การทดสอบได้ถูกหยุดพักไว้ก่อนเมื่อวินฟอร์ตตัดสินใจนำเรื่องเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น
ไปเล่าให้เหล่าผู้อาวุธโสฟังในระหว่างที่ทุกคนรอ ก็คงห้ามทุกคนไม่ให้พูดเรื่อง
ที่เกิดขึ้นกับผมได้ เหตุการ์ณมันช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมคิดซะเหลือเกิน
ทั้งๆที่ต้องการจะอยู่เงียบๆแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทุกคนสนใจแต่ผม
“นายไม่ได้เรียกร้องความสนใจปะเนี่ย ใช่มั้ย?”
แกรี่พูดแซวผมในขณะที่เอาแขนมาโอบไหล่ผม
“นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้น”
“ครั้งแรกมีปัญหากับเลนซี่และนี่อีก และนายก็จัดการมันไม่ได้”
วินฟอร์ตเดินกลับมาพร้อมกับมาพูดคุยกับพวกเราอีกครั้งหลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้ว
“ดูเหมือนว่าจะเกิดผลกระทบที่รุนแรงจากการใช้เวทมนตร์มากเกินไปจนทำ
ให้นักเวทย์ป่วยเป็นไข้ MANA นักเรียนคนไหนที่ได้ทดสอบไปแล้วคะแนนก็ยังจะอยู่เท่าเดิม
และหลังจากเหตุการ์ณนี้ทำให้เรย์ได้คะแนนที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก
ยังโชคดีที่นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกของเราถ้าเกิดในโลกภาพลวงตาจะต้องแย่แน่ๆ”
นักเรียนเริ่มที่จะซุบซิบกันอีกครั้ง
“งั้นคะแนนเขาจะต้องได้รับแค่ไม่กี่วินาทีหรอ?”
“คนที่มีผมสีแดงก็จะต้องเจอแต่เรื่องร้ายแรงแบบนี้ทั้งนั้นแหละ เรื่องที่เขาลือกันว่า
เรย์เป็นเด็กถูกคำสาปอาจจะเป็นเรื่องจริง”
“ดูเหมือนว่าสีแดงก็คงน่าจะเป็นสีเข็มขัดที่เขาจะได้แน่ๆ”
ตอนที่ทุกคนเริ่มที่จะย้ายไปที่การทดสอบต่อไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามที่ค้างในใจผม
“ไข้ MANA คืออะไร?” ผมถามแกรี่
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะมีหนึ่งคนแน่ๆที่รู้ “
แกรี่พูดพร้อมกระโดดเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมกับไม่รอช้า
ที่จะวิ่งตรงเข้าไปหาซอลเวีย
“ซอลเวีย ฉันมีคำถามที่จะถามเธอ!!!! “
แม้ว่าเธอจะรู้สึกแปลกใจแต่เธอก็ยอมเดินไปฐานต่อไปพร้อมกับผมและแกรี่
“ทำไมทุกครั้งที่พวกนายมีคำถามจะต้องมาถามฉันตลอด?”
