขึ้น?”
“ทําไมถึงไม่มีใครกล้าเปิดฉากโจมตี?”
“ไอ้พวกขี้ขลาด!! แกทําบ้าอะไรกันอยู่? ยืนนิ่งหาพระแสงอะไร?”ลุกค์ตวาดเสียงกร้าว
ระหว่างซูฮยอนขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้ตื่นขึ้นที่มีอาการตกใจกลัวต่างพากันถอยร่นทิ้งระยะห่าง
กลุ่มคนโง่เง่าที่ถูกเรียกตัวมาเพื่อต่อสู้ แทนที่จะเชือดเฉือนอีกฝ่ายเต็มความสามารถ กลับมัวสาละวนถอยกรูดหนีศัตรูด้วยความหวาดกลัว
ภาพที่ออกมาทําให้ลูกค์ทั้งผิดหวัง แกมซึ่งโกรธ
<<ไอ้พวกเฮงซวย เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ>>
อย่าบอกนะว่าเจ้าบ้านั้น คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนหลายร้อยชีวิตจะเกิดการตอบสนองยังไง?
ซูฮยอนยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างสม่ําเสมอด้วยสีหน้าแช่มชื่น
ลุกค์ชําเลืองมองซูฮยอนที่กําลังเขยื้อนใกล้เข้ามา มือสองข้างกําหมัดแน่น
<<เห็นที่ฉันคงต้อง...>>
ลุกค์เองก็ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานคนหนึ่ง เขาสามารถผลักดันตัวเอง ให้มาอยู่ในตําแหน่งแรงค์ A ได้ แม้ตอนนี้เขาจะผันตัวกลายเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ผู้ควบคุมชั้นที่ 31 อยู่เบื้องหลังแล้วก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เปโตรเริ่มมีอํานาจบาตรใหญ่ ลุกค์ที่เปรียบเสมือนมือขวาจึงกลายเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนจํานวนมาก
แรงค์ S และ แรงค์ A มีกําแพงสูงชันขวางกั้นถึงกลางเอาไว้ แม้จะแค่ระดับเดียว แต่อานุภาพของพลังมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลุกค์จะทําอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
<<เอาไงเอากัน>>
ขณะที่ลุกค์กําหมัดแน่นและเตรียมพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า…
ตูม!!
เสียงระเบิดดังสนั่นเกิดขึ้นบริเวณจมูกของลุกค์ การมองเห็นที่เคยชัดแจ๋วเริ่มพร่ามัว ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดําสนิท
<<อะไรกัน?...>>
ปัง!!
ร่างกายของลุกค์ลอยละลิวไปบนอากาศไถลไกลหลายเมตร ร่างกายชนปะทะเข้ากับผู้ตื่นขึ้นที่ยืนอยู่ด้านหลัง แรงกระแทกทําให้พวกที่ยืนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ล้มคว่าคะมหงายเหมือนลูกโบว์ลิ่งชนพิน
หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วพริบตา ปัจจุบันลุกค์นอนทับอยู่บนตัวของผู้ตื่นขึ้นไม่ทราบชื่อ…
หนังตากระพริบปรือๆ เขาค่อยๆหมดสติและจมสู่ห้วงนิทรา ก่อนหมดสติเขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตัวเองโดนอะไรเข้าไป
“ขะ..เขามาแล้ว!!”
“ทุกคนเตรียมพร้อมต่อสู้!!”
ทันใดนั้นซูฮยอนที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ก็ระเบิดพลังเปลวเพลิงออกมา หมัด 2 ข้างถูกเปลวเพลิงร้อนแรงห่อหุ้มเอาไว้
เขากระโจนเข้าหากลุ่มฝูงชนที่แออัด อยู่ตรงหน้าแล้วประเคนหมัดเปลวเพลิน โจมตีพวกเขา
ตูม! ตูม!
ทุกครั้งที่หมัดของซูฮยอนต่อยลงบน เบ้าหน้าของใครก็ตาม หน้าของคนผู้นั้นจะบุบลงไป
อัก!! อัก!!
ผู้ตื่นขึ้นที่เปโตรเรียกรวมพลมีสภาพดูไม่จืด บางคนหัวแตก บางคนใบหน้าบวมช้ํา บางคนอาการหนักสุดถึงขั้นทรุดลงไปกองกับพื้นและชักดิ้นชักงอ แผ่นหลังก้งโค้งจนดูน่ากลัว ดูไม่จืด บางคนหัวแตก บางคนใบหน้าบวมช้ํา บางคนอาการหนักสุดถึงขั้นทรุดลงไปกองกับพื้นและชักดิ้นชักงอ แผ่นหลังกังโค้งจนดูน่ากลัว
“หยุดมันให้ได้!!”
