จิ่งชือยิ้มกว้าง "จริงเหรอ นั่นหมายความว่าฉันก็ยังพอมีโอกาส คิดถูกแล้วใช่ไหมที่กลับมา?"
ตานอวี๋เวยส่งเสียงอืมในลำคอเพื่อตอบรับ
ในช่วงบ่ายตอนเธอพาจิ่งชือออกมาด้านนอก เธอไม่ได้ขับรถออกมา เธอพาจิ่งชือมาทำความคุ้นเคยกับเมืองอวิ้นอีกครั้ง ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับว่าได้ย้อนกลับไปในช่วงมหาวิทยาลัยอีกครั้ง พวกเธอเดินเล่นและพูดคุยกันกระทั่งท้องฟ้าได้มืดลง
จิ่งชือบอกว่าเธอจะอยู่ที่นี่สักสองสามวันก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน เธออยากจะพักอยู่กับตานอวี๋เวยก่อน ตานอวี๋เวยจึงพูดว่า "เธอไปนอนโรงแรมดีกว่า ห้องฉันรกมาก ฉันล่ะกลัวเธอจะรับไม่ได้"
"ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ยังไงก็เถอะฉันไม่ได้สนใจเรื่องสกปรกเลอะเทอะของเธออยู่แล้ว"
"เธอไม่สนใจ แต่ฉันอาย" ตานอวี๋เวยพูดพร้อมรอยยิ้ม เธอพาจิ่งชือไปยังโรงแรมสี่ดาว หลังจากที่จ่ายค่าห้องพักของโรงแรมเสร็จแล้ว เธอเดินไปส่งเพื่อนรักถึงห้องพัก จากนั้นเธอก็ออกจากโรงแรม
ทันทีที่ตานอวี๋เวยออกจากโรงแรม โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาคือลู่เจ๋อเฉิง "คุณหันหลังกลับมา"
เธอหันหลังกลับไปมองอย่างสงสัย เธอเห็นเมอร์เซเดส มายบัคจอดอยู่ข้างทาง เขายิงไฟสูงใส่เธอสองครั้ง หัวใจของเธอราวกับถูกบีบรัด เธอหันไปมองโรงแรมอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเธอถือโทรศัพท์รีบวิ่งไปที่รถ
หลังจากเธอเข้าไปภายในรถ ตานอวี๋เวยก็ถามว่า "คุณคงไม่ได้ตามเราทั้งสองคนตั้งแต่บ่ายใช่ไหม?"
"ผมไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้น" ลู่เจ๋อเฉิงกล่าว ในไม่ช้ารถก็เริ่มออกตัว "ผมคิดว่าคุณน่าจะพาเธอมาพักที่นี่ หลังจากเลิกงานผมก็เลยขับมาดูแล้วพวกคุณก็มาพอดี"
ตานอวี๋เวยส่งเสียงในลำคอเพื่อตอบรับ
ลู่เจ๋อเฉิงพาตานอวี๋เวยมายังร้านอาหารท่ามกลางธรรมชาติที่เธอชอบมาประจำ
วันนี้ไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ คนจึงไม่พลุกพล่าน ทั้งสองนั่งรออยู่ด้านนอก ไม่นานนักก็เข้าไปภายในร้านและสั่งอาหาร
"เอาเท่านี้แหละ" ตานอวี๋เวยมอบรายการอาหารคืนให้แก่พนักงาน เมื่อเธอหันหน้ากลับมาก็เห็นว่าลู่เจ๋อเฉิงหยิบกล่องเล็กๆออกจากกระเป๋าเสื้อของเขาและแสดงท่าทางให้เธอยื่นมือออกไป
จากนั้นข้อมือของเธอสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น เมื่อตานอวี๋เวยจ้องมอง เธอพบว่ามันคือสร้อยข้อมือประดับประดาด้วยดอกไม้แสนประณีต จุดบรรจบกันของสร้อยข้อมือมีป้ายแบรนด์ Tiffany & Co. เธอเงยหน้าขึ้นไปมองลู่เจ๋อเฉิงด้วยความประหลาดใจ
"ให้ฉันเหรอ?"
ลู่เจ๋อเฉิงส่งเสียงอืมภายในลำคอเพื่อตอบรับ "บังเอิญเห็นมันภายในร้านแล้วคิดถึงคุณผมก็เลยซื้อมา"
ตานอวี๋เวยสัมผัสสร้อยข้อมือบนข้อมือของเธอ จู่ๆภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ แม้เธอจะมีความสุขเล็กน้อยก็ตาม
แม้เธอและลู่เจ๋อเฉิงจะอยู่ด้วยกันมานานกว่าสามปี แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ตานอวี๋เวยไม่คิดว่าลู่เจ๋อเฉิงจะชอบตนเอง เธอรู้ว่าเขาชอบจิ่งชือ ที่เขาใช้เวลาอยู่กับเธอก็เพื่อปลอบใจที่บาดเจ็บก็เท่านั้น
และเธอเองก็เต็มใจยอมอยู่ข้างกายเขาในสถานะแบบนี้อย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นตานอวี๋เวยดีใจราวกับเด็กน้อยที่ได้ลูกอม ริมฝีปากของลู่เจ๋อเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม "ก็แค่สร้อยข้อมือ ดีใจขนาดนั้นเชียว? หลังจากนี้ใช่ว่าจะไม่มีของขวัญแล้วเสียหน่อย"
หลังจากนี้…
จู่ๆตานอวี๋เวยก็นึกถึงจิ่งชือที่พักอยู่ในโรงแรม ภายในใจของเธอรู้สึกผิด เธอแสร้งทำเป็นสงบนิ่งและกล่าว "ก็คุณน่ะเป็นคนที่ยุ่งมากน่ะสิ แต่ยังสามารถหาเวลาไปซื้อของขวัญให้ฉันได้ นี่เป็นเรื่องที่ยากนัก ทำไมฉันจะมีความสุขไม่ได้ล่ะ?"
ลู่เจ๋อเฉิงหัวเราะเบาๆ สายตาที่ลึกล้ำจ้องมองตานอวี๋เวย "ดังนั้นคุณคิดอยากจะขอบคุณผมหรือ?"
สายตานี้ตานอวี๋เวยค่อนข้างคุ้นเคย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อจากนั้นเธอจึงก้มศีรษะลง
หลังจากทานอาหารเสร็จ ลู่เจ๋อเฉิงก็ส่งตานอวี๋เวยกลับบ้าน ขณะที่ลงจากรถเขาก็หยิบรองเท้าจากเบาะหลังและยื่นให้กับเธอ "วันนี้ผมไม่ยุ่ง ที่ไปก็เพราะว่าอยากเจอคุณ แม้ว่ามันจะเป็นสินค้าของร้านคุณ แต่ผมก็ใช้เงินผมจ่าย"
ตานอวี๋เวยยิ้มและขำ เธอชำเลืองมองเขา "ใช่แล้วใช่แล้ว ทนายลู่น่ะดีที่สุดแล้ว"
ลู่เจ๋อเฉิงจ้องมองเธอประมาณสองวินาที เขาปลดเข็มขัดนิรภัย โน้มตัวเข้าหาตานอวี๋เวยและมอบจุมพิตให้กับเธอ
จูบที่กะทันหันทำให้ตานอวี๋เวยตกตะลึง มือทั้งสองข้างของเธอโอบไหล่ของเขาอย่างไม่รู้ตัวและตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ ภายในรถที่เงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองและอบอวลไปด้วยกลิ่นที่หอมหวาน
MANGA DISCUSSION