“เราไม่รู้จักใครเลยที่นี่ ฉันและเรย์อยู่กันแค่สองคนใน Renny town และตอนนี้
อีกคนที่พวกเรารู้จักก็คือเธอที่ได้คะแนนมากที่สุดในห้องมาโดยตลอด”
ความจริงก็คือแกรี่พยายามที่จะทำความรู้จักกับนักเรียนทุกคนใน Renny town นั่นแหละ
แต่ทุกครั้งที่ไม่ว่าพวกเขาจะชวนแกรี่ไปทำอะไร แกรี่มักจะถามกลับไปว่าชวนผมไปด้วยได้ไหม
ไม่ต้องเดาคำตอบก็คือ “ไม่”และมันก็ไม่จริงๆ หลังจากนั้นทุกคนก็เลิกยุ่งกับเขาทันที และพวก
เราทั้งคู่ก็กลายเป็นสองคนที่แปลกแยกที่สุดในโรงเรียน
“ไม่เป็นไร ไม่แปลกหรอกที่พวกนายจะไม่รู้เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเวทมนตร์ทั้งนั้น
โรค MANA จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนักเวทตร์พยายามที่จะใช้เวทมนตร์หรือคาถาที่มากเกินไป
ทำให้เวทมนตร์เหล่านี้ย้อนกลับเข้าสู่ตัวและนี่ก็คือสาเหตุของการเกิดอาการแปลกๆอย่าง
ที่พวกเราเห็น “
นี่คือข้ออ้างที่พวกเขาใช้กันชัดๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือคำตอบที่ค่อนข้างจะฉลาด
ในการตอบแบบนั้น นักเวทตร์ร่ายมนตร์และสะกดจิตรนักเรียนทั้ง300 คน ดังนั้นข้อแก้ตัว
ที่ซอลเวียพูดมาถือว่าก็ยังพอยอมรับได้
ซอลเวียมองไปที่แกรี่พร้อมกับชี้นิ้วไปทางแกรี่และพูดว่า
“ฉันจะไม่ยอมแพ้นายแน่ !” ซอลเวียรีบเดินผ่านแกรี่ไปยังฐานต่อไป
“ดูเหมือนว่าใครบางคนแถวนี้จะได้คู่แข่ง” ผมพูดกับแกรี่
แกรี่หัวเราะพร้อมกับพูดว่า
“ฉันมีคู่แข่งคนเดียวเท่านั้นแหละ”
เมื่อเราเดินทางมาถึงจุดทดสอบที่สามก็ทำให้ตกใจเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันว่างเปล่า
มีเพียงแค่มาสเตอร์อัศวินที่สวมชุดสีดำเท่านั้น เขาพกอุปกร์ณที่ส่องแสงและแขวนมีด
เล็กๆทั้งสี่ด้ามไว้รอบเอวพร้อมกับผ้าปิดปากสีดำที่ทำให้เห็นเพียงแค่ดวงตาเขาทั้นนั้น
ช่างน่าลึกลับอะไรขนาดนี้………
“การทดสอบครั้งที่สามเรียกว่า ค่ำคืนแห่งความเงียบ สำหรับการทดสอบครั้งนี้
อยากให้ทุกคนสังเกตุฉันไว้ดีๆและต้องพยายามที่จะเรียนแบบทุกท่าทางให้ได้
ฉันจะทำสาธิตให้ดูเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น”
ทันใดนั้นอัศวินเริ่มเคลื่อนไหวในท่าทางแปลกๆ มันเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แม้ว่าเขาจะอยู่บนพื้นที่โล่งที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง แต่ก็พบว่ามันยากที่จะจำท่าทางได้
เท้าของเขาดูเหมือนจะใช้เวทมนตร์ในการย้ายจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง
นักเรียนทุกคนต่างก็ประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของเขา ผมกำลังสงสัย
ว่าที่ผ่านๆมาคนส่วนมาจำท่าทางของเขาได้อย่างไร แล้วในตอนนี้พวกเราจะ
จำมันทั้งหมดได้อย่างไร?