“ในหมู่พวกเราใครมีสกิลพันธนาการหรือป่าว? รีบหยุดมันเร็ว”
“ไม่ต้องสนกลยุทธ์ กระหน่ําโจมตีใส่มัน ด้วยทุกอย่างที่มีก็พอ!!”
มือสีดําปริศนาโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วคว้าจับข้อเท้าซูฮยอนเอาไว้ ขณะเดียวกันโซ่เส้นใหญ่ลอยลู่ลมพุ่งเข้าหา ซูฮยอนและม้วนรัดรอบตัวอย่างแน่นหนา หมายมั่นผนึกการเคลื่อนไหวหน
“พวกเราทําสําเร็จแล้ว!!”
“ทําได้บ้าอะไรของแก อย่าเหลิงให้ มากนัก”
กรอบแกรบ!!
ตดยังไม่ทันหายเหม็น มือที่พยายามกุมข้อเท้าซูฮยอนเอาไว้แตกละเอียด พื้นดินที่มีมือดําโผล่ออกมา ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นสภาพพื้นดินดังเดิม โซ่ที่ม้วนรอบตัวซูฮยอนเอาไว้ก็ขาดออก จากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยชั่วพริบตา
หลังจากซูฮยอนอิสระ เขาเหวี่ยงหมัดโจมตีอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา
ปัง!!
อีก!!
เสียงลมหายใจฟืดฟาดของคนนิรนาม เงียบหายไปกลางคัน ร่างกายทรุดลงไปนอนกองบนพื้น
ซูฮยอนเมินเฉยและเลือกกระหน่ำหมัด โจมตีเป้าหมายคนใหม่ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดต่อ…
“เชี่ยเอ้ย ไอ้บ้านี้เป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้หรือไง?”
“น่ากลัวเป็นบ้า รู้ไหมฉันได้ยินมาว่า เขาใช้ดาบเป็นด้วย”
“ดาบเหรอ จริงด้วยเขาเหน็บเก็บไว้อยู่ตรงเอว”
กลุ่มคนที่ล้อมรอบซูฮยอนตกอยู่ใน ความยุ่งเหยิง
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ มีคนจํานวนมากถูกเขียออกจากสนามต่อสู้ ลุกค์ที่ควรบัญชาการแนวหน้าก็หมดสติไปก่อนใครพวก
เปโตรความหวังเดียวของพวกเขาก็ได้ วี่แววไม่มีใครรู้ด้วยซ้ําว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาตอนไหน
“ปวดกบาลโว้ย เขาต้องการให้พวกเราจัดการกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไงกันแน่?”
อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มวัยรุ่นหนึ่งคน
แม้ว่าภาพรวม พวกเขาเหมือนได้ เปรียบเรื่องจํานวน แต่เพราะทักษะการต่อสู้ของพวกเขาและซูฮยอนต่างกันเกินไป ทําให้ผลลัพธ์เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้น
“เปโตรมุดหัวอยู่ไหน?”ซูฮยอนเปิดปากถาม ฝูงชนที่ห้อมล้อมเริ่มกระเถิบ เว้นระยะห่างกับเขามากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อไม่มีใครตอบคําถาม ซูฮยอนหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาเอื้อมมือไปจับด้ามดาบ และบ่นพึมพํา
“ถ้าเดาไม่ผิด เขาอาจจับตาดูเหตุการณ์อยู่จากที่ไหนสักแห่ง”
ซูฮยอนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามกระจ่างใส
“ไม่ว่าแกจะเฝ้าดูอยู่ที่ไหนก็ตาม”
ดาบถูกชักออกมาจากฝัก บรรยากาศรอบตัวซูฮยอนโหมกระหน่ําแปรปรวน
“ชอบเป็นผู้ชมติดขอบสนามนักใช่ไหม จับตาดูให้ดีแล้วกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาจะพังพินาศภายให้วันนี้!”
เปโตรกําลังเฝ้ามองสถานการณ์ผ่าน ลูกแก้วคริสตัลขนาดสมส่วน
ภาพที่ฉายผ่านลูกแก้วคริสตัลคือ ร่างกายซูฮยอนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหลือเพียงภาพติดตา กําลังเหวี่ยงอาวุธฟันใส่ลูกน้องของเขา
ซูฮยอนเริ่มออกกระบวนท่า ด้วยสกิลที่ยอมเยี่ยมของเขาทําให้ทุกอย่างที่ข้างหน้าถูกทําลาย
ในระหว่างซูฮยอนกําลังนัวเนียกับการต่อสู้ จู่ๆเขาก็หยุดยืนอยู่กับที่เฉยๆและพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเยือกเย็น
“ชอบเป็นผู้ชมติดขอบสนามนักใช่ไหม จับตาดูให้ดีแล้วกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา จะพังพินาศภายให้วันนี้!”
ซูฮยอนแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่สําหรับเปโตร เขารู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายกําลังมองมายังเขาผ่านลูกแก้วคริสตัล
เป็นไอ้สารเลวที่ไหวพริบดีเหลือเกิน เปโตรคิดสรตะบางที่อีกฝ่ายอาจจะค้นพบสกิลของเขาแล้วก็ได้ เพราะงั้นซูฮยอนจึงจงใจพูดออกมาเพื่อให้เขาได้ยิน
<<เหตุผลที่มันไม่ยอมทําลายสกิลของฉัน เพราะต้องการให้ฉันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและเป็นสักขีพยานสินะ>>
ถ้าเขาต้องการ ซูฮยอนสามารถทํา ลายสกิลของเปรโตรได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ทําและเลือกโรมรันต่อไป
เลือดสีแดงเรื่อสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนลูกแก้วคริสตัล
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ มีคนจํานวนมาก พ่ายแพ้หมดสภาพ
ไหล่ของเปโตรสั่นไหว “ไอ้สารเลว….”
กําปั้นซูฮยอนกระแทกเข้าหน้าท้อง ของผู้ตื่นขึ้นคนหนึ่ง
ชายผู้โชคร้ายยกมือกุมท้อง ร่างกายโงนเงนไปมาก่อนทรุดลงกับพื้น แม้ว่าแววตาชายคนนั้นจะไร้ความกระตือรือร้น แต่เพราะยาเสพติดเบลนดิ้ง เขาจึงยังไม่ยอมแพ้และพยายามโจมตีซูฮยอน เพื่อให้ตัวเองได้ส่วนแบ่งเบลนดิ้งสักเล็กน้อยก็ยังดี
<<เขาต้องการปราบปรามคนติด ยาหรือเขาต้องการสังหารคนที่มีจิตใจด่างพร้อยกันแน่?>>
ปัจจัยหลักที่ทําให้ซูฮยอนจัดการลูกสมุนของเขาขั้นเด็ดขาด เพราะต้องการบีบบังคับให้เขาโผล่หัวออกมาจากที่ซ่อน หรือไม่ก็อยากกําจัดเศษมนุษย์ที่สร้างความเน่าเฟอะบนชั้นที่ 31
ไม่ว่าซูฮยอนจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่มีทางลงไม้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับคนไม่รู้จักแม้แต่หน้าค่าตาป่านนี้แน่
<<อย่าบอกนะว่า เขารู้ความสามารถที่แท้จริงของฉัน?>>
เปโตรสายหัวปฏิเสธความคิดนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้และไม่ควรเกิดขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ
เปโตรยังคงใจแข็งเฝ้ามองเหตุการณ์ผ่านลูกแก้วคริสตัลอีกสักพัก เขายังไม่อยากเคลื่อนไหวตอนนี้
<<แม่งเอ้ย>>
เปโตรกําหมัดแน่นและพยายามอดกลั้นอารมณ์ รากฐานที่เขาใช้เวลาสร้างมานานแสนนาน กําลังพังทลายด้วยน้ํามือของชายหนุ่มเพียงคนเดียว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา…
<<คนที่ใช้การไม่ได้ก็สมควรโละออกโอกไป>>
ชั้นที่ 31 มีผู้ตื่นขึ้นหน้าใหม่วนเวียนมาเรื่อยๆไม่ขาดสาย
เขารู้ดีว่าเบลนดิ้งมันน่าดึงดูดใจขนาดไหน ในฐานนะผู้ผลิตและผู้จัดจําหน่ายรายใหญ่ ด้วยยาชนิดนี้เขาสามารถขยายอิทธิพลและสร้างฐานอํานาจของเขาขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อตามต้องการ
ไม่สําคัญว่าพวกนั้นจะเป็นหรือตาย สําหรับเขาตอนนี้ การเอาชีวิตให้รอดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมสําคัญเป็นอันดับแรก
<<อีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น อดทดไว้...>>
เปโตรเฝ้ามองการต่อสู้ผ่านลูกแก้วคริสตัลและหวังให้ลูกกะจ๊อกประวิงเวลาต่ออีกสักพัก แต่ทว่า…
“ฉันหาแกเจอแล้ว!!”
เสียงกังวานของซูฮยอนดังออกมาจากลูกแก้วคริสตัล แก้วหูและร่างกายของเปโตรสั่นครั่นครื้นพร้อมกัน…
MANGA DISCUSSION