หลังจากจบการสาธิตนักเรียนทุกคนต่างพากันพยายามเลียนแบบท่าทางของมาสเตอร์
แต่ก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จ แม้แต่แกรี่และซอลเวียถึงจะเก่งแค่ไหนแต่ก็ทำมันไม่สำเร็จ
ท่าทางการสายหัวไปมาของมาสเตอร์ทำให้รู้เลยว่าเขาผิดหวังมากแค่ไหน ส่วนตัวผมเอง
ก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเคลื่อนไหวให้แต่แบบเขาแต่การควบคุมร่างกาย
มันไม่ใช่พรสวรรค์ของผมจริงๆ
เมื่อการแข๋งขันจบลงมีเพียงนักเรียนสองคนเท่านั้นที่มาสเตอร์ให้ผ่านได้ และหนึ่งในนั้น
ก็คือ มังค์ ถึงแม้ว่าการทดสอบที่ผ่านมาเขาจะทำมันไม่ได้ดีนักแต่ครั้งนี้เขาทำได้ราวกับว่า
เขาค้นพบตัวเองแล้วก็ว่าได้
เราเดินทางมาถึงการทดสอบที่สี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงแค่สนามทดสอบธรรมดา
ด้านหน้าคือหมู่บ้านเล็กๆ ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเป้ายิงธนูติดอยู่เต็มไปหมด ติดอยู่ใน
หน้าต่างบนดาดฟ้า และประตูตามบ้านและอื่นๆอีกมากมาย
คนคุมการทดสอบรอบนี้เป็นอัศวินผู้หญิง เธอรูปรางผอมเพรียมพร้อมกับสีบอล์นด
ยาวไปถึงเอว ดูเหมือนว่าเธอจะต้องได้รับความนิยมในหมู่หนุ่มๆแน่ๆ เหล่าอัศวินทั้งหลาย
จะต้องโอดโวยเมื่อพบเธอ เธอคงเป็นอีกคนที่ใช้คำนิยามคำว่า “สวย”
เธอไม่รอช้าที่จะทำให้ทุกคนอยู่ในความสงบโดยการยิงธนูให้เฉียดหน้าแก้มนักเรียน
คนนึง
การทดสอบครั้งนี้มีชื่อว่า ดวงตาแห่งความแม่นยำ เป้าหมายของเราคือการที่จัดการเป้าหมาย
ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ จุดเป้าหมายทุกจุดได้มีการทำเครื่องหมายไว้หมดแล้ว
ยิ่งยิงให้เข้าใกล้จุดเป้าหมายมากเท่าไหร่ ก็จะได้คะแนนเยอะขึ้นเท่านั้น คุณจะต้องตัดสินใจ
เองว่าความไวหรือความแม่นยำกันแน่ที่สำคัญ
ผมค่อนข้างตื่นเต้นกับการทดสอบในครั้งนี้เพราะมันเหมือนกับการที่ผมใช้ดวงตามังกร
ที่จะสามารถเห็นเหตุการ์ณก่อนได้และมองเป้าหมายได้ง่ายขึ้น แม้ว่าผมจะไม่เคยใช้ธนูมาก่อน
แตมันก็ดูไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
ในการทดสอบทุกครั้งคนที่ทำได้ดีที่สุดก็หนีไม่พ้นไอลาน ซอลเวียและแกรี่
พวกเขาได้คะแนนเป็นอันดับสองรองจาก นักเรียนคนนึงเธอชื่ มาร์ธา วูดลอค
ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ แม้แต่รุปร่างก็คุ้นเหลือเกิน
เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีเขียว ผมยาวสีน้ำตาล ผมมั่นใจได้เลยว่าจะต้องเคย
เจอเธอที่ไหนมาก่อนแน่ๆ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาของผม ผมรีบเดินหยิบธนูบนโต๊ะก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่สนาม พร้อมกับ
สำรวจว่าจุด X ที่อยู่ตามจุดเป้าหมายอยู่ตรงไหนบ้าง ก่อนที่มาสเตอร์จะให้สัญญาณว่า
เริ่มได้ ผมได้แอบเปิดดวงตามังกรไว้ก่อนแล้ว มันทำให้ผมสามารถมองเห็นเป้าหมาย
ที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน และมองเห็นได้ว่าจะจัดการอันจุดไหนได้ก่อนกัน
“เริ่มได้” เธอตะโกน
ผมหยิบคันธนูมาจากด้านหลังและยิงให้สุดแรงเท่าที่ผมจะทำได้
“โป๊ะ!!!!”
เสียงของคันธนูที่ตกล่วงลงพื้นพร้อมกับสายของธนูที่ขาดไป ผมมองไป
ยังมาสเตอร์พร้อมกับสงสัยว่าสถานการ์ณแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
“เรื่องของโชคคือส่วนนึงของการทดสอบนะ” เธอพูด
ผมเดินกลับมาที่นั่งพักพร้อมกับการยิงเป้าหมายเป็น ศูนย์….
MANGA DISCUSSION